20 เม.ย. 2019 เวลา 01:15 • ประวัติศาสตร์
ตำนานรักขนมโมจิ - คุณตาซาโต้และคุณยายพันนาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
บทความนี้แต่งแต้มประโยคจาก "เค้าโครงเรื่องจริง" เมื่อ 75 ปีก่อนเพื่ออรรถรสแก่ผู้อ่าน
สวัสดียามเช้าค่ะทุกท่าน วันนี้ Red Diary มีเรื่องราวของตำนานรักขนมโมจิ มาฝากทุกท่าน ๆ พักเรื่องหนัก ๆ มาเสพสาระดี ๆ เบา ๆ กันมั่งเนอะ ฆ่าแกงกันมาหลายเรื่องแล้ว 😂😂
เรดเชื่อว่า หลาย ๆ ท่านในนี้ คงเคยทานขนมโมจิกันนะคะ พูดถึงขนมโมจิ บางท่านอาจจะบอกว่า ต้องนครสวรรค์สิของดัง ของดี แต่จะมีสักกี่ท่านคะ ที่ทราบประวัติของขนมโมจิที่เราทานกันอยู่ เอาเป็นว่า...เรดขอนำพาทุกท่านไปรู้จักต้นตอและที่มาของขนมโมจิ ให้ลึกซึ้งกว่าเดิมแล้วกันนะคะ 😊👍
เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ในสมัยนั้นกองทัพของญี่ปุ่นมาตั้งฐานทัพที่จังหวัดนครนายก (พื้นที่แถว รร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า) ซึ่งชาวบ้านท้องถิ่นในอำเภอใกล้เคียงนั้น ต่างก็พากันมาขายสินค้ากันถ้วนหน้า
หนึ่งในนั้นก็เป็นสาวน้อยบ้านนา วัย 18 ปี
เธอชื่อ "พันนา แสงอร่าม" เธอเป็นสาวนครนายก หน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารัก และเป็นแม่ค้าอีกคนเช่นกัน เธอขายขนมพื้นบ้าน อาทิเช่น ซาลาเปาทอด ไข่หงษ์ กล้วยทอดให้กับทหารญี่ปุ่น จนสาวน้อยพันนาได้รู้จักและสนิทสนมกับแพทย์ทหารญี่ปุ่นนามว่า "ซาโต้"
ทั้งสองต่างเหมือนตกอยู่วังวนของความรัก หมอซาโต้และสาวพันนาต่างมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน หากแต่ว่า..การคบหาดูใจระหว่างหมอซาโต้และสาวพันนาต้องดำเนินต่อไปอย่างเงียบ ๆ
2
และต้องรักษาระยะห่างกันไว้ตลอดเวลา เพราะช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2
ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีนัก ที่หญิงไทยจะคบหากับทหารญี่ปุ่น ไม่เป็นที่ยอมรับที่ต้องให้ทหารญี่ปุ่นมาเป็นเครือญาติสักเท่าไหร่ ทั้งคู่จึงคบกันอย่างเงียบ ๆ
4
หมอซาโต้ และ สาวพันนา
แต่ช่วงระยะเวลาแห่งความรักของเขาและเธอช่าง..แสนสั้น เพราะไม่นานนักหมอซาโต้ต้องโยกย้ายไปปฏิบัติราชการที่อื่น แต่ก่อนที่จำใจจากกัน เขาได้สอนทำขนมโมจิให้กับสาวน้อยพันนา เสมือนว่า . . เป็นตัวแทนอันความรักแสนพิเศษที่เขาตั้งใจมอบให้แก่เธอ
ขนมโมจิ หรือ ที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า วากาชิ (Wagashi) เป็นขนมที่ถูกทำขึ้นในวาระพิเศษ งานมงคลสำคัญ เช่น งานแต่งงาน หรือ พิธีชงชา ชาวญี่ปุ่นมักจะไม่ค่อยรับประทานขนมหวานกันสักเท่าไร หากแต่ ขนมโมจิ หรือ วากาชิ เป็นขนมหวานที่ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบมาก จึงเป็นขนมที่ผูกพันกับชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานกว่า 1,300 ปี
Cr.จันทร์สุวรรณโมจิ
เป็นการบอกความนัยของหมอซาโต้ที่ต้องการสื่อสารไปให้หญิงคนรัก ซึ่งตอนนั้นเขาได้บอกกับเธอว่า "ขนมหวานนี้ เป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่นและเป็นตัวแทนความรู้สึกของผม หากแม้วันใดที่ผมไม่อยู่ และพันนายังระลึกถึงผม ได้โปรด..ทำขนมหวานนี้ หากผมยังไม่ตาย ผมจะกลับมาหาคุณ"
หมอซาโต้ก็ได้สอนสาวพันนาทำขนมโมจิ ซึ่งลักษณะของขนมโมจิที่ทหารญี่ปุ่นสอนเธอนั้นเป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว มีใส้เป็นถั่วแดงกวน นำมาห่อกันแล้วนำไปต้มจนสุก หลังจากนั้นนำมาคลุกด้วยแป้งเพื่อป้องกันไม่ให้ขนมติดกัน รสชาติจะออกหวานนำนิดหน่อย
