9 เม.ย. 2019 เวลา 15:24 • การศึกษา
ดวงจันทร์กับดาวตก
เรียนถามแบบตรงๆ ในชีวิตคุณเคยเจอเหตุการณ์ ในทำนองทำดีเสมอตัว ทำชั่วครั้งเดียวโดนด่าเละบ้างไหมครับ เพราะอะไร?
เพื่อนผมช่วยบ้านเปิดร้านอะไหล่แต่เช้าทุกวัน ในขณะที่น้องสาว ทำงานบริษัทลั๊ลลา วันหนึ่งป่วยเปิดร้านสาย โดนพ่อแม่ด่ายับ ส่วนน้องสาวนานๆ นึกขยัน มาช่วยพ่อแม่ แค่วันเดียว พ่อแม่ยกให้เป็นลูกยอดกตัญญู
จีบผู้หญิงทุ่มเทให้เขามาสองเดือน วันดีคืนดี กลับมีไอหนุ่มหน้าตาบ้านๆ มาจีบสองวันเป็นแฟนกับมันซะงั้น?
นี่เป็นตัวอย่างทฤษฎี ดวงจันทร์กับดาวตก อันลือเลื่อง!(หรือเปล่า?ฮ่าๆๆ)
ทฤษฎี ดวงจันทร์กับดาวตก เป็นยังไง?
ผมขออนุญาตตอบด้วยคำถามนะครับ คุณเคยนั่งดูดวงจันทร์บ้างไหมครับ เอาแบบดูจริงๆ ตั้งใจดู สัก 2 ชั่วโมง เอาเสื่อมาปู ขนงขนม น้ำหวานมาพร้อม เคยไหมครับ ?
เชื่อว่าเกินครึ่งคงตอบว่า ไม่
แต่พอโทรทัศน์ประกาศมีฝนดาวตก เป็นไงครับโอ้โหกางเต้นท์รอกันเลยทีเดียว หลายๆคนให้เหตุผลว่านานๆมันมาที ไม่เคยเห็น ดวงจันทร์ เราเห็นบ่อยแล้ว
ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อโลก หลายด้านมากๆ แต่เรากลับไปให้ความสำคัญกับ ก้อนหิน ก้อนวัตถุ บ้าๆบอๆ ที่แทบจะหาประโยชน์จากมันไม่ได้เลย
ลองวันนึงดวงจันทร์ไม่ทำหน้าที่สิครับเป็นไง ด่ากันทั้งโลกแน่ๆ ฮ่าๆๆ
ผู้ใหญ่ก็เหมือนกันครับ ตรรกะนี้มันใช่เลย เห็นสิ่งใหม่ๆ ไม่คุ้นตาแต่ดูดี หรือเป็นการกระทำที่เราชอบ ก็เฮกันชื่นชม ส่วนไอเด็กเสมอต้นเสมอปลายช่วยเพราะรักท่านจริงๆ มันคุ้นเคยไงครับ ไม่อยู่ในสายตาแต่ถ้าพลาดมา พร้อมตราหน้าว่าเลว
สังเกตุเห็นมั้ยตอนเด็กๆ คุณครูจะชอบใช้งานเด็กหัวอ่อนคนเนี้ย ซ้ำๆ ทุกวัน (สมมติ) อ้าวนิตยา เธอมาช่วยครูยกของหน่อย นิตยาช่วยเช็ดกระดานดำหน่อย นิตยาเธอช่วยเอากองสมุดการบ้านยกตามฉันไปด้วยนะ นิตยา บลาๆๆๆ คือใช้อินี่อยู่คนเดียวแหละ ทั้งๆที่เด็กในห้องเกือบ50คน
วันดีคืนดี ไอ้เด็กเกเรหน่อย ทรงศักดิ์ (สมมติ) นึกครึ้มใจไปลบกระดานดำให้ เป็นไงครับ โอ้โห พ่อเทพบุตรของฉัน เธอเป็นเด็กที่มีน้ำใจมากกกก กลับกัน อินิตยา วันนั้นเกิดลื่นข้อเท้าแพลง ช่วยยกของไม่ได้ แต่ยังไม่ทันไร เป็นไงครับยังไม่ทันบอกเหตุผล นิตยาเธอมันจอมปลอม ทำดีต้องสม่ำเสมอสิ เธอช่วยฉันหวังเกรดใช่มั้ย คือนิตยาเลวในทันที จากคำพิพากษาแห่งคุณธรรม ที่ชื่อว่า "ฉันคือครู"
ทฤษฎี ดวงจันทร์กับดาวตก สอนอะไรเรา?
1.จงอย่าทำอะไรให้เป็นเส้นตรง หรือซ้ำๆซากๆ เดิมๆ คือทำจนคนอื่นเขาเดาทางเราได้น่ะครับ เพราะเมื่อไหร่ที่คนอื่นจับทางเราได้ เมื่อนั้นเป็นไปได้ว่าเราจะถูกเอาเปรียบจากคนรอบข้างได้ง่าย
หัดทำดีบ้าง ปกติบ้าง แย่บ้าง(แต่ไม่ใช่แย่สุดๆนะครับ เด๋วบางคนกวนteenบอกวันนี้ช่วยคนแล้วเด๋ววันหน้าฆ่าคนบ้าง ไอ้นี่ก็ปัญญาอ่อนเกินไปนะครับ)
2. หัดรู้จักปฏิเสธบ้าง ไม่ใช่ว่ารับปากคนอื่นไปเสียหมด เช่น นิตยา วันนี้ครูต้องรีบไปให้อาหารหมาที่วัด ไม่รู้ว่าเธอจะมีน้ำใจช่วยยกของไปเก็บที่ห้องแทนครูมั้ย? เพราะอะไรครับ ก็คนอื่นมันใช้ไม่ไปแน่ๆ แต่นิตยาคือของตายสำหรับครู และครูก็รู้แน่ๆว่าถ้าพูดประโยคนี้ โอกาสที่นิตยาจะช่วยมี 95 % แต่ด้วยเหตุผลของครูคือรับไปให้อาหารหมาที่วัด เอิ่ม...ก็ชั่งใจดูครับว่าหมามันจะกินช้าไป15นาทีมันจะตายมั้ย
ดังนั้นหัดปฏิเสธอย่างมีศิลปะบ้าง บอกไปว่าเราเองก็มีธุระด่วนเช่นกัน คืออย่าไปทำอะไรซ้ำๆ ช่วยบ้าง ไม่ช่วยบ้าง อย่าทำตัวเป็นดวงจันทร์
3. การปฏิเสธต้องดูเหตุการณ์ เหตุผล ความฉุกเฉิน หนักเบา ไม่ใช่ว่า(สมมติ) ทรงศักดิ์แย่แล้วๆนายช่วยพ่อเราหน่อย พ่อเราโดนรถเฉี่ยวนอนเจ็บอยู่ข้างถนน ไอ้ทรงศักดิ์ดันมาอ่านทฤษฎีนี้เข้า เลยนึกได้ว่าเมื่อวานช่วยเพื่อนไปแล้ว เลยปฏิเสธ บอกว่าไม่อะเมื่อวานฉันช่วยแกแล้ว อันนี่ก็ปัญญาอ่อนเกินไป
หรือวันนี้เราดูแลเมียอย่างดี เอาอกเอาใจ ที่รักจ๋า...พออีกวันมานึกขึ้นได้ ตบเมียซะ จะได้ไม่ซ้ำซาก
อันนี้ก็บ้าเกินไป นั่นมันตรงกันข้ามเกินไปแล้วเว้ยเห้ย
และนี่คือทฤฎีดวงจันทร์กับดาวตกผมว่าโดนมาแล้วทุกคนนะ วันนี้ผมเลยมาไขข้อสงสัยให้ครับ
อย่าลืมนะครับ อย่าใช้ชีวิตเป็นเส้นตรง หัดสร้างเป้าหมายใหม่ๆ(ในทางที่ดี)ที่เร้าใจบ้าง ไม่จำเป็นต้องเลี้ยวขวาตลอด หัดเดินเลี้ยวซ้ายอ้อมไปชมความงานระหว่างทางบ้างก็ไม่เลว เราจะได้ค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆที่พร้อมจะให้ผลลััพธ์ใหม่ๆกับชีวิต สวัสดีครับ
โฆษณา