8 เม.ย. 2019 เวลา 13:03 • ปรัชญา
นิทานสมอง
- กาลครั้งหนึ่งอีกครั้ง
สี่สหาย กบ เขียด อึ่งอ่าง และคางคก
พลาดท่าพลัดตกลงไปในถังนม
ที่เพิ่งรีดเสร็จจากแม่วัวใหม่ๆ
- “ทำอย่างไรดี เราต้องจมน้ำนมตายแน่เลย”
เจ้าเขียดผู้ขลาดเขลาโอดขึ้นทันที
“เพราะแกแท้ๆ ไอ้คางคก แกเดินนำหน้าอีท่าไหน
ถึงพาเราตกลงมาในถังนมอย่างนี้”
เจ้าอึ่งอ่างผู้ชอบอ้างโน่นอ้างนี่กล่าวโทษเพื่อน
เจ้าคางคกผู้เย่อหยิ่งไม่สนใจคำพูดเพื่อน
“ฉันจะไม่ยอมตายในถังนมบ้าๆ นี่หรอก
อย่างฉันถ้าจะตายต้องมีขบวนหามขบวนแห่”
ไม่รู้ด้วยกิจวัตรประจำวัน
ที่ชอบขึ้นวอเป็นประจำหรือเปล่า
ที่ทำให้เจ้าคางคกคิดเช่นนั้น
พูดจบคางคกก็เริ่มออกแรงที่จะกระโดดออกจากถังนม
- “นี่เพื่อน” เจ้ากบเอ่ยขึ้น
“นายก็รู้นิว่าพวกเราไม่มีทางกระโดดขึ้นจากน้ำได้
เรากระโดดได้ก็แต่เฉพาะบนพื้นแข็งๆเท่านั้น”
แต่ฉันจะไม่ยอมตายในที่ห่วยๆ อย่างนี้..ฉันไม่ยอม
เจ้าคางคกยังพยายามพุ่งตัวกระโดดอยู่ตลอดเวลา
“เก็บแรงไว้ไม่ดีกว่าหรือ” เจ้ากบมองไปรอบๆ บริเวณ
“ตั้งสติดีๆ บางทีเราอาจจะหาทางขึ้นได้”
หาทางขึ้น? น้ำเสียงของเจ้าเขียดสิ้นหวังเหลือเกิน
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร นายก็บอกเองว่า
เราไม่มีทางกระโดดขึ้นจากน้ำได้”
- เจ้าอึ่งอ่างฟังอยู่สักพักก็เริ่มอ้าปากดื่มน้ำนม
“นายทำอะไร อึ่งอ่าง”
พระเอกกบของเราร้องขึ้นอย่างตกใจ
“ไหนๆ ก็จะตายอยู่แล้ว ฉันขอมีความสุขดีกว่า”
มันพูดไปกินน้ำนมไป
โดยไม่กลัวเลยว่า
ถ้ากินน้ำเข้าไปมากๆ มันอาจจะจมได้
“หยุดกินเดี๋ยวนี้นะอึ่งอ่าง” กบว่ายเข้าไปห้ามเพื่อน
“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตายกันหมด จะระวังตัวไปทำไม”
มันยังคงกินน้ำนมไม่หยุด
“แหม ช่างอร่อยอะไรอย่างนี้”
และไม่ว่าเจ้ากบจะเข้ามาห้ามอย่างไร
เจ้าอึ่งอ่างก็คอยเอาเท้าถีบยันเพื่อนออกไป
แล้วมันก็อ้าปากกินน้ำนมคราวละมากๆ ให้เจ้ากบดู
ราวกับจะบอกว่า ทำไมไม่หาความสุขก่อนตายเล่า
- ในที่สุดเจ้าอึ่งอ่างก็ตัวบวมกลมไปด้วยน้ำนม
และค่อยๆ จมดิ่งลงสู่ก้นถัง
“ลาก่อน อีกไม่นานพวกนายก็จะต้องตายเหมือนฉัน”
เจ้าเขียดผู้ขลาดเห็นดังนั้นก็ส่งเสียงร้องไห้ไม่หยุด
เจ้ากบพยายามปลอบเจ้าเขียดให้มีกำลังใจสู้ต่อ
และทุกครั้งที่ปลอบเข้าเขียดก็จะคลายโศกลงมา
แต่ครั้นพอหยุดปลอบเจ้าเขียดก็จะร้องไห้ต่อ
เจ้ากบเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินกับการปลอบเพื่อน
