28 มี.ค. 2019 เวลา 03:43 • ประวัติศาสตร์
อัล คาโปน (Al Capone) ชายที่ชิคาโกจะจดจำตลอดไป
วันที่ 16 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1931 เป็นวันที่คดีหลีกเลี่ยงภาษี ของ อัลคาโปน ถูกส่งขึ้นศาลเป็นนัดแรกและหลังจากนั้นไม่กี่เดือน อัลคาโปนก็ถูกพิพากษา ให้มีความผิด พร้อมกับโดนจำคุก 11 ปี และ ปิดตำนานยอดมาเฟียอย่าง อัลคาโปน
อัลฟองเซ่ คาโปเน (Alphonse Gabriel) หรือ อัล คาโปน เกิดใน บรู๊คลิน แห่งมหานครนิวยอร์ค ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1899 ซึ่งเป็นบุตรชายคนที่ 4 ของ กาเบรียล อัลคาโปน หัวหน้าครอบครัวอพยพชาวอิตาลี
ด้วยความเป็นครอบครัวอพยพ อัลคาโปน จึงถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยนัก เลยทำให้ อัล คาโปน จำเป็นต้องออกมาช่วยทำงานหาเลี้ยงครอบครัวในขณะที่อยู่ เกรด 6 และด้วยความจนและสังคมของอัลคาโปนมีชีวิตวนเวียนอยู่กับวงการนักเลง
ถึงอย่างไรก็ตาม อัล คาโปน เริ่มชีวิตการทำงานด้วยการทำงานสุจริต อย่างการเป็นบาร์เทนเดอร์ ที่ร้านเหล้า ฮาวาร์ด อินน์
เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน อัล คาโปน ผู้มักใหญ่ใฝ่สูง รับรู้ว่าการทำงานสุจริต ไม่สามารถทำให้เขามีฐานะที่ร่ำรวยแบบที่ต้องการได้ อัล คาโปน จึงเริ่มหันเหเข้าสู่วงการ แก๊งสเตอร์ อีกครั้ง
อัล คาโปน นั้น เริ่มต้นชีวิตกับแก๊งของ จอห์น ทอร์ริโอ ซึ่งธุรกิจและอำนาจของ จอห์น นั้นขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว จาก บรูคลิน สู่ ชิคาโก หลังจากนั้นไม่นาน จอห์น มอบอำนาจและความเชื่อใจให้กับ แฟรงกี้ เยล ซึ่งเป็น อาจารย์ของ อัล คาโปน นั่นทำให้เขาขยับตัวเองขึ้นมาเป็นมือขวา อย่างรวดเร็ว
เมื่อ อัล คาโปน ได้รับความวางใจและโอกาสครั้งนี้ เขาจึงไม่ปล่อยให้มันเสียหลาย อัล คาโปน เริ่มธุรกิจ การพนัน แข่งม้า และที่สำคัญที่สุด คือการค้าเหล้าเถื่อน ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่เย้ยอำนาจของรัฐเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่า ธุรกิจนี้้เองมีเม็ดเงินมากมายไหลเวียนอยู่ ทำให้แก๊งของ อัลคาโปน ต้องเปิดฉากปะทะกับแก๊งอื่นอยู่บ่อยๆ
หลังจากนั้นไม่นาน จอห์น เทอริโอ ที่กลับบ้านมาอยู่ที่ ชิคาโก กลับถูกชายสองคนลอบยิง เขา จนบาดเจ็บสาหัส เมื่อ อัล คาโปน ได้ยินข่าวดังนั้นจึงรีบไปดูแล ราวกับเป็นพ่อลูกกัน ก็มิปาน แต่เมื่อ จอห์น เทอริโอ ออกจากโรงพยาบาล ก็จำจะต้องถูกโยนเข้าคุกจากคดีเก่าๆ ดังนั้น เขาจึงมอบอำนาจทั้หงมด ให้ อัล คาโปน ดูแลสืบไป
ใน ช่วงที่เขาไปดูแล จอห์น ที่โรงพยาบาลนั้น เขาได้พบกับ แฟรงกี้ เยล ซึ่งได้วางมือไปก่อนหน้านี้ และนอกจากนั้น เขาได้เตือน อัล คาโปน เกี่ยวกับการเดินทางต่อในสายเจ้าพ่อ ว่าอันตรายแค่ไหน และ นอกจากนั้นยังเตือนเกี่ยวกับ มือปืน จากแก๊ง ริชาร์ด โลเนอร์แกน ที่จะลอบสังหาร อัลคาโปน และ แก๊ง ในงานวันคริสต์มาส ที่คลับ อโดนีส
เมื่อได้ยินดังนั้น อัล คาโปน ไม่คิดแม้แต่จะถอย ในวันที่งานคริสต์มาสมาถึง เขาและสมาชิกแก๊งที่เตรียมอาวุธครบมือ ถล่มยิง โลเนอร์แกนและคนของเขาจนสิ้น และนี่คือที่มาของ "ฆาตกรรมหมู่ที่อโดนิส"
เมื่อ เหตุการณ์ ในวันคริสมาสต์ผ่านไป อัล คาโปน ยังคงฝังใจกับมือปืนที่ลอบยิง เจ้านายผู้ที่เขารักเหมือนพ่ออย่าง จอห์น
