10 กว่าปีที่แล้วเคยไปฟังสัมมนา วิสัยทัศน์ผู้บริหารเซเว่นท่านหนึ่ง จำชื่อไม่ได้แล้ว ในงานสัมมนานั้น ผู้จัดการท่านนั้น ได้บอกนโยบายของเซเว่นว่า จะเน้นสินค้าบริโภคให้มากขึ้น
เพราะสินค้าบริโภคต้องใช้ทุกวันดีกว่าสินค้าอุปโภค พวกสบู่ แฟ๊บ ยาสีฟัน ฯลฯ ซึ่งซื้อชิ้นนึงว่าจะใช้หมดเป็นอาทิตย์เป็นเดือน
สู้สินค้าบริโภคไม่ได้ เพราะต้องใช้ทุกวัน เผลอ ๆ วันนึงใช้หลายรอบอย่างเช่นของกิน กินได้ 3 มื้อต่อวัน
อัตราการหมุนเวียนสูงได้เงินสดเร็ว จึงเป็นที่มาของคำว่า รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มมัยค่ะ และยังมีสินค้าอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งตามตู้แช่เซเว่นตามมาอีก
การไปฟังงานสัมมนานั้นก็ได้รู้ถึงระบบการหาร้านค้าของเซเว่นด้วย การหาทำเลเปิดร้านเซเว่นร้านหนึ่งจะมีการลงไปสำรวจ 4 ครั้ง
แบ่งเป็น 4 หน่วย เขามีเรียกชื่อหน่วยด้วย แต่ผู้เขียนจำชื่อหน่วยไม่ได้แล้ว จำได้แค่หน่วยนึงใช้ชื่อว่าหน่วยปลาทอง เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่ายังมีอยู่หรือเปล่า
เซเว่นจะมีให้คนหน่วยแรกตะเวนหาทำเลก่อน หลังจากนั้นก็จะส่งหน่วยสองสำรวจเพิ่ม ถ้าหน่วยที่ 2 สำรวจผ่านตามเงื่อนไข ก็จะตามหน่วย 3 และหน่วยสี่หน่วยสุดท้าย ซึ่งหน่วยสุดท้ายนี้จะมีผู้จัดการระดับสูงตามไปดูทำเลด้วย
ช่วงเวลานั้น ทำเลที่เซเว่นต้องการก็คือห้องหัวมุม ถามว่ารู้ได้อย่างไง
ก็ดูจากยอดขายและผลสำรวจ
ผู้สัมมนาเอ่ยว่า คนไทยนี่ สุดยอดจริงๆ เดินแค่ห้อง 2 ห้องก็ไม่เดินละ ยอดขายห้องหัวมุมจะดีกว่าห้องถัดไปอย่างเห็นได้ชัด
การสัมมนาครั้งนั้น ผู้เขียนจับประเด็นและเนื้อหาสำคัญ ๆ ของเซเว่นได้เท่านี้
ผู้เขียนจำได้ว่าช่วงเวลานั้น ผู้เขียนเคยได้ยินมาว่า (ตรงนี้ไม่ใช่ได้ยินจากสัมมนานะคะ) เซเว่นหาทำเลและอัดแรงด้วยการจ่ายค่าเช่าดีมาก ค่าเช่าห้องนึง 3-40,000 บาท ขั้นต่ำ 1 ทำเลคือ 2 ห้อง ซึ่งเท่ากับว่าค่าเช่าจะตกที่ 60,000 - 80,000 บาท
ค่าเช่าราคาอย่างนี้ถือว่าอัดแรงมาก ใคร ๆ ก็ปล่อยเซเว่นทั้งนั้น (เรทค่าเช่า ถ้าไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวต่างชาติ จะได้ไม่ถึงเรทนี้ จะได้ห้องหนึ่งแค่หมื่นกว่าบาทเท่านั้น แต่เซเว่นให้ราคานี้เท่ากับอัดแรงจริง ๆ)
เคยมีพี่คนหนึ่ง ซื้อแฟรนไชส์เซเว่นมาทำ รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 80,000 บาทได้ แต่ตรงนี้ยังไม่ได้หักค่าแรงตัวเองที่ต้องคุมลูกน้องนะ
หลายปีต่อมา พี่คนนี้ก็เลิกทำไปแล้ว
เพราะตอนหลังเซเว่นเริ่มเปิดถี่และใกล้กันจนเกินไป
คราวนี้มาถึงจุดที่ผู้เขียนสังเกตุเอง และเคยได้ยินมาจากผู้ค้าท่านอื่น ๆ