จึงหันเพื่อจะเรียกให้เจ้าคางคกผู้เข้มแข็ง
มาช่วยปลอบอีกคน
แต่ เจ้าคางคกหายไปแล้ว
“คางคก” เจ้ากบร้องเรียกด้วยความดีใจ
“คางคก” นายกระโดดขึ้นไปได้แล้วหรือ
เจ้ากบมองขึ้นไปบนฝาถัง
“คางคกเขาไปแล้ว” เจ้าเขียดส่งเสียงกระซิก
“ไปไหน” เจ้ากบถาม
“เขาจมไปแล้ว” เจ้าเขียดเริ่มพูดปนสะอื้น
เจ้ากบตกใจ “เขาจบไปตอนไหน
“เขาจมไปตอนที่นายกำลังปลอบฉันนั้นแหละ
ฉันเห็นเขาพยายามกระโดดไม่หยุด
แลัวฉันก็เห็นเขาหอบมาก
แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดตะเกียกตะกายที่จะขึ้นเลยนะ”
เจ้าเขียดร้องไห้อีกครั้ง “แล้วเขาก็จมหายไป
ที่ฉันร้องไห้มากๆ ก็เพราะเหตุนี้แหละ”
- พูดจบเจ้าเขียดก็ทำท่าจะจมน้ำนมลงไปอีก
เจ้ากบรีบเข้ามาเอาเท้าเขี่ยให้เจ้าเขียดขึ้นมาพ้นน้ำ
“อย่าหยุดว่าย ว่ายไปเรื่อยๆ เราต้องไม่จม”
เจ้ากบให้กำลังใจต่อ
ว่ายไปทำไม ว่ายไปก็ไม่มีทางขึ้นได้
ยอมรับความจริงเถอะ กบ
ฉันรู้ว่านายรักเพื่อน แต่ฉันขอโทษด้วยนะ ฉันกลัว”
เจ้าเขียดรับรู้ถึงความตายที่กำลังย่างกรายเข้ามา
“กบ..ฉันกลัว นายรู้ไหม ฉันกลัวจนฉี่ราดไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”
“นายจะฉี่ราด กี่ครั้งก็ตามใจ แต่นายอย่าหยุดว่าย”
เจ้ากบเข้ามาเอาศอกกระทุ้งเพื่อน
“ว่ายต่อสิ อย่าหยุด ลืมตาด้วย อย่าหลับตา”
เจ้าเขียดกำลังจะจม
“เขียด...อย่าหยุดว่าย..ลืมตาสิเพื่อน”
เจ้ากบพยายามดึงเพื่อนขึ้นมา
ไม่รู้มันรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าน้ำนมมันข้นขึ้นกว่าเดิม
มันข้นจนต้องออกแรงอย่างมากที่จะดึงเพื่อน
แล้วเจ้าเขียดก็หายไปในน้ำนม
- เจ้ากบยังคงว่ายอยู่ในถังนมแต่เพียงลำพัง
แม้จะไม่เห็นทางออกเลย แต่มันก็ว่ายไปเรื่อยๆ
ด้วยความหวังว่าจะมีทางออกโผล่มาให้เห็นเอง
มันว่ายโดยไม่ได้ใช้ความพยายามมากจนเกินแรง
เหนื่อยเมื่อไหร่ก็หยุดว่าย หายเหนื่อยมันก็ว่ายต่อ
- ในที่สุด
น้ำนมที่เพิ่งรีดเสร็จใหม่ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
ไขมันที่ยังไม่เข้ากันดีกับน้ำเริ่มแยกตัวลอยขึ้น
เมื่อผสมกับกรดจากฉี่ของเจ้าเขียด
และการถูกปั่นด้วยการว่ายไม่หยุดของเจ้ากบ
- น้ำนมจึงเริ่มกลายเป็นเนย
และมันก็เริ่มแข็งพอ
ที่จะทำให้เจ้ากบยืนได้และกระโดดออกจากถังนม
ทุกการกดไลค์กดแชร์และกดติดตาม(follow)
คือกำลังใจในการแบ่งปันงานเขียนดีๆครับ
🤟🏻
🐸
🙏🏿
ขอบคุณหนังสือดีๆ
| นิทานล้านบรรทัด |
โฆษณา