15 เม.ย. 2019 เวลา 15:10 • ธุรกิจ
คริปโตฯกับการบริหารความเสี่ยง: การวิเคราะห์เบื้องต้น
ตำหรับตำราที่เกี่ยวกับการลงทุนหุ้นนั้นมีเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุนหุ้นในแบบ VI (Value Investor) คือการลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า หุ้นพื้นฐานดีเน้นการถือระยะยาว และหนังสือการลงทุนหุ้นโดยการใช้กราฟเทคนิค เน้นการใช้กราฟเทคนิคในการเก็งกำไร เน้นเก็งกำไรระยะสั้นๆ หลักใหญ่ๆในการลงทุนหุ้นก็มีสองแบบนี้คือ ลงทุนแบบเน้นคุณค่า กับ ลงทุนแบบใช้กราฟเทคนิค หรืออาจจะมีบางคนลงทุนแบบผสมคือทั้งเน้นคุณค่าและใช้กราฟเทคนิคในการเข้าซื้อก็มี
แล้วในตลาดคริปโตฯล่ะ สามารถใช้วิธีแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) ได้หรือไม่ ?
ตอบได้ทันทีเลยครับว่า ไม่ได้ เพราะตลาดคริปโต ไม่มีงบการเงิน ไม่ว่าจะเป็นงบกำไรขาดทุน งบดุล เราจึงไม่สามารถใช้การลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้ ในส่วนของกราฟเทคนิคนั้น แน่นอนว่าไม่มีปัญหาสามารถใช้กราฟเทคนิคได้ แต่อาจจะต้องปรับปรุงนิดๆหน่อยๆให้เข้ากับตลาดคริปโตฯที่เทรดกันทุกวัน ตลอด24ชั่วโมง
สำหรับคนที่เคยอยู่ในตลาดหุ้นมาก่อน แล้วเพิ่งเข้ามาในตลาดคริปโตฯใหม่ๆ คงจะมีคำถามแบบเดียวกับผมว่า แล้วพื้นฐานของเหรียญในตลาดคริปฯหรือaltcoin ตัวไหนพื้นฐานดีหรือไม่ดี? เราจะดูอย่างไรและดูจากอะไร ถ้าเป็นหุ้นเราสามารถหาพื้นฐานของหุ้นด้วยตัวเราเองได้ เพราะหุ้นนั้นมีตำหรับตำรามากมายเขียนขึ้นมาให้เราอ่าน และนักลงทุนส่วนใหญ่ก็ใช้หลักการนั้นมาเนิ่นนาน ในเรื่องของการวิเคราะห์พื้นฐานของหุ้น และหุ้นก็มีงบการเงินให้เราดูด้วย อัตราส่วนทางการเงินต่างๆให้เราได้วิเคราะห์กัน ก็พอจะรู้ได้แล้วว่าหุ้นตัวไหนพื้นฐานดีหรือไม่ดี ข้อมูลก็หาได้ง่ายๆที่เว็บของตลาดหลักทรัพย์ฯเอง คือเว็บ www.set.or.th มีข้อมูลครบถ้วนตามที่ต้องการ
ผมขอยกตัวอย่างแนวทางของหุ้นพื้นฐานดีคร่าวๆให้ดูดังนี้นะครับ เช่น
PE 10 เท่า ถือว่าพื้นฐานดี ยิ่งต่ำก็ยิ่งดี
DE 1 เท่า ยิ่งน้อยยิ่งดี หนี้สินน้อยถือว่าดีน่าลงทุน
ROA มากกว่า 15%
ROE มากกว่า 15%
PBV น้อยกว่า 1
รายได้เติบโตขึ้นทุกปี
กำไรเพิ่มขึ้นทุกปี
อัตราการเติบโตย้อนหลัง 30% โตเฉลี่ยทุกปี
กระแสเงินสดดี
มีหนี้สินไม่เยอะ ยิ่งน้อยยิ่งดี
มีเงินสดในมือเยอะๆ ยิ่งดี
มีปันผลอย่างน้อย 3-5%ต่อปี เหมาะสำหรับการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เพราะส่วนใหญ่ก็จะเน้นถือรับปันผล
นี้คือตัวอย่างคร่าวๆสำหรับการวิเคราะห์ว่าหุ้นแบบไหนพื้นฐานดีหรือไม่ดี จะวิเคราะห์แบบนั้นได้ เราก็ต้องมีข้อมูลในอดีตและตัวเลขทางบัญชีหรืองบการเงินนั้นเองถึงจะวิเคราะห์ได้ แล้วก็เข้าไปลงทุนตามตำรา
แล้วในตลาดคริปโตฯล่ะ ?