ผู้เขียนคิดว่า เซเว่นคงเปลี่ยนนโยบายเปิดร้านให้ถี่ขึ้นไม่เว้นระยะเหมือนเมื่อก่อนเพื่อกินรวบ แล้วเปิดเพื่อกันคู่แข่ง เพราะถ้าโลตัสมาเปิดหรือ Big C มาเปิดก็โดนแย่งยอดไป
ถ้าเปิดเอง ก็จะกันคู่แข่ง ยอดขายก็ได้สองฝั่งถนน รายได้ค่าขายแฟรนไชส์ก็เพิ่ม ยอดขายสินค้าก็เพิ่ม อำนาจการต่อรองก็เพิ่ม
แต่คู่ค้าที่ซื้อแฟรนไชส์นี่ซิ ซวยเลย โดนบังคับให้ต้องซื้อแฟรนไชส์ฝั่งตรงข้ามเพิ่มขึ้นไปในตัว ถ้าไม่ซื้อ ยอดสาขาตัวเองก็ตก ถ้าซื้อก็ต้องเหนื่อยเพิ่ม เสียเงินเพิ่ม แต่รายได้กลับเพิ่มนิดเดียว
ดีดลูกคิดรางแก้วยังไงก็ไม่วินวินอย่างที่ตำราฝรั่งที่เป็นคนเขียนแฟรนไชส์บอกมา ก็เขียนเองทั้งนั้นอะฝรั่ง
ระบบแฟรนไชส์ นี่ก็ของต่างประเทศทั้งนั้น ตำราไรก็ต่างประเทศทั้งนั้น CP ก็ไม่ได้คิดเอง อาจจะบริหารเองบ้าง แต่ก็ต้องอิงระบบ ปรับสูตรให้ลงตัว
จริง ๆ เคยอ่านในพันทิป ที่มีคนเขียนมาถามว่า CP จะมาให้เงินฟรี ๆ แต่ให้ทำสัญญาว่า ห้ามบ้านนี้ปล่อยเช่าให้กับใคร ให้อยู่อาศัยเอง
คนเขียนมาถาม เขาไม่แน่ใจว่า มีอย่างนี้ด้วยหรอ คนมาตอบว่ามี
พออ่านแล้วก็รู้เลยว่า CP นี้อัดแรงจริง ๆ เล่นหมากล้อมเก่งมาก นับถือนับถือ
นอกจากนี้ ส่วนตัวยังเคยหาทำเลเช่า เผอิ๊ญเผอิญ ไปเจอทำเลของ CP เข้าโดยไม่รู้ตัว โทรไปสอบถามเบอร์ที่ติดอยู่หน้าตึกนั้น สนทนาแป๊บหนึ่ง คู่สนทนาฝั่งโน้นบอกว่ามีทำเลอื่นด้วย
เดี๋ยวส่งให้ดู ทางไปรษณีย์แล้วกัน ขอที่อยู่ผู้เขียน ผู้เขียนก็บอกว่า บอกทางโทรศัพท์ก็ได้ ทำไมต้องส่ง แต่ก็ให้ที่อยู่ไป
คนทางโน้นบอกว่าเอาเถอะ เดี๋ยวไปดูเองก็แล้วกันว่า บอกไปเดี๋ยวจะตกใจ
วันที่ไปรษณีย์ส่งมาถึง พอเปิดออกดูก็ตกใจจริง ๆ ด้วย ได้สมุดเล่มหนามา เล่นใหญ่ ๆ เล่มนึง หน้าปกคือโลโก้ CP
เปิดดูข้างในทำเลเพียบเลยนี่แปลว่าเขาเช่าทิ้งไว้ก็พอสมควร แถมเอามาปล่อยต่อทำมาหากินอีก ไม่ธรรมดาเลย เจียไต๋นี่ 🤗🤗🤗
มีอยู่เคสหนึ่ง เพื่อนคนหนึ่งของผู้เขียนเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เพื่อนเขาไปซื้อแฟรนไชส์เซเว่นมา ตอนนี้บ่นอุบเลย งานหนักมาก ลงเงินไปแล้วด้วย ไม่น่าไปซื้อมาเลย
ผู้เขียนบอกว่า ทำไมไม่มาถามผู้เขียนก่อนแหละ จะได้บอกวิธีทำตรงกันข้าม เปลี่ยนสถานะ งานเบาเงินดีกว่าเยอะ ไม่ต้องเหนื่อยเลย
เพื่อนถามว่าทำไงล่ะ
ก็ไปซื้อตึกแถวให้เซเว่นเช่าซิ ผู้เขียน เห็นแล้วหลายแง่มุม ผู้เขียนเลือกที่จะทำสัญญาคู่ค้ากับเซเว่น ด้วยการเป็นผู้ให้เช่าตึกดีกว่า
เอาเงินที่ซื้อแฟรนไชส์นั่นแหละไปซื้อตึกแถวง่ายกว่าอีก แล้วเปลี่ยนฝั่งมาให้เซเว่นทำให้เราแทน แทนที่เราจะไปทำให้เซเว่น
