28 มี.ค. 2019 เวลา 05:10 • ปรัชญา
เทวโลก 6 ชั้น, พรหมโลก 20 ชั้น สวรรค์ชั้นไหนชื่ออะไรมาทำความรู้จักกัน (ตอนที่ 1 สวรรค์ชั้นที่ 1)
หลายคนคงนึกอยาก หากต้องจากโลกปัจจุบันไป ที่ๆ หมายปองว่าอยากจะไปคงไม่พ้นสถานที่ๆ เรียกว่า “สรวงสวรรค์” เพราะตามที่เล่าขานกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล หรือแม้แต่ที่มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก ผู้ที่จะไปสถานที่แห่งนี้ได้นั้น ในยามที่เป็นมนุษย์ต้องสร้างบุญกุศล สร้างคุณงามความดีไว้ ซึ่งสวรรค์ที่จะได้ไป ก็ยังแบ่งตามบุญกุศลที่ได้สร้างไว้ด้วย ว่ากันว่าเมื่ออุบัติขึ้นบนสวรรค์ หรือที่เรียกว่า “เทวดา นางฟ้า” ก็ตั้งอยู่ในวัยหนุ่มสาวทันที งดงามตลอดเวลา จนกว่าจะถึงเวลาจุติ ไม่มีความแก่บังเกิดขึ้นเหมือนในเมืองมนุษย์
วิมานคือที่อยู่อาศัยของเทวดา ล้วนมีความวิจิตรงดงาม มีขนาดแตกต่างกัน มีความเป็นอยู่สะดวกสบาย มีอาหารทิพย์บังเกิดขึ้น มีบริวารคอยรับใช้ใกล้ชิด เสื้อผ้าเป็นทิพย์ วิจิตรงดงาม บังเกิดขึ้นให้สวมใส่ กิจกรรมแต่ละวันก็มีการเที่ยวเพลิดเพลินบันเทิงอยู่กับการชมสวน การสังสรรค์กันระหว่างทวยเทพทั้งหลาย เป็นภพภูมิอันมีแต่ความสุข สมบูรณ์ด้วยทิพยสมบัติต่างๆ (แหมฟังแล้วก็น่าไปเนอะ)
สวรรค์ หรือ เทวโลก คือภพภูมิอันเป็นที่อยู่ของเทวดา นางฟ้า เป็นโลกที่อยู่อาศัยของกายละเอียด ซึ่ง คนเรานั้นประกอบไปด้วยกายหยาบและกายละเอียด ส่วนสวรรค์นั้นมีอยู่ 6 ชั้น ผู้ที่จะไปจุติบนสวรรค์ได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ประกอบบุญกุศลอันดีงาม พรหมโลก นั้นเป็นภพภูมิที่อยู่ของผู้ที่เจริญสมาธิจนได้ ฌาณ ซึ่งมีอยู่อีก 20 ชั้น
สวรรค์ หรือ เทวโลก มี 6 ชั้น ซึ่งเรียกว่า ฉกามาพจร เริ่มต้นจากชั้นแรกกันเลย
1. จาตุมหาราชิกา แบ่งเป็นพระนครใหญ่ ๔ พระนครด้วยกัน แต่ละพระนครมีกำแพงทองเหลืองอร่ามประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ บานประตูกำแพงก็ทำด้วยแก้วมณีสูงค่า และมีปราสาทอันสวยงามอยู่เหนือประตูทุกด้าน ภายในพระนครอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น มีปราสาทแก้วมิมานของชาวฟ้ามากมายตั้งอยู่บนพื้นแผ่นทองคำสีเหลืองอร่ามรุ่งเรืองจรัสจ้าด้วยแสงสีราบเรียบดุจหน้ากองและอ่อนนิ่มด้วยฟองน้ำ เวลาชาวฟ้าเหยียบลงมาจะอ่อนยุบตัวลงแล้วฟูขึ้นดังเดิม
ใจกลางพระนครยังมีสระโบกขรณี อันมีน้ำใส่แจ๋ว ดารดาษด้วยดอกบัวบานนานาชนิด ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ และรอบ ๆ สระโบกขณี ต้นไม้สวรรค์ดกหนาด้วยผลอันโอชารสอยู่ตลอดกาล เหล่าชาวฟ้าทั่วหน้ามีสิทธิตักตวงหาความสุขจากสิ่งอำนวยความสะดวก และผลาหารทั้งมวล ซึ่งมีอยู่บนสวรรค์นี้ตลอดเวลา และพระนครทั้ง ๔ แห่งที่กล่าวนั้น แต่ละพระนคร มีเทวาธิราชผู้ยิ่งใหญ่ปกครอง
ท้าวมหาราชทั้ง 4 ผู้ปกครองในแต่ละพระนคร คือ
1. ท้าวธตรฐมหาราช ทิศตะวันออกแห่งสวรรค์
มีเทวาธิราชผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่า "ฐตรฐมหาราช" ปกครอง ท้าวเธอมีบุญญานภาพมาก มีฤทธิ์มาก ทรงปกครองทวยเทพหรือชาวฟ้าที่อยู่ด้านทิศตะวันออกให้ได้รับความสุขสำราญโดยทั่วหน้า และนอกจากนั้นยังทรงปกครองหมู่คนธรรมพ์ซึ่งนับเป็นเทวดาพวกหนึ่งด้วย และพวกนี้มีความถนัดในการดนตรีศิลปะ ระบำฟ้อน และชำนาญในการร้องเพลงยิ่ง แม้หากว่ามีงานสโมสรสันนิบาตใหญ่บนสวรรค์ ไม่ว่าชั้นไหน ก็นิยมเรียกเหล่าคนธรรพ์นี้ไปขับกล่อมให้สันนิบาตนั้นให้ได้รับความสนุกสนานรื่น
2. ท้าววิรุฬหก ปกครองพวกครุฑ
พระนครอันยิ่งใหญ่รุ่งเรืองแห่งที่สอง ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศใต้ มีเทวาธิราชผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่า "วิรุฬหกมหาราช" เป็นผู้ปกครอง พระองค์มีบุญญานุภาพมากมีฤทธิ์กล้า พลังมาก เทพที่อุบัติมาเป็นบุตร พระองค์มีมากมายแล้วแต่มีกำลัง และฤทธิ์มากทั้งนั้น
วิรุฬหกมหาราชปกครองเทพที่อยู่ทางทิศใต้ ให้มีความผาสุกสำราญปราศจากภัยใด ๆ จะกล้ำกราย และนอกจากนั้นพระองค์ยังปกครองพวก"กุมภัณฑ" หรือยักษ์พวกหนึ่ง ซึ่งมีรูปร่างแปลกประหลาดพิกล คือ
มีท้องใหญ่ มีลูกอัณฑะใหญ่เหมือนหม้อ ยักพวกนี้มีฤทธิ์มาก ถือกระบองอันใหญ่ คอยพิทักษ์รักษาท้าววิรุฬหกเจ้านายของมันอย่างเข้มงวดกวดขันยิ่ง
-3. ท้าววิรูปักษ์มหาราช ปกครองพวกนาค
พระนครอันยิ่งใหญ่สวยงามแห่งที่สาม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกมีเทวาธิราชผู้ยิ่งใหญ่ปกครองเช่นเดียวกับพระนครอื่นๆ เทวาธิราชพระองค์นี้พระนามว่า "วิรูปักษ์มหาราช" พระองค์ทรงมีฤทธานุภาพสูงส่ง มีรัศมีสดใสเป็นจอมเทพปกครองเทวดาที่อยู่ทางทิศตะวันตก ให้ได้รับความผาสุกโดยทั่วหน้า วิรูปักษ์มหาราชทรงปกครองพวก "นาค" ซึ่งอยู่ในมหาสมุทรอีกด้วย กล่าวกันว่า พวกนาคนี้มีฤทธิ์มากสามารถที่จะใช้พิษตัดผิวหนังของใครต่อใคร ให้ถึงแก่ความตายได้ในพริบตา พวกนาคนี้ มีความเคารพยำเกรงต่อท้าววิรูปักษ์ยิ่งนัก
-4. ท้าวเวสสุวรรณมหาราช ปกครองพวกยักษ์
พระนครอันยิ่งใหญ่รุ่งเรืองแห่งที่สี่ ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือ มีเทวราชผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า "เวสสุวรรณมหาราช" เป็นจอมเทพปกครอง พระองค์ทรงมีฤทธานุภาพ บุญญานุภาพแผ่ไพศาล
ไปทั่วพระนครทรงทำหน้าที่ปกครองทวยเทพที่อยู่ด้านทิศเหนือ ให้ได้รับความผาสุกโดยทั่วหน้า นอกจากนั้น เวสสุวรรณมหาราชยังทรงปกครองพวกยักษ์ทั้งหมดอีกด้วย และมีนามอีกนามหนึ่งว่า "ท้าวกุเวร"
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา อันเป็นชั้นที่ ๑ นี้ มีเทวาราชทั้งสี่พระองค์ปกครอง ให้เทวดาทั้งมวลอยู่อย่างสุขสำราญ กระทั่งสิ้นบุญใครบุญมัน ซึ่งอายุของเทวดาผู้สถิต ณ สวรรค์ชั้นนี้ ถ้าคำนวนปีแห่งมนุษย์โลกเรา เท่ากับล้านปี หรือ ๕๐๐ ปีในเมืองสวรรค์ ผู้ที่จะมาเกิดเป็นเทวดาเสวยสุขอยู่ในสวรรค์ชั้นที่ ๑ นี้ขณะที่เป็นมนุษย์ต้องเป็นผู้มีจิตบริสุทธิ์ พยายามทำบุญให้ทาน รักษาศีล เป็นคนสันโดษ ยินดีแต่ของ ๆ ตน เป็นหัวหน้าชักชวนคนทั้งหลายให้ประกอบการบุญกุศลครั้นสิ้นบุญในเมืองมนุษย์ ก็จะมาเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้
โฆษณา