28 เม.ย. 2019 เวลา 10:19 • ธุรกิจ
นานาทัศนะ ว่าด้วย เรื่อง ความรู้ คู่ภาพยนต์(ภาษาต่างประเทศ)
มีหลายท่านสงสัย ว่า ทำไม หนังอินเดีย สุดร้อนแรงแห่งยุค อย่าง "บาฮูบาลี" ถึงได้มีหลายคำคล้ายภาษาไทยนัก ... ?
ตรงนี้แยกคำตอบเป็นสองส่วน เรื่อง "ภาษา" กับ "อักษร"
ในภูมิภาคของเรานี้ มีภาษาอยู่ก่อนแล้ว คือ "ภาษาถิ่น" ก่อนจะมีวิวัฒนาการต่อมาเรื่อยๆ ภาษาไทยจัดอยู่ในตระกูลภาษาคำโดด (Isolating Language) หรือคำพยางค์เดียวโดดๆ (Monosyllabic Language)
ภาษาไทย เป็นภาษาตระกูล ภาษาไท
ส่วนภาษาฮินดี เป็นภาษาตระกูล อินโด -ยูโรเปียน
แล้ววิวัฒนาการมีมาอย่างไร ... ? มีมาตามการปกครอง ภูมิภาคนี้ หลังจากเข้าสู่ยุคนครรัฐ ก็ได้รับอิทธิพลทั้งการปกครอง และ ศาสนา มาจากอินเดีย และมีอีกหลายมากหลายคำ ที่ "ยืมมาจากประเทศอื่นๆ" เช่น พม่า เขมร มอญ เปอร์เซีย จีน ฝรั่ง ฯลฯ เนื่องด้วยความเป็น "ภาษาเป็น"
***********************
ในเรื่องของอักษร เนื่องจากมีภาษามาก่อน ดังนั้นจึงต้องมีการประดิษฐ์ อักษรมาเพื่อรองรับภาษา
ลำดับความเป็นมาของอักษรไทย เริ่มจาก มีจารึกสมัยพระเจ้าอโศก เริ่มมี อักษรพราหมี ประมาณ พ.ศ. ๓๐๐
ต่อมาทางอินเดียใต้ มีอักษรปัลลวะ ประมาณ พ.ศ. ๕๐๐
ยุคหลังปัลลวะ ประมาณ พ.ศ. ๑๒๐๐-๑๓๐๐ ภาษาได้เข้ามาอุษาคเนย์ แยกเป็นสองสายหลัก
๑. สายมอญโบราณ แยกอีก ๒ สาย เป็น อักษรมอญ , อักษรพม่า ,อักษรไทหรือไต
อีกสายคือ อักษรธรรมล้านนา ประมาณ พ.ศ. ๑๘๐๐-๒๑๐๐ จะมีวิวัฒนาการ เป็นอักษรธรรมอีสาน , อักษร(ไท)ไตลื้อ
๒. สายขอมโบราณ แยกเป็น ๒ สาย คือ อักษรเขมรหรืออักษรเชรียง , อักษรมูลเขมร
อีกสาย คือสายพ่อขุนรามคำแหง มีวิวัฒนาการมาจากอักษรขอมโบราณ ประมาณ พ.ศ. ๑๘๒๖ หลังจากนั้นเริ่มเป็นอักษรไทย(สมัยพญาลิไท) พ.ศ. ๑๘๓๕
โดยในยุคนี้ อักษร แบ่งเป็น ๓ ชุดด้วยกัน คืออักษรไท(ย)น้อย , อักษรอยุธยา , อักษรฝักขาม
อักษรลาวเป็นอีกแขนงหนึ่ง จากอักษรไทยน้อย
***********************
สังเกตว่า ทั้งต้นสายของภาษาและอักษร ล้วนมีต้นทางมาจากอินเดีย (ส่วนใครมีทฤษฎีว่า ภูมิภาคนี้เจริญรุ่งเรืองมาก่อนอินเดีย มีภาษา อักษร ใช้เอง อินเดีย นำไปประยุกต์ทีหลัง นั่นก็อีกเรื่อง)
ยกตัวอย่าง คำ(ในหนัง) ว่า "ราชมารดา" มาจากคำว่า ราช + มารดา อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คำว่า มารดา รากศัพท์ คือ มาตุ(มาตา) แปลว่า แม่
คำว่า "มารดา" ถ้าเป็นภาษาไทยแท้ ทำไมต้องแปลอีกที... ? นั่นละครับคือคำตอบ เพราะ "ไม่ใช่ภาษาไทยแท้" เพียงแต่ "รูปอักษร" คือ อักษรไทย
**********************
ตำนานกษัตริย์ภรต (भरत) และพาหุพลี (बाहुबली) มีปรากฏทั้งในศาสนาฮินดูและศาสนาไชนะหรือเชน (जैन) เนื่องจากเป็นเรืองราวของตรีถังกรและนักบุญของศาสนาเชนอีกด้วย
बाहुबली , Baahubali สะกดตามอักษรฝรั่งเป็น บาฮูบาลี ออกเสียงแบบไทยๆ เป็น พาหุพลี ออกเสียงแบบแขกๆ เป็น บ่าฮู้บ่าลี้
พาหุ แปลว่า แขน และ พลี หมายถึง ผู้มีพละกำลัง
พาหุพลี = ผู้มีกำลังแขน(มหาศาล)
*********************
ตามตำนาน เล่า(แบบย่อๆ) ว่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีราชาองค์หนึ่งทรงพระนามว่า "ท้าวรุษภเทพ" (Lord Rushabhadev रुषभदेव ) เป็นตรีถังกร มีพระมเหสี ๒ องค์คือ พระนางสุมังคลา และพระนางสุนันทา