จะใช้อะไรวัดว่าเหรียญไหนพื้นฐานดีหรือเหรียญไหนพื้นฐานไม่ดี เพราะมันไม่มีงบการเงิน ไม่มีข้อมูลทางบัญชีให้ดู ถ้าจะใช้การวิเคราะห์แบบหุ้นก็คงทำได้ยาก ทว่ามันก็พอมีหลักการวิเคราะห์ในแบบฉบับของคนในวงการเหมือนกัน หลักใหญ่ๆที่ผมใช้วิเคราะห์เบื้องต้น มีดังนี้ครับ
Whitepaper
ถ้าเป็นหุ้นอย่างแรกที่เราต้องอ่านคือ 56-1 ที่จะบอกข้อมูลของหุ้นไว้ทั้งหมด ตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของบริษัท ประวัติผู้ก่อตั้ง บริษัทที่เราจะลงทุนหรือซื้อหุ้นนี้ ทำธุรกิจอะไร โครงสร้างรายได้มาจากไหนบ้าง มีบริษัทในเครืออะไรบ้าง เป็นต้น
ตลาดคริปโตฯก็มีคล้ายๆกันครับ ที่เรียกว่า whitepaper ก็จะบอกข้อมูลที่เราควรรู้ที่จำเป็นต่างๆ ตัวโปรเจคนี้คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร ใช้เทคโนโลยีอะไร หลักการทำงานเป็นเช่นไร เหรียญนี้ทำอะไรได้บ้าง ก็สามารถทำให้เราพอเข้าใจตัวโปรเจคได้บ้าง
ทีม(Team)
นี่คือหนึ่งในปัจจัยขั้นพื้นฐานของตลาดคริปโตฯที่จะมองข้ามและปฎิเสธเสียมิได้เลยว่า มันโคตรจะสำคัญมากๆ มองแค่ทีมหรือตัวบุคคลก็อาจตัดสินได้เลยว่าเหรียญนั้นๆเป็นเหรียญพื้นฐานดีหรือไม่ดีก็ว่าได้ ยกตัวอย่างเช่น เหรียญ zcoin ที่มี Lead Team อย่างคุณหนึ่ง ปรมินทร์ อินโสม เป็นผู้ก่อตั้งและหัวหน้าทีมพัฒนา ซึ่งตัวคุณหนึ่งเองและทีมนั้น อยู่ในวงการ Blockchain มาอย่างน้อยๆ 5 ปีขึ้นไป ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าประสบการณ์และความสามารถจะเป็นอย่างไร ผลงานย่อมเป็นคำตอบให้กับคำถามนั้นอยู่แล้ว
หรือ จะเป็นเหรียญ Ethereum ที่มีศาสดา Vitalik Buterin เป็น Lead Team และผู้ร่วมก่อตั้ง มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Vitalik หายไปจากการทวิตราวๆสามวัน มีผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวลือออกมาว่าVitalikเสียชีวิต ถึงกับทำให้ราคาของ Ethereum ร่วงเลยทันทีประมาณ 5-10% ผมสมมุติว่า ถ้าวันหนึ่งVitalik ไม่อยู่ในทีมEthereum แล้วออกไปทำเหรียญใหม่ขึ้นมา สร้างทีมใหม่ ออกเหรียญมาแข่งกับ Ethereum ก็ไม่รู้ว่าเหรียญ Ethereum จะมีราคาเท่าไหร่ ถ้ามันเป็นไปตามที่ผมสมมุติขึ้นมาจริงๆ
เหรียญ Tron ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ตัวบุคคลมีอิทธิพลต่อราคาเหรียญเป็นอย่างมาก เหรียญTronนั้น มีบุรุษผู้หนึ่งนามว่า Justin Sun เป็นหัวหอกหลักในการทำการตลาดโปรโมตต่างๆ เป็นหน้าเป็นตาให้กับเหรียญทำให้เหรียญดูดีขึ้นมาทันที เขาเพียงคนเดียวก็ทำให้เหรียญTronนั้นราคา มีแต่ขึ้นกับขึ้น
เหรียญ BNB หรือ Binance Coin เว็บเทรดคริปโตฯอันต้นๆของโลกก็เช่นกัน ที่มีบุรุษนามว่า CZ เป็นหัวหอกหลักในการทำการตลาด คอยเป็นผู้นำเทรนให้กับเว็บเทรดอยู่เสมอๆ และเขาก็เป็นบุคคลหนึ่งในวงการคริปโตฯที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ณ เวลานี้(2019)
ที่ปรึกษา(Advisor)
