9 เม.ย. 2019 เวลา 09:53 • กีฬา
จากคนผิวสีผู้ไร้หวัง สู่การเป็นแชมป์มวยปล้ำ WWE เชื้อสายแอฟริกันอเมริกันคนแรก
นี่คือเรื่องราวของชายที่ชื่อ Kofi Kingston
I DREAMED A DREAM
'11 ปีที่รอคอยของ Kofi Kingston'
.'ผมอยู่กับมวยปล้ำมานานกว่า 10 ปี มันเป็นเวลาที่นานมากนะ หากเทียบกับการเป็นนักเรียนหรือแม้แต่การทำงานอื่นๆ... สมัยก่อนเวลาเข้างาน ผมมักอยากกลับบ้านตั้งแต่วินาทีแรก แต่พอได้มาลองเป็นนักมวยปล้ำ ผมอยู่กับมันได้ทั้งวัน และสนุกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันคือสิ่งสำคัญของชีวิต'
Kofi Kingston พูดถึงการเป็นนักมวยปล้ำอาชีพ ซึ่งหากนับจนถึงปัจจุบัน เขาอยู่กับ WWE สมาคมอันดับหนึ่งของโลกมาถึง 11 ปีแล้ว นับตั้งแต่เปิดตัวในแบรนด์ ECW เมื่อปี 2008 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราได้เห็นพัฒนาการของเขาเสมอ ตั้งแต่การเปิดตัวในฐานะคนจาไมก้า, การถูกผลักดันครั้งแรกที่พังทลายเพราะเกิดปัญหากับ Randy Orton เรื่อยมาจนถึงบทบาทที่แฟนรุ่นปัจจุบันคุ้นเคยที่สุดก็คือการเป็นสมาชิกกลุ่ม The New Day
โคฟี่เล่าว่าสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เป็นนักมวยปล้ำชั้นนำไม่ใช่เพียงการมีทักษะหรือร่างกายที่ดีเท่านั้น แต่คุณต้องหาคำตอบให้ได้ว่าจะเข้าไปอยู่ในความรู้สึกของผู้ชมได้อย่าง เราต้องเอาคนดูเป็นตัวตั้งเสมอ โดยคนที่เขามองเป็นตัวอย่างก็คือ Kane ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่อยู่กับ WWE มานานที่สุด เคนสามารถปล้ำจริงจังได้ ปล้ำตลกก็ได้ หรือถอดหน้ากากไปๆมาๆ ก็ได้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้มิติของตัวละครเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำซากจำเจ ส่งผลให้คนดูไม่เบื่อและเปิดรับเคนเสมอแม้จะอยู่ในวงการมากว่า 20 ปี
โคฟี่บอกกับตัวเองว่าต้องทำให้ได้แบบเดียวกัน
ดังนั้นแม้ Kofi Kingston จะมีช่วงเวลาที่ดูตกต่ำอยู่บ้าง แต่เขาก็พยายามอย่างหนักมาตลอด 11 ปีเพื่อหวังว่าสักวันจะมีคนเห็นถึงความตั้งใจ และเปิดโอกาสให้เขาได้เป็นแชมป์ระดับสูงของ WWE สักครั้ง
แชมป์ที่ทุกคนมองว่าไกลเกินตัว และน่าตลกหากคนแบบเขาจะฝันถึง
.ย้อนกลับไปถึงความเป็นชีวิตของ Kofi Kingston กันอีกครั้ง เขาเป็นชาวกาน่าโดยกำเนิดและย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งแน่นอนว่าในยุค '80 นั้น การเหยียดผิวยังคงรุนแรง ทำให้เขาต้องสูญเสียโอกาสมากมายในชีวิตเพียงเพราะเป็นคนดำ นี่คือความเจ็บปวดที่เขาฝังใจและอยากช่วยแก้ไขเมื่อมีโอกาส
ทางฝั่ง WWE เองถือเป็นเรื่องที่อธิบายยาก โคฟี่บอกว่าเขาได้ยินคนพูดบ่อยๆว่าสมาคมมี 'แชมป์ที่เป็นคนดำ' น้อยมากหากเทียบกับแชมป์ที่เป็นคนขาว แต่โคฟี่ก็มองว่า WWE ทำเต็มที่แล้วในการผลักดันทุกคนให้อยู่ในฐานะของนักกีฬาอย่างเท่าเทียมโดยไม่มีเรื่องสีผิวมาเกี่ยวข้อง เขาเชื่อว่าหากทำผลงานได้ดีไปเรื่อยๆ ทางสมาคมก็พร้อมสนับสนุนทุกคนอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจบางอย่างนั้นสมาคมไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง การผลักดันนักมวยปล้ำแต่ละคนมีปัจจัยเบื้องหลังมากมายที่ส่งผลให้ภาพแสดงเป็นไปอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน แต่ในส่วนที่ WWE ทำได้เองและเป็นสิ่งที่โคฟี่ชอบมากก็คือโครงการ WWE 'Make-A-Wish' ที่ช่วยให้ความฝันของเด็กๆเป็นจริง และในขณะเดียวกันก็สอนให้พวกเขาเป็นเด็กดี ไม่ทำร้ายผู้อื่นทั้งร่างกายและจิตใจ