2
พระนางสุมังคลาทรงให้กำเนิดบุตรถึง ๑๐๐ องค์(พล็อตเรื่องคล้ายๆ ศึกมหาภารตะ) โดยมีเจ้าชายภรตเป็นพระโอรสคนโตและมีเจ้าหญิงพราหมี (ต้นกำเนิด อักษรพราหมี) เป็นพระธิดาองค์สุดท้อง
ส่วนมเหสีองค์รองคือ พระนางสุนันทาทรงให้กำเนิดบุตรเพียง ๒ องค์ คือ เจ้าชายพาหุพลี และเจ้าหญิงสุนทรี
หลังจากนั้นพระราชบิดาต้องการไปปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น จึงแบ่งเมืองให้ลูกๆแยกย้ายกันไปปกครอง โดยมอบแคว้นวินิตาหรืออโยธยาให้เจ้าชายภรต ส่วนแคว้นตักศิลาก็ทรงมอบให้เจ้าชายพาหุพลี
เจ้าชายภรตได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว อยากจะรวบรวมแผ่นดินเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงสะสมกำลังทหาร ได้สร้างสุดยอดศัสตราวุธคือ "จักรรัตนะ" (จักรแก้ว) ซึ่งเป็นยอดอาวุธสังหาร พี่น้องทั้ง ๙๘ ต่างยอมศิโรราบแต่โดยดี
เหลือเพียงท้าวพาหุพลีผู้เดียว ที่ยังคงยืนหยัดต่อสู้ด้วยคิดว่า เป็นอำนาจอันชอบธรรมที่ได้รับจากพระราชบิดาให้ปกครองบ้านเมือง
.
บรรดาเหล่าอำมาตย์ราชปุโรหิต ก็คิดออกว่า วิธีการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการนองเลือดครั้งนี้ก็คือ การให้กษัตริย์ทั้งสองพระองค์รบกันตัวต่อตัว หากผู้ใดชนะ ก็จะเป็นผู้พิชิตอีกฝ่าย
ท้าวภรต งัดเอาจักรรัตนะมาใช้หมายแต่ปรากฏว่า จักรรัตนะไม่อาจทำร้ายผู้ที่มีสายเลือดเดียวกันกับท้าวภรตได้
ท้าวพาหุพลีจึงบันดาลโทสะเพราะเหตุว่าพระเชษฐาละเมิดกฏการต่อสู้ แต่ในเวลา(ที่กำลังเงื้อหมัดจะต่อย)นั้นเอง ก็เกิดได้สติ ว่า "เรากำลังจะฆ่าพี่ชายร่วมสายเลือดเพียงเพราะการแย่งชิงอำนาจเท่านั้นหรือ ? พระราชบิดา จะทรงเสียพระทัยแค่ไหนที่โอรสของพระองค์จะมาฆ่ากันเอง"
เมื่อคิดได้เช่นนั้น สติก็กลับคืนมา ท้าวพาหุพลีทรงยั้งมือ ทรงเอาพระหัตถ์เสยพระเกศาของพระองค์เอง แบบที่พราหมณ์กระทำต่อศิษย์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าจะทรงยุติการก่อกรรมเวรทั้งหมดและขอไปใช้ชีวิตสันโดษเยี่ยงพระราชบิดา
ท้าวพาหุพลีจึงสละราชสมบัติและขอให้พระเชษฐาทั้ง ๙๘ พระองค์ ช่วยรับเป็นพระราชภาระในการปกครองบ้านเมือง
ฝ่ายท้าวภรตได้กลายเป็นจักรพรรดิ์ (ราชาเหนือราชา) ได้ครอบครองทุกแว่นแคว้นในชมพูทวีป ชื่อของพระองค์ได้รับการกล่าวขานเป็นชื่อประเทศว่า "ภารตวรรษ" (แผ่นดินของท้าวภรต)(อินเดีย เรียกว่า ภารตะ มาจากตำนานนี้) พระองค์เป็นจักรพรรดิ์พระองค์แรก
หลังจากท้าวพาหุพลีสละสมบัติทางโลกแล้ว เขาก็ไปบำเพ็ญเพียรอยู่บนเขาหลายปี(ตามหลักศาสนาเชน) จนเถาวัลย์ขึ้นพันกายก็ยังไม่บรรลุ
วันหนึ่งท้าวภรต พี่ชายก็มาหาเขาและทำความเคารพเขาด้วยความนอบน้อม ทำให้ความอัปยศที่ฝังใจอันเกิดจากท้าวภรตหมดสิ้นไป เขาจึงสามารถบรรลุไกวัลสำเร็จ
****************************
สันนิษฐานว่ารูปพระโคมเตศวรที่ถ้ำแห่งนี้เป็นต้นแบบของพาหุบาลี แห่ง Sarvana Belagola รัฐคาร์นะทากะ ซึ่งสร้างในปี พศ. ๑๕๗๑ ซึ่งมีความสูงกว่า ๖๐ ฟุต >>> https://www.youtube.com/watch?v=kp6OWINkvwU
โฆษณา