สำหรับที่ปรึกษาอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวโปรเจคมากนัก ทว่าก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ยิ่งมีที่ปรึกษาที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างหรือคนดังในวงการก็จะยิ่งดี ทำให้โปรเจคนั้นๆดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น หรือถึงขั้นเพิ่มมูลค่าให้กับโปรเจคนั้นๆเลย ยกตัวอย่างเช่น Vitalik ศาสดาแห่งวงการ Blockchain ยุคปัจจุบันที่ใครๆก็รู้จักเป็นอย่างดี ถ้าเขาไปเป็นที่ปรึกษาให้กับโปรเจคไหน โปรเจคนั้นจะดูน่าสนใจมากๆขึ้นมาทันทีเลย หรือจะเป็นบุคคลดังๆในวงการท่านอื่นๆ เช่น dr.gavin wood หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum และยังเป็นผู้ก่อตั้ง Parity Technologies อีกด้วย หรือจะเป็น Anthony Dilorio ก็เป็นอีกหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum และยังเป็นผู้ก่อตั้งกระเป๋าเก็บเหรียญชื่อดังนาม Jaxx อีกด้วย เป็นต้น บุคคลผู้ทรงอิทธิพลในวงการเหล่านี้ที่เป็นผู้ก่อตั้งโปรเจคดังๆมาก่อน ถ้าไปเป็นที่ปรึกษาให้กับโปรเจคไหน โปรเจคนั้นก็น่าสนใจขึ้นและหมายรวมถึงพื้นฐานของมันจะดีตามไปด้วยเลยครับ
พาร์ทเนอร์(Partner)
ตรงจุดนี้จะคล้ายๆกับที่ปรึกษา (Advisor) ต่างกันที่ส่วนใหญ่จะเป็นในนามองค์กรหรือบริษัทแทนมากกว่า หรืออาจจะเป็นเหรียญดังๆในตลาดก็ได้ ตัวอย่างเช่น เหรียญ Enjin Coin (ENJ) ประกาศเป็นพันธมิตรกับ Samsung ที่เหรียญ Enjin Coin จะรองรับ Wallet ของ Galaxy S10 มือถือเรือธงรุ่นล่าสุดของ Samsung นั่นเอง ก็ทำให้เหรียญ Enjin Coin พุ่งสูงขึ้นกว่า 500% ภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือนกันเลยทีเดียว
โซเชี่ยลมีเดีย(Community)
สื่อออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น twitter,facebook,telegram,slack,discord คืออีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญต่อทุกโปรเจคในตลาดคริปโตฯเลยก็ว่าได้ เพราะมันจำเป็นต้องใช้สื่อสารกับผู้ที่สนใจในโปรเจคนั้นๆ สื่อสารกับแฟนคลับกับตัวโปรเจคเอง ประกาศข่าวต่างๆที่สำคัญกับตัวโปรเจคเอง ทีมงานหรือแอดมินก็ต้องคอยโพสท์หรือสื่อสารกับคนที่ติดตามอยู่เสมอๆ ยกตัวอย่างเช่น NEO เทคโนโลยีของเหรียญนี้อาจจะไม่ดีมากนัก ล่มก็บ่อยมาก ทว่า Community รักโปรเจคนี้มาก และเชียร์กันบ่อยๆหรือพูดแต่สิ่งดีๆกับโปรเจคนี้ ก็ส่งผลต่อราคาขึ้นมาได้เช่นกัน และราคาไม่ค่อยลงมากนัก
การตลาด(Marketing)
การตลาดใครว่าไม่สำคัญสำหรับวงการนี้ ส่วนตัวผมนั้นคิดว่าสำคัญมากๆ มันคือการสร้างการรับรู้ในตัวเหรียญหรือแบรนด์นั้นๆ ยิ่งเหรียญไหนเน้นในเรื่องการตลาดที่จะทำให้คนรับรู้ว่า โปรเจคของตัวเองคืออะไร จะทำยังไงให้คนส่วนใหญ่เข้าใจได้ง่ายๆยิ่งน่าสนใจยิ่งครับ เพราะวงการนี้มันยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างเข้าใจยาก ถ้าโปรเจคไหนสามารถทำการตลาดได้ดีให้คนเข้าใจได้ง่ายๆ อันนี้แหละน่าสนใจมากๆ มันก็จะแปลว่าคนจะเข้าไปถือเหรียญนั้นๆมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อราคาเหรียญนั้นๆ
โค้ด(Github)
ถ้าไม่ใช่สาย dev อาจจะดูยากและไม่เข้าใจโค้ดของโปรเจคนั้นๆเลย ส่วนถ้าใครเป็นสายdevจะได้เปรียบเป็นอย่างมาก เพราะจะดูออกเลยว่าโปรเจคนั้นๆพื้นฐานดีหรือไม่ดีอย่างไร copyโค้ดมาจากโปรเจคอื่นไหม? ก็จะพอรู้ได้เลย บางคนถึงกับบอกเลยว่าเหรียญนี้โค้ดสวยมากๆกันเลยทีเดียวครับ ซึ่งตัวผมเองก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่า คำว่าโค้ดสวยมากๆนี้มันเป็นยังไงกันแน่ เพราะตัวผมเองไม่ใช่สายdevตรงจุดนี้เลยอธิบายให้เข้าใจกันได้ยากสักหน่อย
เทคโนโลยี(Technology)
นอกจากBlockchainที่เป็นเมนหลักของเทคโนโลยีนี้แล้ว ก็จะมีหลายๆโปรเจคที่มีเทคโนโลยีมาช่วยทำให้Blockchainดีขึ้น ทำอะไรได้ง่ายขึ้น เช่น บางโปรเจคจะมาทำให้การสร้าง Smart Contract ง่ายขึ้น คนทั่วไปที่ไม่รู้ภาษาคอมพ์ก็สามารถสร้าง Smart Contract บน Blockchain ได้ง่ายๆเพียงไม่กี่คลิก หรือจะเป็นโปรเจคการสร้างเหรียญerc20ด้วยตัวเองอย่างง่าย
ตัวอย่างเทคโนโลยีอื่นๆเช่น
Cross Chain เทคโนโลยีที่จะทำให้ Chain ที่แตกต่างกันสามารถสื่อสารกันได้ ส่งเหรียญข้ามแพลตฟอร์ม
Scalable,Sharding จะมีบางโปรเจคมาแก้ปัญหาใหญ่ของBlockchain คือ Scaling สมมติว่าคนล้านคนทำธุระกรรมพร้อมๆกัน ก็จะเกิดปัญหากับBlockchainทันที
Decentralized Data Exchange หรือจะเรียกว่าBig Data ก็คงไม่ผิดมากนัก ตัวอย่างโปรเจคที่เน้นในเรื่องนี้ก็เช่น data(StreamR),Ocean Protocol
Decentralized Exchange แบบ Trustless ตัวอย่างโปรเจคเช่น Kyber Network
หรือจะเป็นเทคโนโลยีที่จะมาผนวกกับ Blockchain เช่น
IoT(Internet of Things)
Machine LearningAI(Artificial Intelligence)
RFID Chips(Radio Frequency Identification)
Web3.0 หรือ Dapp Browser
สุดท้ายท้ายสุด คือ การทำให้ได้ ตามที่ได้ประกาศไว้ ดั่งเช่น Roadmapที่โปรเจคนั้นๆประกาศเอาไว้ ถ้าทำไม่ได้ตามนั้น คนที่ถือเหรียญอยู่ก็อาจขาดความศรัทธาและเชื่อมั่นในเหรียญนั้นๆก็ได้ ก็จะเกิดการเทขายกันออกมา ย่อมส่งผลต่อราคาในปัจจุบันและอนาคตได้เลยทีเดียว อย่าลืมว่าวงการนี้มันไม่มีงบการเงินให้ดู ฉะนั้น สิ่งที่สำคัญคือ ความเชื่อมั่นและศรัทธาของคนที่ถือเหรียญนั้นๆอยู่นั่นเอง
ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนั้น แค่เบื้องต้นในการวิเคราะห์เท่านั้น และส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์ว่า โปรเจคไหนน่าลงทุนระยะยาว หรือ เหรียญไหนในตลาดพื้นฐานดีหรือไม่ดีอย่างไร ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องดู ดูให้รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นกราฟ จังหวะการเข้าซื้อ จังหวะการขาย เป็นต้น
อย่างที่ทราบกันดีว่าตลาดคริปโตฯนั้นเสี่ยงกว่าตลาดหุ้นเป็นอย่างมาก บางเหรียญทุกอย่างดูดีหมดก็อาจเป็นเหรียญหลอกลวงได้ บางเหรียญดีแต่ไม่มีวอลุ่มการซื้อขาย เว็บเทรดก็อาจเอาออกจากเว็บของเขาก็ได้ ก็ส่งผลต่อราคาเหรียญอีกเช่นกัน นี่แค่ส่วนหนึ่งของความเสี่ยงที่เราจะต้องเจอในตลาดคริปโตฯเท่านั้น การบริหารความเสี่ยงกับตลาดคริปโตฯจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
ติดตามช่องทางอื่นๆของ naktrade.com ได้ที่
โฆษณา