หมอซาโต้หยิบขนมที่สาวพันนาทำเสร็จแล้วขึ้นมาพอดีคำใส่ปาก เพื่อชิมรสชาติ เขาหลับตาแล้วค่อยกัดอย่างช้า ๆ
ทหารหนุ่มยิ้ม แล้วหันมาบอกกับหญิงสาวว่า "คุณรู้มั้ย คุณเป็นผู้หญิงที่ทำขนมโมจิได้อร่อยที่สุดในโลก คุณจำไว้นะ !! หากวันใดที่คุณคิดถึงผม ขอให้คุณทำขนมโมจิ ถ้าวันนั้น ซาโต้ คนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ผมจะกลับมาหาคุณอีกครั้ง "
อีกทั้งยังแนะนำกับสาวพันนา ว่า ให้ทำขนมโมจิขายเพื่อที่จะได้มีรายได้ หาเลี้ยงตัวเองต่อไป เพราะยังมีทหารญี่ปุ่นที่คิดถึงบ้านและอยากกินขนมญี่ปุ่นอย่างขนมโมจิ เสร็จสิ้นการสอนทำขนมโมจิ และได้ร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย
2
Cr.Assavarak Channel
หมอซาโต้ได้หันหลังเดินจากไป พร้อมฝากคำมั่น ไว้กับพันนา ว่า ชายที่ชื่อซาโต้คนนี้ รักคุณมากเพียงใด หากแต่ภาระหน้าที่ของชายชาติทหาร ย่อมจะต้องมาก่อนเสียงเรียกร้องภายในใจตนเองเสมอ
สาวพันนามองเห็นรอยยิ้มของหมอซาโต้ และ สายตาของหมอซาโต้ ที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา มันเป็นน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นมาจากชายชาติทหารที่แม้จะบาดเจ็บจากการรบ แต่เขาไม่เคยเสียน้ำตาแม้แต่ครั้งเดียว แต่การพลัดพรากจากลาคนรัก ทหารหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดกับความรัก ราวกับกำลัง . . . ตายทั้งเป็น
ซาโต้จากไป โดยที่สาวพันนายังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยบอกความในใจไปแม้แต่คำเดียว ทั้งนี้ เพราะ เธอรักษาขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมของไทยที่เธอยึดมั่นมาโดยตลอด ซึ่งเป็นเหมือนกับกรงขังที่มองไม่เห็น ได้จองจำเธอในฐานะหญิงไทยเอาไว้ ไม่ให้เธอสามารถแสดงกิริยาใด ๆ ทั้งการกระทำ และความรู้สึกของหญิงสาวคนนึงออกมาได้
Cr.Assavarak Channel
และนั่นก็คงไม่ต่างจากหมอซาโต้ ที่เขาต้องยึดมั่น กับหน้าที่เพื่อประเทศชาติ นำหน้าความรักและความปรารถนาส่วนตัวเช่นเดียวกัน หลังจากที่ซาโต้เดินจากไปจนลับสายตา คลื่นน้ำตาของสาวพันนาก็ไหลทะลักพรั่งพรูออกมา
เธอรีบเอามือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปากตัวเอง เพื่อกลบความเจ็บปวดและบาดแผลที่กำลังเปร่งเสียงร้องอยู่ภายในใจ เธอต้องเก็บอาการไว้เพราะกิริยาเช่นนี้ หากผู้ใดพบเห็น มันช่างเป็นเรื่องที่อับอายมาก เพราะเธออาจจะโดนชาวบ้านเหยียดหยาม ติฉิน นินทาได้
ความเจ็บปวดนี้ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ว่าสาวพันนาเธอเจ็บปวดมากแค่ไหน สาวพันนาต้องเข้มแข็ง แม้ว่าตอนนี้ ชายคนรักของเธอจะจากไปแล้วก็ตาม ในแต่ละวัน เธอยังคงทำอาชีพหาบขนมไปขายทหารญี่ปุ่นเหมือนเช่นเคย แต่ที่ดูแตกต่างออกไปจากเดิม คือ หนึ่งในขนมที่เธอทำมาขายแก่ทหารญี่ปุ่นนั้น มีขนมโมจิอยู่ด้วย
อย่างน้อยการทำขนมโมจิ ก็ได้คลายความโศกเศร้าในยามที่เธอคิดถึงหนุ่มคนรักได้อยู่บ้าง เวลาต่อมา ประเทศญี่ปุ่นได้พ่ายแพ้สงครามโลกในครั้งที่ 2 สงครามจึงได้ยุติลง ทำให้ทหารชาวญี่ปุ่นต้องเดินทางกลับสู่ประเทศของตนเอง
สาวพันนายังคงหวังว่า หลังสิ้นสุดสงครามเธอจะได้พบทหารหนุ่มคนรักของเธอ อย่างไรก็ตาม การรอคอยอยู่เช้าค่ำของสาวพันนานั้น ก็ยังคง ไร้ วี่ แวว . .