ด้วยเหตุดังนั้น เขาจึงสืบจนทราบได้ว่าไฮมี ไวสส์ (Hymie Weiss) และ บักส์ มอแรน (George 'Bugs' Moran) จากแก๊งของ มอแรนไวส์ ที่มีปัญหาเรื่องเหล้าเถื่อน ดังนั้น อัล คาโปน จึงไม่ลังเลเลยที่จะคิดบัญชีแค้นครั้งนี้
ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1926 อัล คาโปน ได้เริ่มแผนการคิดบัญชีแค้น โดยการส่ง ไอ้ปืนกลแจ๊ก แมคเกิร์น ( Jack McGurn) นำทีมล้างแค้นครั้งนี้ โดยการล้างแค้นครั้งนี้ เริ่มด้วยการลวง แก๊งมอแรนไวส์ ให้มาส่งเหล้าที่อู่รถยนตร์
เมื่อคนของ มอแรนไวส์ มาถึง ก็ถูกตำรวจปลอม ซึ่งเป็นคนของ อัล คาโปน ที่ดักรออยู่ ค้นตัว สั่งให้หันหน้าเข้ากำแพง และนั่นคือครั้งสุดท้าย ที่คนของแก๊งมอแรนไวส์ ทั้ง 7 มีลมหายใจ ทั้งหมดถูกสาดด้วยกระสุนปืนกลและนี่คือที่มาของ St.Valentine’s Day Massacre หรือ “คดีสังหารหมู่ในวันเซนต์ วาเลนไทน์”
ด้วยเหตุการณ์ ครั้งนี้ ทำให้ชื่อของ อัลคาโปน กลายเป็นแก๊งที่ไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย และ ทำให้ผลประโยชน์ทั้งหมดของ ชิคาโก ขึ้นอยู่กับเขาเพียงผู้เดียว หลังจากนั้น อัล คาโปน ถูกจับเนื่องในหลายคดีแต่เขาก็จะสามารถเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง จนมีคำกล่าวที่ว่า อัล คาโปน สามารถซื้อตำรวจได้ทั้งกรม ผู้พิพากษาและขณะลูกขุนได้ทั้งศาล
ซึ่งตรงนี้ จริงๆต้องชื่นชม ทนาย ของ อัล คาโปนด้วยครับ เขามีชื่อว่า อีซี่ เอ็ดดี้ ซึ่งเป็นทนายที่เก่งมากๆ สามารถว่าความให้ อัล คาโปน รอดคุกมาอยู่ทุกครั้งไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป อีซี่ เอ็ดดี้ ให้กำเนิดลูกชาย และแน่นอนว่าความเป็นพ่อ ก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก อีซี่ เอ็ดดี้ จึงนำหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดที่เขามีนำไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ เอลเลียต เนส เพื่อ เอาผิดกับอัล คาโปน
แน่นอนครับ อีซี่ เอ็ดดี้ ถูกยิงทิ้งในถนนเปลี่ยวๆของชิคาโก้
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่เอลเลียต เนส ได้รับคำสั่งในการกวาดล้างขยะสังคม ซึ่งแน่นอนว่า อัล คาโปน ถูกหมายหัวเป็นเบอร์หนึ่ง และ ช่องทางที่เขาสามารถเอาผิดได้ คือการเลี่ยงภาษีของ อัล คาโปน และ พรรคพวก ตามที่ผมได้กล่าวไปตั้งแต่ บรรทัดแรก ซึ่งตรงนี้มีเรื่องเล่าว่า
หลังจาก อัล คาโปน ได้ยินคำพิพากษาของสาร เขาถึงกับบนออกมาว่า "โกงไปตั้งเยอะแยะ แพ้คดีได้ไงวะ" ซึ่งตรงนี้ผมก็ไม่เจอหลักฐานอะไรนะครับ เป็นแค่เรื่่องเล่าที่ได้ยินมา
หลังจากที่ อัล คาโปน ได้ไปนอนซังเตที่ยิ่งใหญ่ อย่าง อัล คาทราซ เป็นเวลา 8 ปี เขาก็พ้นโทษออกมาพร้อมโรคซิฟิริส ที่ติดมาจากในคุก ทำให้เขาต้องรักษาตัวเป็นเวลานาน ไม่สามารถกลับไปเป็นใหญ่ได้อีก จนเสียชีวิตลง ในวันที่ 25 มกราคม ปี ค.ศ. 1947 ปิดตำนาน เบอร์ 1 แห่งวงการมาเฟียสหรัฐ อย่าง อัล คาโปน
#อยากเล่า การไม่สังหารเด็กและผู้หญิงของแก๊งคู่อริ เป็นกฏที่ยึดถือกันทั่วไปในชิคาโก
/
ในขณะที่ อัล คาโปน ต้องต่อสู้คดี เลี่ยงภาษี เขาทำตัวเป็นคนดีของสังคมช่วยเหลือและบริจาคเงินให้กับผู้ยากไร้อย่างมากจนหลายๆคนเรียกเขาว่า "โรบินฮู้ด”
โฆษณา