6 เม.ย. 2019 เวลา 06:06 • ธุรกิจ
เสือนอนกินรวยด้วย"หุ้นปันผล"
การลงทุนในหุ้นโดยใช้กลยุทธ์ "ออมในหุ้น" สะสมหุ้นปันผล หรือ ใช้วิธีปันผลเป็นหลัก เป็นกลยุทธ์ที่ดูเหมือนง่ายที่สุดแต่กลับบทำยากมากที่สุด
จริงๆแล้วเรื่องของการปันผล เป็นปัจจัยหลักที่นักลงทุนควรนำมาเป็นปัจจัยในการเข้าลงทุนหุ้น เป็นส่วนสำคัญแต่นักลงทุนกลับละเลยมันมากที่สุด
เรื่องของการปันผล ดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แค่ซื้อแล้วถือเป็น "เสือนอนกิน" แต่ในความเป็นจริงมันก็ถือเป็นศาสตร์ในการคัดเลือกหุ้นอย่างหนึ่งที่นักลงทุนที่จะต้องเรียนรู้ และนี้คือ 5 วิธีในการคัดเลือกและรวยได้ด้วยหุ้นปันผล
1. เลือกคุณภาพมากกว่าปริมาณ
สิ่งที่นักลงทุนถามหาเป็นอันดับเมื่อจะลงทุนหุ้นปันผล คือ  "ปันผลสูงไหม" ยิ่งเปอร์เซนต์การปันผลสุง นักลงทุนจะยิ่งได้มากเท่านั้น และเมื่อปันผลสูง นักลงทุนจะรู้สึกทำใจได้เมื่อหุ้นตก เพราะอย่างน้อยก็ยังมีปันผล ดูอย่างกองทุน REIT กองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวอย่าง การปันผลสูง จะทำให้หุ้นตัวนั้นไม่ผันผวนมากนัก แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีวันลง
เคยมีบทวิจัยเรื่อง ความผันผวนกับการปันผลของหุ้น ผลปรากฏว่าหุ้นที่ปันผลสูงจะมีค่าเบต้า(ความผันผวนของตัวหุ้น) ต่ำกว่าหุ้นที่ไม่มีปันผล เพราะในระยะสั้นแล้ว หุ้นปันผลสูงจะดึงดูดนักลงทุนระยะยาวให้เข้ามาถือหุ้น และนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นไม่ผันผวนมากนัก อีกทั้งหุ้นปันผลสูงก็ยังตกเป็นเป้าหมายของกองทุนประเภท Passive fund อีกด้วย
2. เลือกหุ้นที่ก่อตั้งมายาวนาน
นักลงทุนผู้มีประสบการณ์จะเข้าใจดีว่าตลาดหุ้นจะมีลักษณะเป็นวัฐจักรขึ้น-ลง และมีแนวโน้มที่จะซ้ำรอยเดิมอยู่เสมอ  การเลือกหุ้นปันผลสูงไม่ได้หมายความมันจะไม่ได้รับผลกระทบเมื่อตลาดลง แน่นอนว่าถ้าตลาดหุ้นลง หุ้นเหล่านี้ก็จะลงตามไปด้วยเป็นอารมณ์ของตลาด ณ ขนาดนั้น แต่ถ้าบริษัทไหนที่ก่อตั้งมาอย่างยาวนานแล้ว (25 ปี ขั้นต่ำ) มันมีแนวโน้มที่จะทำ New High ได้อย่างไม่ยากเมื่อตลาดโดยรวมกลับมามีแนวโน้มขาขึ้นอีกรอบ
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้า หุ้นปันผล ถือเป็นภาพลักษณ์ของหุ้นตัวนั้น เมื่อตลาดหุ้นตก นักลงทุนจะสนใจการปันผลเป็นพิเศษ (ซึ่งจริงๆแล้วควรจะสนใจหุ้นคุณภาพ ราคาถูกมากกว่า) หุ้นตัวไหนปันผลสูง นักลงทุนจะเข้าไปซื้อแล้วถือ ดังนั้นหุ้นเหล่านั้นจะไม่ตกมากนัก
ดังนั้น การเลือกหุ้นที่มีภาพลักษณ์หรือ Brand ในการปันผลมาอย่างยาวนาน เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้หุ้นไม่ตกมากนัก
