5 เม.ย. 2019 เวลา 10:01 • การศึกษา
Passive และ Active Skill ที่ต้องมีในตัวคุณ (ตอนที่2)
Active Skill
พูด – การพูดคือการสื่อสารให้คนรอบข้างเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการสื่อให้เขาฟัง คนพูดเก่งไม่ได้หมายถึง พูดไม่หยุด พูดน้ำไหลไฟดับ แต่หากหมายถึงพูดได้ชัดเจน สั้น กระชับ ตรงประเด็น มากกว่าพูดไป ครึ่งชั่วโมง คนฟังกลับไปบ้านเออมันก็สนุกดี แต่เอ๊ะมันพูดเรื่องอะไรของมันนะ แบบนี้ถือว่าไม่ใช่คนพูดเก่ง แต่น่าจะพูดไปเรื่อยมากกกว่า ส่วนคนที่พูดน้อยอยู่แล้ว ยิ่งต้องฝึกฝน การจัดลับดับ และนำเสนอใจความให้เกิดเรื่องราวที่น่าสนใจ และตรงประเด็น และมีความกล้าที่จะเริ่มพูดและสื่อสารออกมา (ไม่ใช่ว่าเงียบแล้วจะดูฉลาดไปทุกเรื่องนะครับ บางครั้งปวดขี้แต่ไม่ถามหาห้องน้ำ มทันจะกลายเป็นตรงข้ามนะครับ)
การพูดที่ดีต้องประกอบด้วยลักษณะดังนี้ครับ
1. พูดแล้วทำให้เกิดประโยชน์กับคนฟัง หรือคนรับสาร, แก้ปัญหาให้เขาได้ หรืออย่างน้อยเขาได้ข้อคิดและกำลังใจดีๆกลับไป
2. ต้องสื่อสารได้ชัดเจน ตรงประเด็น การอุปมาอุปมัย เปรียบเทียบเป็นสิ่งที่ดี เพราะการอุปมาเปรียบเทียบ จะช่วยทำให้เรื่องที่สื่อสารได้ยาก เข้าใจได้ง่าย และยังสื่อถึงระดับสติปัญญาของผู้พูดอีกด้วย (ลองสังเกตผู้ที่มีปัญญามาก มักอุปมาอุปมัยกับสิ่งรอบตัวและธรรมชาติได้อย่างกลมกลืนและกลมกล่อม) ยกตัวอย่างมีคนถามพระพุทธเจ้าว่ามนุษย์ผู้ที่จะได้รับมรรคผลนิพพานและผู้ที่ต้องวนเวียนในวัฎสงสาร เทียบกันแล้วมากน้อยเพียงใด พระพุทธเจ้าถามกลับว่า ขนโคกับเขาโคอะไรเยอะกว่ากัน ท่านนั้นตอบว่าขนโคเยอะกว่า พระพุทธเจ้าจึงตรัสตอบว่านั่นคือจำนวนของคนที่ยังต้องวนอยู่ในวัฏสงสาร ส่วนผู้ที่จะบรรลุมรรคผลไปได้มีเท่าเขาโคเท่านั้น เป็นไงครับเห็นภาพชัดเจน สุดๆไปเลยมั้ยครับ นี่แค่ตัวอย่างที่ผมยกให้ท่านเป็นมหาบุรษ
3. พูดจาน่าเชื่อถือ และ ทรงพลัง ลักษณะการพูดที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่ต้องมีทุกครั้งในการพูด บางครั้งคุณอาจจะยิงมุก พูดล้อเล่นระหว่างเรื่องที่สื่ออยู่ได้นั่นเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อใดที่คุณต้องการพูดให้คนจดจำในส่วนที่เป็นประเด็นสำคัญ คุณต้องลดความเร็วลงและพูดในน้ำเสียงที่แตกต่าง เรื่องแบบนี้แนะนำเป็นทริคของใครของมันนะครับ และต้องไม่ตลก เวลาอยากให้คนเชื่อในประเด็นที่คุณเน้น และต้องพูดด้วยคำที่กระชับพูดให้เขาคิดได้อย่างทรงพลัง
เทคนิคที่ควรรู้คือ คนจะไม่ค่อยจำในประโยคที่คุณบอกเล่า ดังนั้นเวลาทิ้งท้ายใจความสำคัญให้คุณตั้งคำถามกับเขา เขาจะจำคุณได้และเอาประเด็นคุณไปนอนคิดทั้งคืนเลยทีเดียว อย่าลืมนะครับ ไม่ใช่สักแต่ว่าเล่าๆพูดๆ มันไม่มีไดนามิค
เขียน – หลายๆคนไม่ชอบที่จะเขียน เราจะเห็นคนที่หวังดีต่อคนอื่นหรือเป็นคนที่ดีขึ้นมาหน่อย ส่วนใหญ่มักจะเป็นนักแชร์ คือ นัก Forward มากกว่าที่จะลงมือเขียนเอง ซึ่งมันก็ดีกว่าไม่ทำอะไร ขอพูดตามตรง เท่าที่เห็นส่วนมากความสำเร็จของคนเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ช้ากว่าคนอื่น แต่ก็ยังเร็วกว่าพวกที่ไม่เขียนไม่จดอะไรเลย
การเขียนนอกจากจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจดจำแล้ว ยังมีประโยชน์ในเชิงลึกอีกมากมาย มันเป็นการฝึกการเรียบเรียงข้อมูลในหัว ฝึกการนำเสนอ ฝึกการพรีเซ้นท์ และที่สำคัญที่สุดคือการทำสิ่งที่เป็นเพียงความคิดให้เป็นสิ่งที่จับต้องได้ ง่ายที่สุด เชื่อหรือไม่หากวันนี้คุณมีความฝันอะไร ให้ลงมือเขียนมันไว้ โอกาสจะได้ความฝันนั้น เป็นไปได้สูงกว่าการไม่ได้เขียนลงไป เพราะแม้กระทั่งเขียนคุณยังไม่กล้าจะเขียนเลย จะมาถามหาความสำเร็จที่มากกว่านี้ทำไม? เขียนมันเถอะครับให้ความคิดความฝันเป็นกระดาษที่สามารถจับต้องได้ ก็ยังดีกว่าพูดเรื่อยเปื่อยอวดคนนั้นคนนี้ว่าเราจะทำยังงั้นยังงี้ พูดมันยังเป็นแค่ลมปากสู้เขียนไม่ได้หรอกครับ อย่างน้อยมันยังมีหลักฐานให้เห็นจริงไหมครับ
การเขียนยังเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองออกมา ยิ่งหากต้องพูดนำเสนอด้วยแล้ว การเขียนไว้ก่อนเป็นการเซฟตี้ที่สุด เพื่อจะได้รู้ลำดับความคิดและจัดเรียงแก้ไขได้อย่างเห็นภาพ คุณว่าโน้ตอุดมพูดเก่งๆเขาไม่เขียนสคริปเหรอครับ เขาเขียนมันก่อนทุกครั้งเขาจดทุกวลีและแนวคิดคมๆของเขาไว้ตลอด ก่อนจะกลั่นกรองออกมาให้คุณได้ฮากันยังไงล่ะครับ
หลักการเขียนก็คล้ายๆกับการอ่านแหละครับ การอุปมา และตั้งคำถามยังใช้ได้ดีเช่นเคย เพราะคนจำคำถามมากกว่าคำพูด พยายามสร้างส่วนร่วม ที่เข้าไปแตะตัวคนอ่านในระยะไม่น่าเกลียด เกินไป ไม่ใช่ไปดึงบุพการีเขามา อันนี้ก็จะโดน teen มากกว่าโดนชม
ผมสรุปสั้นๆให้จำง่ายนะครับ การเขียนที่ดีต้อง สั้น/กระชับ/ชัดเจน/ตรงประเด็น
Passive และ Active Skill ที่ต้องมีในตัวคุณ (ตอนที่1) https://www.blockdit.com/articles/5ca5c73a1bbcb20c8b463137
โฆษณา