ทำสัญญาเช่ากับเซเว่นที ระยะยาว สัญญาค่าเช่าขึ้น 10% ทุก 3 ปีด้วย เซเว่นเป็นบริษัทใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องเงินอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเงินก็จ่ายตรงเวลาทุกเดือน ไม่ต้องกลัวโดนเบี้ยวว่าเก็บค่าเช่าไม่ได้ แถมค่าเช่าก็ดี๊ดีตอนช่วงโน้น (ไม่ใช่ปัจจุบันนี้ เซเว่นขอลดค่าเช่าอยู่นั่นแหละ แถมเมื่อก่อนตึกแถวห้องหนึ่งก็แค่ล้านสองล้านไม่เกินสามล้าน เดี๋ยวนี้ห้องนึงก็ 4-5 ล้านอย่างต่ำ ปล่อยเช่าไม่ค่อยคุ้ม)
ถ้าตอนนั้นผู้เขียนหาตึกแถวให้เซเว่นเช่าได้นะ ป่านนี้สบายไปแล้ว เพราะนอกจาก จะได้ค่าเช่าที่สูง ยังได้ส่วนต่างค่าตึกที่เพิ่มขึ้น ณ ปัจจุบันนี้ด้วย
วาสนาไม่ถึง ก็ไม่เป็นไร จุดนี้ไม่ได้ก็ไปดูจุดใหม่ได้ เสียดายว่าตอนนั้นทำไมผู้เขียนไม่นึกถึงหุ้น cpall นะ
ว่าไม่ได้ ตอนนั้นผู้เขียนคิดว่า เกิดปัญหาซับไพร์มที่เมกา หุ้นมันน่าจะราคาถูกกว่านี้ แต่แล้วเมกาก็ฉีกตำราตัวเองทิ้ง ไม่ยอมล้ม แถมมาทำให้ทั่วโลกปั่นป่วนกับเงินเฟ้ออีก แต่ตัวเลขก็บอกว่าเงินเฟ้อนิดเดียวเอง
โธ่.. ความจริงก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าข้าวของแพงขนาดไหน มาบอกว่านิดเดียว ก็นิดเดียวด้วยตัวเลขมันเล่นแร่แปรธาตุไง
หลังจากที่หุ้นวิ่งขึ้นไปแล้ว ผู้เขียนก็ได้แต่นั่งทำตาปริบๆแล้วก็ไม่สนใจหุ้นอีกเลย
แต่ต่อมาอีกหลายปี ผู้เขียนได้ไปซื้อหุ้นกู้ cpall 10 ปีแทน ผู้เขียนทำกลับด้านอีกรอบ เป็นผู้ถือหุ้นไม่ทันก็เปลี่ยนมาเป็นเจ้าหนี้แทนดีกว่า😊
เอาเถอะ..ถึงไม่ได้อะไรซะอย่าง..อย่างน้อยก็ได้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ 5%กว่ามาปลอบใจแล้วกัน
หมายเหตุ บทความนี้ผู้เขียน ต้องการจะสื่อสิ่งที่เราเห็นในหลายแง่มุม แล้วอย่าเพิ่งใจร้อนหรือรีบด่วนตัดสินใจกับสิ่งที่เรารู้มาเพียงแค่แง่มุมเดียว พยายามนำความรู้ข้อมูลที่ได้ มาพิจารณาไตร่ตรองให้ดีให้ก่อเกิดประโยชน์กับตนเองและผู้อื่น
ปล. บทความนี้เป็นแค่ความรู้ส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนนำมาถ่ายทอดเล่าสู่ผู้อ่าน ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผู้เขียนอยากจะเล่าให้ฟังไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอนโดใจกลางสุขุมวิทหรือทำไมคนไทยรวยจัง วิธีคิดเบี้ยหัวแตก เรื่องต่างด้าวต่างชาติต่าง ๆ นานาอีกมากมาย แต่ยังลังเลอยู่ไม่รู้จะเขียน ดีหรือเปล่า
สุดท้ายนี้ สุขสันต์วันสงกรานต์ปีใหม่ไทยนะคะ🤗🤗🤗
กาลเวลา..เวลาที่ไม่เคยหยุดเดิน 🌀⏰🌀
- 14
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