แม้ว่า สงครามจะยุติลงแล้ว และทหารญี่ปุ่นก็กลับประเทศไปแล้ว แต่สาวพันนาก็ยังคงเลี้ยงชีพด้วยการขายขนมโมจิให้กับผู้คนในจังหวัดนครนายกอยู่เช่นเดียว
จนวันหนึ่ง กลุ่มทหารไทยได้มาแจ้งกับเธอว่า "ต่อไปนี้่ ขนมโมจิที่เธอทำขายอยู่ ถือว่าเป็นของต้องห้าม ทั้งห้ามกิน ห้ามทำ และ ห้ามขาย" เพราะเป็นขนมของพวกญี่ปุ่น และถือว่า เป็นขนมกบฏนั่นเอง
คำสั่งจากทางการ ถือว่าเป็นคำสั่งเด็ดขาด ที่ทำร้ายความรู้สึกของสาวพันนาไม่ใช่น้อย แต่เธอก็จนใจที่จะฝ่าฝืนคำสั่ง อย่างไรนั้น แม้เธอจะไม่ได้ทำขนมโมจิขายแล้ว
Pix Cr.BiRdY-CH
แต่เมื่อใดที่เธอคิดถึงหมอซาโต้ เธอจะแอบลักลอบทำขนมโมจิญี่ปุ่น เพื่อบรรเทาความคิดถึง และเมื่อใดที่เธอทำขนมโมจิ เธอจะสวดมนต์ภาวนาว่า "ขอให้หมอซาโต้ ได้กลับมากินขนมโมจิที่เธอทำเองกับมืออีกสักครั้ง"
แต่วันแล้ว วันเล่า จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี 2 ปี 3 ปี จนผ่านยาวนานไปนับ 10 ปี หมอซาโต้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้กลับมาชิมขนมโมจิฝีมือสาวพันนาอีกเลย อีกทั้งยังไม่มีข่าวคราวจากเขาด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่า เขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เขายังมีชีวิตอยู่ไหม ? หรือเขาลาลับจากโลกนี้ไปแล้ว สาวพันนาคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ด้วยความห่วงหาชายหนุ่มผู้อันเป็นที่รัก
สาวพันนารู้ซึ้งแล้วว่า สิ่งที่เจ็บปวดกว่าการจำใจจากลาหมอซาโต้เมื่อหลายปีก่อนนั้น คือ การที่เธอต้องพยายามลบเลือนเขาให้ออกไปจากชีวิตนั่นเอง ซึ่งมันช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นสำหรับเธอ แม้ว่าเรื่องนี้จะถูกลบเลือนไปจากความทรงจำคนอื่น ๆ ไปแล้วก็ตาม แต่นั่น ไม่ใช่สำหรับสาวพันนา
เพราะบ่อยครั้ง ที่เธอยังคงทำขนมโมจิที่เป็นสื่อสายใยรักของเธอกับหมอซาโต้
จวบจนประทั่ง
ในปี พ.ศ.2547 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงทราบถึงประวัติขนมโมจิ และโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชบริพารคนสนิทไปสืบหาขนมโมจิต้นตำรับสูตรนางพันนา มาให้เสวย บรรดาทหารก็นำขนมโมจิจากที่ต่าง ๆ มาถวาย แต่ก็ไม่ถูกพระทัย ทรงกล่าวว่า "นี่ ยังไม่ใช่ขนมโมจิสูตรที่ตามหาอยู่"
ต่อมาอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครนายก ได้ประชาสัมพันธ์และสืบหาขนมต้นตำรับสาวพันนานี้ และได้ทราบจาก "นายมานพ ศรีอร่าม" ข้าราชการพัฒนาชุมชน ว่า ผู้ที่ทำขนมโมจิดังกล่าวคือ มารดาของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มีอายุมากแล้ว แต่ก็ยังความจำดี สามารถเล่าเรื่องราวในครั้งอดีต และสามารถทำขนมโมจิถวายได้อยู่
Pix Cr.Assavarak Channel
นางพันนาก็เต็มใจและยินดีอย่างยิ่งที่ได้ทำขนมโมจิด้วยตัวเองอีกครั้ง อีกทั้งยังเป็นการทำขนมโมจิถวาย นางจึงปลื้มปิติเป็นล้นพ้น สมกับการรอคอยที่จะได้ทำขนมโมจิเพื่อระลึกถึงนายแพทย์ทหารซาโต้ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด สาวบ้านนาพันนาก็ยังไม่เคยลืมเลือน . .