โคฟี่มองว่าการทำให้นักมวยปล้ำรู้ว่าตัวเองมีความหมายกับผู้อื่น คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักมวยปล้ำอยากพัฒนาตัวเอง
สิ่งร้ายๆที่เขาเคยเจอ ก็ไม่อยากให้ใครต้องเจออีก และความสำเร็จของเขาจะพิสูจน์ว่าทุกความฝันสามารถเป็นจริงในสักวัน
ในปีที่ 11 กับ WWE นี้เอง ที่ Kofi Kingston ได้โอกาสสำคัญเพื่อก้าวไปสู่จุดสูงสุดของวงการ กับแมตช์ชิงแชมป์ WWE ในศึกมวยปล้ำที่ใหญ่ที่สุดอย่าง WrestleMania 35
นี่คือการต่อสู้ที่ทั้งโลกรอคอย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า 'โลกของ WWE' ในปัจจุบันหมุนเร็วมาก ดังที่แฟนมวยปล้ำหลายคนบอกว่า 'หมดเวลาของนักมวยปล้ำรุ่นเก่าแล้ว'
.
โคฟี่เองก็ยอมรับว่าการไล่ล่าความสำเร็จครั้งนี้ยากกว่าที่เคย การพิสูจน์ว่าตัวเองเหมาะกับการเป็นผู้ท้าชิงอันดับหนึ่งที่สุดต้องแลกมาด้วยความพยายามทั้งชีวิต ซึ่งเขาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้อีกครั้งรึเปล่าหากพลาดโอกาสนี้ไป โดยเฉพาะเมื่อมีสุดยอดดาวรุ่งรออยู่มากมายทั้งที่กำลังไต่เต้าในค่ายหลัก รวมถึงพวกที่รอจรัสแสงจาก NXT
หลายคนอาจคิดว่าเขาได้มาอยู่ตรงจุดนี้ในฐานะตัวแทนของ Mustafa Ali ที่บาดเจ็บในขณะที่สมาคมกำลังผลักดันเท่านั้น แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่ Kofi Kingston พูดถึงความเหมาะสมของตัวเองก็เป็นเรื่องจริง เขาคว้าสิทธิ์นี้มาจากการปล้ำแมตช์คุณภาพสูงตั้งแต่ Gauntlet Match ใน SmackDown ! วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2019 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง รวมถึงการเข้าร่วม Elimination Chambers และอีกหลายๆแมตช์เพื่อพิสูจน์ตัวเอง
แม้การผลักดันโคฟี่จะใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน แต่เรื่องจริงมันนานถึง 11 ปี
ดังนั้นถ้าคุณเคยอิ่มเอมกับชัยชนะอันสวยงามของ Chris Benoit, Rey Mysterio หรือแม้แต่คู่ต่อสู้ของโคฟี่ในครั้งนี้อย่าง Daniel Bryan ... เราเชื่อว่าชัยชนะของ Kofi Kingston จะให้ความรู้สึกแบบเดียวกัน
.
เขาทำสำเร็จ
วินาทีที่กรรมการนับ 3 ... เสียงเชียร์ของคนดูในสนามก็ดังสนั่นทันที ผู้คนต่างโห่ร้องแสดงความยินดีและบางคนถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยซ้ำ...
วันนี้มวยปล้ำไม่ได้เพียงมอบความสุขให้คนดู แต่ยังสอนให้เห็นว่าความยุติธรรมมีจริง ความพยายามแม้นานแค่ไหนก็จะตอบแทนในสักวัน ขอเพียงเราไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
'IT'S A NEW DAY, YES IT IS !'... วันใหม่ของ Kofi Kingston เริ่มต้นขึ้นแล้ว และเราหวังว่าเรื่องราวของเขาจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านทุกคน
#KofiMania #WWE #WrestleMania
โฆษณา