3. มองหาการเติบโตที่มีประสิทธิภาพ
กับดักของนักลงทุนที่ไม่มีประสบการณ์ คือ การกระโดดไปซื้อหุ้นบริษัทหน้าใหม่ที่ยังไม่มีผลงานแต่มีเรื่องราวการปันผลที่น่าตื่นเต้น  นักลงทุนไม่ควรทำอย่างนั้น สิ่งที่ควรทำ คือ ทำความเข้าใจการทำงานของบริษัท บริษัททำมาหากินอย่างไร แล้วอดีตเคยมีการปันผลใหม่ ปัจจุบันปันผลคิดเป็นอัตราส่วนเท่าไรต่อกำไรต่อหุ้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้นักลงทุนมองภาพไปถึงอนาคตได้ ว่าในอนาคตบริษัทหน้าใหม่เหล่านี้จะมีปันผลที่ดีขึ้นหรือเปล่า
คุณภาพของการเติบโต คือ การทำความเข้าใจถึงสัดส่วนรายได้ของบริษัทว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ตัวอย่างที่นักลงทุนทำพลาด คือ การปันผลของบริษัทที่เกิดจาก "กำไรพิเศษ" นักลงทุนผู้มีประสบการณ์จะเข้าไปค้นคว้าว่ากำไรที่นำมาปันผลให้ผู้ถือหุ้น คือส่วนไหนของรายได้
4. ระวังหุ้นที่ปันผลสูง(มาก) จนเกินไป
ดาบสองคมของบริษัทที่มีปันผลสูง คือ การที่บริษัทบอกเป็นนัยว่าไม่รู้จะลงทุนอะไรดี จึงปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้มาก และนั้นคือสัญญาณว่าจุดตกต่ำของบริษัทกำลังมา
นักลงทุนต้องเข้าใจว่า ปันผลของนักลงทุนในวันนี้ คือ การลงทุนของบริษัทเมื่อ 3-4 ปีก่อน ในเมื่อบริษัทปันผลหนักวันนี้ แล้วจะเก็บกำไรตรงส่วนไหนไปลงทุนต่อเพื่อสร้างผลกำไรในอนาคต และนี้เป็นจุดสำคัญที่นักลงทุนจะต้องทำความเข้าใจ บริษัทไม่ได้สร้างเงินขึ้นมาจากอากาศ แต่สร้างเงินมาจากการลงทุนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แล้วการลงทุนในวันนี้จะส่งผลให้บริษัทมีรายได้ในปีถัดๆไป
5. รู้ว่าเมื่อไรควรซื้อ เมื่อไรควรถือ
วอเร็น บัฟเฟตต์ กูรูด้านการลงทุนให้ความเห็นว่า นักลงทุนควรทำตัวเป็นนักลงทุนระยะยาว และจงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว ซื้อหุ้นในขณะที่คนอื่นกลัว ไม่ใช่ซื้อในขณะที่คนอื่นกำลังซื้อด้วย อัตราการปันผลไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อมูล ณ ปัจจุบัน แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีต้นทุนราคาอยู่ที่เท่าไร
คนที่มีต้นทุน 10 บาท หุ้นปันผล 1 บาท เท่ากับว่าหุ้นตัวนั้นปันผล 10% ในขณะที่คนมีต้นทุน 5 บาท แต่ปันผลเท่ากับ จะได้อัตรา 20% ดังนั้น นักลงทุนต้องรู้ด้วยว่า เราควรซื้อหุ้นตัวนั้นด้วยราคาที่เท่าไร
อย่าลืม 5 ข้อนี้หากอยากรวยเป็นเสือนอนกินด้วย "หุ้นปันผล" ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา