11 เม.ย. 2019 เวลา 14:45 • ประวัติศาสตร์
ฆาตกรจอมขมังเวทย์ผู้เหี้ยมโหด - บุญเพ็งหีบเหล็ก
สวัสดีค่ะทุกท่าน ก่อนอื่นขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนะคะ ที่ให้ความสนใจในเรื่องราวของนวลฉวีในบทความที่แล้ว และในวันนี้ Red Diary มีอีกคดีหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นคดีที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
เป็นคดีที่ดังที่สุดในเวลานั้น มีการพาดหัวข่าวเป็นข่าวใหญ่หน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ และหลังจากที่สามารถจับตัวฆาตกรได้แล้ว มีการถูกนำเอาเรื่องราวของเขาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ มากมายหลายเวอร์ชั่น และ คดีที่กล่าวมาทั้งหมด คือ "คดีบุญเพ็งหีบเหล็ก"
Cr.kapook
บุญเพ็งหีบเหล็ก เป็นฉายานามที่ได้มาจากพฤติกรรมการฆ่าคนของเขา ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีการใช้นามสกุล นายบุญเพ็ง เกิดปีขาล เขาเป็นลูกผสม เตี่ยเป็นคนจีนและแม่เป็นคนลาว บุญเพ็งเกิดที่เมืองท่าอุเทน มณฑลอุดร (ปัจจุบันขึ้นอยู่กับ จังหวัดนครพนม) เป็นคนที่มีผิวพรรณดี รูปร่างดี สำอางค์ ตั้งแต่เขายังเด็ก
ต่อมาเมื่อเขาอายุครบ 15 ปี เตี่ยของเขาก็ได้ส่งเข้ามาอาศัยอยู่ในพระนคร กับตายาย ชื่อตาสุก และยายเพียร เตี่ยส่งเขามาเพื่อศึกษาเล่าเรียน และมาทำงานกับตาและยาย โดยมีอาชีพทำสวนผักแถวคลองบางจาก
บุญเพ็งเป็นหนุ่มรูปงามและเรียนเก่งมาก เขาชอบศึกษาเล่าเรียนกับพระที่วัดเทวราชกุญชร แต่ด้วยความที่เป็นวัยรุ่น ทำให้เขาติดเพื่อนและเที่ยวเตร่ เกเร จนยายของเขาไล่ให้ไปเป็นสัปเหร่อที่วัดไผ่เคาะ
บุญเพ็งมีความชอบส่วนตัวในเรื่องของการทำมนตร์ดำ เขาจึงไปขอร่ำเรียนวิชาไสยศาสตร์มนตร์ดำ กับตาไปล่ ซึ่งเป็นสัปเหร่อแห่งวัดไผ่เคาะ ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นสัปเหร่อที่มีวิชาดี ทั้งด้านศาสตร์หมอดู และเชี่ยวชาญทางด้านกำจัดภูติ ผี ปีศาจ รวมถึงการทำเสน่ห์ยาแฝดอีกด้วย และในเวลาต่อ
1
บุญเพ็งก็ได้ศึกษาเล่าเรียนจบครบหลักสูตรวิชาไสยศาตร์ประเภทมนต์ดำฝังรูปฝังรอย พร้อมวิชาหมอดู
และเมื่อบุญเพ็งอายุ 20 ปี จึงได้บวชเป็นภิกษุที่วัดเทวราชกุญชรแต่ประพฤติตนผิดทางธรรมวินัยจึงถูกขับไล่ออกจากวัด บุญเพ็งจึงมาขอจำพรรษาที่วัดสุทัศน์เทพวราราม ซึ่งในตอนแรกเจ้าอาวาสไม่ยอมให้เขาอยู่อาศัยด้วย แต่บุญเพ็งสัญญาว่าจะประพฤติดี เจ้าอาวาสจึงยอมเพราะเห็นถึงความตั้งใจของบุญเพ็ง
บุญเพ็งหีบเหล็ก Cr.postjung
เป็นเวลาเก้าปีที่พระบุญเพ็งได้ครองผ้าเหลือง พระบุญเพ็ง เป็นพระที่ปฏิบัติแต่กิจไม่พึงควร ล่วงอาบัติหลายประการ อาทิ ดื่มสุรา เล่นการพนัน ก่อความไม่สงบ พระบุญเพ็งเปิดบ่อนการพนันในกุฏิ เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องถูกขับไล่ออกจากวัดอยู่บ่อย ๆ เป็นต้น
1
พระบุญเพ็งมีลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกศิษย์ผู้หญิงที่มีฐานะร่ำรวย พระบุญเพ็งได้ใช้วิชาอาคมทำเมตตามหานิยมให้กับผู้หญิงเหล่านั้นที่หลงเชื่อเขา ด้วยการหลอกล่อเอาเงิน และมีเพศสัมพันธ์กับสีกาที่มาให้พระบุญเพ็งทำเสน่ห์ให้
1
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่เงินทองจากการรับทำนายดู
ดวงของพระบุญเพ็งขาดมือ พระบุญเพ็งเลยต้องหาทางเลือกใหม่ คือ การเป็นฆาตกรรมฆ่าชิงทรัพย์
เหยื่อรายแรกเกิดขึ้น เมื่อปลายปี พ.ศ. 2460 ผู้ตาย คือ "นายล้อม" นายล้อมเป็นพ่อค้าขายเพชรพลอย นายล้อมถูกล่อลวงให้เข้าไปหาพระบุญเพ็งที่กุฏิ ว่า พวกเขาอ้างว่าต้องการซื้อเพชร เมื่อนายบุญล้อมไปถึง พระบุญเพ็งและลูกศิษย์คู่ใจ ก็ได้จัดการสังหารนายล้อม พร้อมกับเอาเพชร และพลอย เงินทอง ของนายล้อมไป
พระบุญเพ็งและลูกศิษย์ จัดการกับศพนายล้อม โดยการหั่นศพแล้วยัดใส่หีบเหล็ก แล้วนำไปทิ้งในคลองที่ลับตาคน มีคนพบเจอหีบเหล็กศพนายล้อม แต่มิสามารถสืบหรือค้นหาหลักฐานใด ๆ ว่าเป็นฝีมือของใครได้เลย เนื่องด้วยในสมัยนั้นยังไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และไม่มีใครคาดคิดว่าฆาตกรจะเป็นผู้ที่อยู่ในผ้าเหลือง
1
ช่วงนั้นมีหญิงสาว ทั้งรุ่นใหญ่ และรุ่นเล็ก ไปติดพันพระบุญเพ็งเป็นจำนวนมาก มาพบเขาไม่ขาดสาย ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน นั่งคุยจนดึกดื่น ผู้หญิงเหล่านั้นก็ต่างตกเป็นทาสสวาทของเขาทั้งสิ้น ด้วยรสรักที่เขาได้ประทับตราตรึงใจให้หญิงสาวเหล่านั้น อย่างมิรู้ลืม
พระบุญเพ็งใช้ชีวิตมั่วสุมอยู่กับการพนัน ด้วยทรัพย์สินที่ฆ่าชิงทรัพย์จากนายล้อม เขาดำเนินชีวิตอย่างเดิมทุกวัน ในขณะที่เงินทองเริ่มร่อยหรอ ก็มีเหยื่อรายใหม่มาติดกับดักของพระบุญเพ็งอีก ทั้งสาวน้อยและสาวใหญ่ แต่มีอยู่หนึ่งคนที่ต้องตาของพระบุญเพ็งมาก คือ เศรษฐีนี ชื่อว่า "นางปริก"
ถึงแม้ว่านางปริกจะไม่ใช่สาวรุ่นแรกแย้ม แถมยังเหี่ยวย่นยานตามวัยแล้ว ก็มิได้ทำให้ความสนใจของบุญเพ็งลดลงแม้แต่น้อย เพราะแก้วแหวน เครื่องทอง ที่เธอสวมมาใส่ยั่วกิเลสแก่พระบุญเพ็ง ทำให้พระบุญเพ็งให้ความสนใจแก่เธอมากกว่าคนอื่นเป็นพิเศษ
1
นางปริก Cr.deewa
ทางด้านนางปริกเอง ก็มีความสนใจในตัวพระบุญเพ็งอยู่ไม่น้อย เข้าขั้นหลงจนโงหัวไม่ขึ้น ยอมรับเป็นโยมอุปัฏฐา ชนิดที่ พระบุญเพ็งเรียกเมื่อไหร่ นางปริกจะรีบมาหาทันที เรียกว่าเช้าถึงเย็นถึงเลยก็ว่าได้ แล้วกลายเป็นคู่ขากัน ทั้ง ๆ ที่ไม่สมควร หลังจากนางปริกตกเป็นทาสสวาทของพระบุญเพ็งอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้วนั้น
นางปริกได้ยื่นข้อเสนอให้กับพระบุญเพ็ง ว่า ขอให้พระบุญเพ็งสึกออกมาเพื่อไปอยู่กินด้วยกันฉันท์สามี ภรรยา ที่ถูกต้อง โดยที่นางจะไปเลิกกับสามีของนาง ส่วนทรัพย์สิน เงินทอง สวน ไร่นา ถ้าพระบุญเพ็งยอมรับข้อเสนอ ก็พร้อมจะทูนหัวและมอบให้ทั้งหมดสิ้น
1
หากแต่พระบุญเพ็งไม่ได้ตอบรับข้อเสนอในทันที เขามีความอึดอัดเกิดขึ้นภายในใจ ใจหนึ่ง ก็อยากจะได้สมบัติของนางปริก แต่อีกใจก็หมายปองผู้หญิงงามไว้อีกคนหนึ่ง เป็นคนที่ทำให้เขาตั้งใจจะสึก เพื่อไปแต่งงานและอยู่กินด้วย
1
แต่ติดขัดที่สินสอด ทองมั่น ที่เขายังไม่มีเท่านั้นเอง พระบุญเพ็งนอนครุ่นคิด อยู่หลายเพลาและในที่สุด เขาก็ตัดสินใจได้ว่า เขาควรจะเลือกทางไหน !!??
วันต่อมา เขาตัดสินใจเรียกนางปริกมาหา เพื่อมาพูดคุยถึงเรื่องข้อเสนอที่นางปริกเคยขอเขาไว้ แต่นางปริกหารู้ไม่ว่า พระบุญเพ็ง เรียกเธอมาเพื่อที่จะสังหารเธอ เพื่อฆ่าชิงทรัพย์ เอาเงินทองที่ได้ ไปมั่นสาวงามที่ตนหมายปอง เพราะใคร่ครวญคิดแล้วว่า ถ้าจะรอรับมรดกจาก
นางปริก วันเวลาคงล่วงเลยไปก่อน และอาจจะทำให้คนอื่นมาคว้าสาวงามของเขาไปซะก่อน เขารอไม่ได้อีกแล้ว...
พระบุญเพ็งออกอุบาย ให้ลูกศิษย์ เรียกนางปริกมาหา โดยลูกศิษย์บอกกับนางปริกว่า พระบุญเพ็งคิดถึง และมีเรื่องอยากจะคุยด้วย เมื่อนางปริกได้ยินเช่นนั้น ก็หลงดีใจเป็นอย่างมาก รีบแต่งตัวเต็มองค์ทรงเครื่อง ใส่แหวนเพชร สร้อยคอ สร้อยข้อมือ เข็มขัดเพชรเม็ดโต รีบมาหาบุญเพ็งทันที
1
แล้วก็ไม่ผิดหวัง เพราะพระบุญเพ็งทำให้
นางปริกเคลิ้บเคลิ้มไปกับลีลารักของเขา
และหลังจากที่นางปลิกกำลังสุขใจอยู่ได้ไม่นาน พระบุญเพ็งก็สวมวิญญาณเป็นปีศาจร้าย บีบคอนางปริกจนขาดใจตายคามือในที่สุด
พระบุญเพ็ง ให้ลูกศิษย์ไปซื้อหีบเหล็กใบใหญ่ เพื่อที่เตรียมใส่ร่างที่ไร้วิญญาณของนางปลิก และจัดการชำแหละศพนางปริกเพื่ออำพรางคดี โดยใช้วิธีเดียวกันกับตอนสังหารนายล้อม
1
พระบุญเพ็งและลูกศิษย์ช่วยกันใช้มีดหั่นศพของนางปริกเป็นท่อน ๆ และยัดใส่หีบเหล็กที่จัดเตรียมไว้ และเพื่อไม่ให้หีบลอยขึ้นมาเขาจึงใส่อิฐถ่วงน้ำหนักลงไปในหีบด้วย
1
พระบุญเพ็งเรียก รถเจ๊ก (รถรับจ้างชาวจีน) เพื่อมาบรรทุกหีบไปที่ท่าเรือจ้าง ให้เรือจ้างนำหีบไปส่งที่ลับตาคน พอเรือจ้างรับไปแล้ว ก็หย่อนหีบลงไปในลำคลองแถวคลองมหานาคให้หายลงไปในก้นบึ้ง และหลบไปกบดานที่วัด เพื่อรอจังหวะที่จะนำทรัพย์สินที่ฆ่านางปริกออกมาแลกเป็นเงิน เพื่อไปมั่นสาวคนรักที่เขาหมายปองเอาไว้
ตกเย็นของวันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2461 มีผู้พบหีบเหล็กลอยน้ำติดฝั่งแถววัดไทรม้า จังหวัดนนทบุรี หีบถูกเก็บนำไปส่งที่สถานีตำรวจเมืองนนท์ และเมื่อฝาหีบถูกเปิดออก ผู้คนต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น ชิ้นส่วนของอวัยวะในร่างกาย ที่ถูกหั่นออกเป็นชิ้น ๆ และมีอิฐถ่วงอยู่ 8 ก้อน
1
เช้าวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2461
อำมาตย์เอก พระยานนทบุรี นครบาลจังหวัดนนทบุรี ได้ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ กรุงเทพฯ เดลิเมล์ เพื่อตามหาญาติของหญิงสาวที่พบเป็นศพ
เพียงวันเดียวเท่านั้น คดีได้ถูกคลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว ทราบชื่อผู้ตายคือ นางปริก ภรรยาของขุนสิทธิคดีหรือนายปลั่งมีฐานะร่ำรวย อาศัยอยู่อยุ่ที่ตึกแถวถนนทหารบกทหารเรือในพระนครนั่นเอง
ข่าวกรุงเทพเดลิเมล์หลังพบเจอศพนางปลิก
แม่ของนางปริกเป็นพยานปากสำคัญให้การว่า นางปริกหายตัวไปเมื่อ 7 วันก่อน โดยก่อนออกจากบ้านในเช้าวันที่ 7 มกราคมนั้น มีจดหมายจากนายบุญเพ็งนัดให้นางปริกไปรับสร้อยที่ตนได้ขอยืมไว้ "สงสัยว่านายบุญเพ็งคนนี้จะเป็นผู้ฆ่าและชิงสร้อยข้อมือทองคำหนักข้างละ 10 บาทจากนางปริก" แม่นางปลิกกล่าว
2
หลังจากตำรวจสืบ พร้อมทั้งมีพยานปากเอก รวมถึงพยานชาวบ้าน หลาย ๆ คนที่มาแจ้งความเกี่ยวกับหีบเหล็กที่ได้พบ ถึง 7 หีบ ในหีบมีศพที่ถูกหั่นศพไว้ทุกหีบ คดีช่างคล้ายคลึงกันมากนัก และสามารถสาวตัวไปถึงนายบุญเพ็งได้อย่างไม่ยาก
1
ในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2461 ตำรวจได้เข้าจับกุมนายบุญเพ็งได้ที่บ้านนางบัว ตำบลถนนตรีทอง ซึ่งนายบุญเพ็งเพิ่งแต่งงานกับนางตาดลูกสาวของนางบัว และเป็นวันเดียวกับที่หนังสือพิมพ์ลงประกาศเรื่องพบศพนางปริก ปรากฎว่าความคืบหน้าของคดีนางปริกได้โยงไปถึงคดีนายล้อมศพที่พบอยู่ในหีบจมน้ำ
1
ผู้ต้องหามีคนเดียวคือนายบุญเพ็ง ซึ่งรับยอมสารภาพ ว่า ได้ล่อลวงนายล้อมและนางปริกไปปลิดชีพเพื่อชิงทรัพย์มาเป็นทุนแต่งงานกับนางตาด
1
นายบุญเพ็งให้การสารภาพว่า คนแรกที่เขาได้ฆ่า คือ นายล้อม มีผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย คือ นายพัน อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเขา และเป็นผู้รู้เห็นเรื่องที่นายล้อมถูกฆ่า ตลอดจนร่วมกันนำหีบใส่ศพและจ้างรถเจ๊กไปทิ้งลงน้ำ ซึ่งคดีแรกได้ฆ่านายล้อมในกุฏิวัดสุทัศน์
2
Cr.phannaphat_express
และคดีต่อมา คดีฆ่านางปริก มีจำเลยร่วมด้วยสองคน คือนายจรัลและสมีเจริญ ทั้งสองก่อคดีทั้งที่ยังบวชเป็นพระอยู่ที่วัดสุทัศน์ ได้ร่วมกันกับนายบุญเพ็งเอาหีบศพนางปริกที่นายบุญเพ็งฆ่าหั่นศพไปถ่วงน้ำ
ถึงแม้จากรูปคดีที่ผ่านมา ตำรวจจะได้รับแจ้งถึงหีบเหล็กที่มีศพอยู่ภายในทั้ง 7 ใบ แต่นายบุญเพ็งให้การปฏิเสธ ว่าเขาไม่ได้ฆ่าใคร นอกจากนายล้อมและนางปริก
ซึ่งบางแหล่งที่มา ก็บอกว่า เขาฆ่าคนมากกว่า 2 ศพขึ้นไป เพราะช่วงที่เขาต้องการเงินจำนวนมาก เลยฆ่าชิงทรัพย์ และใส่หีบเหล็กถ่วงน้ำไปหลายศพ
Cr.phannaphat_express
วันอังคาร ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2462 คดีนี้ก็ได้สิ้นสุดลง ศาลพระราชอาญาให้ต้องโทษ และถูกตัดสิน โดยการประหารชีวิต เป็นการลงโทษที่หนักที่สุด
วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2462 นายบุญเพ็งถูกตัดหัวประหารชีวิตที่ลานประหารวัดภาษี (ปัจจุบันคือแถวเอกมัย) โดยในช่วงประหารนายบุญเพ็งนั้น มีผู้คนมากมายมาดูการประหารชีวิต แต่ว่าไม่มีญาติของบุญเพ็งเลยสักคน รวมถึงนางตาดเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานกันหมาด ๆ ก็ไม่มีใครพบเจอเธออีกเลย
มีเรื่องเล่ากล่าวขานกัน ถึงเรื่องก่อนที่นายบุญเพ็งจะถูกประหาร ในช่วงที่จะเริ่มประหารชีวิตนายบุญเพ็งนั้นเอง เพชรฆาต รำดาบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลงดาบอันคมกริบลงบนคอ แทนที่คอจะขาดสะบั้น เลือดพุ่งกระฉูด กลับกลายเป็นว่า คมดาบนั้นไม่ได้ระแคะระคายผิวนายบุญเพ็งเลย
1
เพชรฆาตบอกกับเขาว่า "มึงมีอะไรดี ให้เอาออกเสียเถอะ" นายบุญเพ็งจึงคายพระออก (นายบุญเพ็งอมพระไว้ในปาก) เพชฌฆาตก็เอาพระขว้างทิ้งไปในกอไผ่
คราวนี้รำดาบใหม่ ดาบหน้ารำจนบุญเพ็งเคลิ้มเผลอ ทันใดนั้นดาบหลังฟันดัง ฉับ!!!! คราวนี้ คอขาด หัวกระเด็น จนเลือดพุ่งกระฉูด หัวกระเด็นตกพื้น สิ้นใจในที่สุด
1
เจ้าหน้าที่ และชาวบ้านกำลังเดินทางไปลานประหาร เพื่อดูการประหาร นายบุญเพ็งหีบเหล็ก
เจ้าหน้าที่ทางการเข้าไปคุยกับนายเพ็งหีบเหล็กเป็นครั้งสุดท้าย
นายเพ็งหีบเหล็กกำลังท่องคาถาอาคม
เพชรฆาตดาบแรก กำลังร่ายรำเพื่อขัดขวางสมาธิของนายบุญเพ็ง
เนื่องจาก เพชรฆาตดาบแรกฟันนายบุญเพ็ง ไม่เข้า จึงส่ง นายหนุน ดาบสอง เข้าพูดคุยเพื่อให้เขาถอนของออก (นายเพ็งอมพระอยู่ในปาก)
นายหนุนเข้าพูดคุยขอให้บุญเพ็งถอนของ
เพชรฆาต เตรียมประหารรอบ 2
สิ้นสุดปิดตำนาน บุญเพ็งหีบเหล็ก
ศพของบุญเพ็งหีบเหล็ก ถูกนำไปฝังไว้ในป่าช้า และภายหลัง ญาติของเขาก็จัดการเผาศพตามพิธี และกล่าวกันว่า รอยสักช่วงแผ่นหลัง ของเขา เผาไฟไม่ไหม้ ญาติเก็บกระดูกใส่เจดีย์ไว้ข้างกุฏิโบสถ์วัด จนช่วงหลังเจดีย์ถูกรื้อออก
ทางวัดภาษี จึงได้ให้ช่างปั้นรูปปั้นจำลอง
เมื่อ ปี พ.ศ.2537 ตั้งไว้ในศาลเล็ก ๆ ติดกับวิหาร ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์สอนใจให้คนรุ่นหลัง ไม่ให้ทำความชั่วและเพื่อระลึกว่าครั้งหนึ่งเคยมีคดีฆาตกรรมที่โหดสุดในเวลานั้นด้วย
นอกจากนี้ยังมีบันทึกของหม่อมเจ้าหญิงเริงจิตรแจรง อาภากร พระธิดาของเสด็จในกรมหลวงชุมพร (ลูกสาวเสด็จเตี่ย)
ได้บันทึกใจความว่า เสด็จเตี่ยได้พาพระโอรสพระธิดาของเสด็จกรมท่านไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์อย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ว่าคนเราแม้จะมีวิชาดีเก่งสักเพียงใด ถ้ากระทําชั่วก็หนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม แม้หนังจะเหนียวฟันแทงไม่เข้าแต่ก็มิอาจรอดพ้นอาญาแผ่นดิน ของที่มีเสื่อมถอยหมด และยังปลูกฝังให้พระโอรส พระธิดาของท่านไม่ให้กลัวผีอีกด้วย
บันทึกของท่านหญิงเริงจิตรแจรง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับเรื่องของ บุญเพ็งหีบเหล็ก พระนอกรีต ที่กระทำความผิดและสร้างประวัติศาสตร์อันน่าหวาดผวาไว้อย่างมากมาย หากท่านใด อยากทราบเรื่องราวความเป็นมาและประวัติเพิ่มเติม สามารถเดินทางไปที่วัดภาษี ซอยเอกมัย23 แขวงคลองตันเหนือ กรุงเทพได้เลยนะคะ
ศาลบุญเพ็งหีบเหล็ก Cr.postjung
จุ๊ ๆ เรดได้ยินมาว่าหีบเหล็กทั้ง 7 ใบ ถูกฝังอยู่ใต้ศาลบุญเพ็งหีบเหล็ก ด้วยนะคะ หากข้อมูลผิดพลาด ตกหล่น ประการใด เรดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ แนะนำติชมเรดได้นะคะ ยินดีค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันเสมอมาค่าาา 😊🙏
Cr.Phannaphat_express
ขอบคุณรูปภาพจากคุณ phannaphat_express , Navarat.C อย่างสุดซึ้งค่ะ
Cr.khaonaroo , เพจของไทยนี้มันที่สุดแล้ว , เพจเรื่องเล่าภาพเก่าในอดีตราชบุรี , wikipedia , อ.ยอด
หากท่านใดชื่นชอบ กดไลค์ กดแชร์ และกด Follow ให้กับเราด้วยนะคะ เรายินดีจะนำบทความดี ๆ ที่น่าสนใจมานำเสนอแก่ทุกๆท่านค่า ขอบคุณค่ะ ❤ 😁
เรียบเรียง : Red Diary ❤
โฆษณา