2
นางพันนารอคอยวันนี้มานานแสนนาน
วันที่จะได้นำเอาขนมโมจิสูตรรักถูกนำมาเผยแพร่ เหมือนกับการนำมาบอกกล่าวกับหมอซาโต้ ว่า ถึงวันนี้ก็ยังคงมีสาวบ้านนาคนหนึ่ง ที่เฝ้ารอคอย ว่า
เธอจะได้พบเจอกับเขาอยู่เสมอ และสิ่งที่น่าปลาบปลื้มใจมากที่สุด คือ หากเปรียบชีวิตคุณยายพันนาเป็นดั่งต้นไม้ ต้นไม้ต้นนี้ ก็คงขาดน้ำจนไม้ใบทยอยกันร่วงหล่น และรอวันล้มครืน สมเด็จพระเทพฯ ท่านเปรียบเสมือนน้ำชโลมใจ ที่ช่วยให้ต้นไม้ซึ่งกำลังแห้งเหี่ยว กลับมามีชีวิต ชีวา ได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ก็ยังช่วยให้คุณยายพันนา หลุดพ้นไปจากปมทุกข์ในอดีตที่เคยรัดตรึงหัวใจเอาไว้ ยาวนานหลายสิบปี
Pix Cr.Assavarak Channel
ปัจจุบันนางพันนาได้เสียชีวิตลงแล้ว และได้รับพระราชทานเพลิงศพ จาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร เป็นการส่งท้าย และขนมโมจิก็ได้ถูกดัดแปลงปรับปรุงให้มีความหลากหลายมากขึ้น มีทั้งไส้ต่าง ๆ กลิ่น สีและรสให้เลือกมากมาย ที่ถึงแม้จะไม่ใช่สูตรต้นตำรับจริง ๆ จากญี่ปุ่น แต่ก็มีความคล้ายคลึงและอร่อยไม่แพ้กันค่ะ
Pix Cr.Assavarak Channel
เป็นความรักที่แฝงไปด้วยเศร้ามากเลยนะคะ สำหรับเรื่องราวตำนานขนมรักโมจินี้ เรดคิดว่าป่านนี้ คุณตาซาโต้กับคุณยายพันนา คงได้พบเจอกันบนสวรรค์แล้วล่ะ ขอให้วิญญาณของทั้งสองไม่พรากจากกัน แล้วได้ครองรักกันตลอดไปนะคะ 😊 ❤
ซากุระ หล่นร่วง ดังใจข้า
ถวิลหา รักพี่ อยู่แห่งไหน
ทิ้งใจน้อง ระทม แสนขมใจ
ลืมหรือไร สาวบ้านนา น้ำตาริน
อยู่กันไกล ใช่ขวาง เส้นทางรัก
อุปสรรค ดักกั้น นั้นพ้นผ่าน
งดงาม ความทรงจำ ฝากตำนาน
ขนมหวาน วานวัน พันผูกใจ
หากท่านใดชื่นชอบ กดไลค์ กดแชร์ และกด Follow ให้กับเราด้วยนะคะ เรายินดีจะนำบทความดี ๆ ที่น่าสนใจมานำเสนอแก่ทุกๆท่านค่า ขอบคุณค่ะ ❤ 😁
Cr.kapook , BiRdY-CH , Assavarak Channel
เรียบเรียง : Red Diary ❤
โฆษณา