22 เม.ย. 2019 เวลา 06:09
@ ข้าวเปล่าถ้วยนึง
.
ค่ำวันหนึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ท่าทางเหมือนนักศึกษา กำลังลังเลอยู่หน้าร้านบุฟเฟต์แห่งหนึ่ง...
เมื่อลูกค้าส่วนมากออกจากร้านแล้ว
เขาจึงเดินเข้าร้านมาด้วยอาการเขินอาย
“ขอข้าวเปล่าถ้วยนึง ขอบคุณครับ ”
เด็กหนุ่มก้มหน้าพูด
เจ้าของร้านบุฟเฟต์เพิ่งเปิดใหม่
เป็นเถ้าแก่หนุ่มสาวคู่หนึ่ง
เห็นเด็กหนุ่มไม่เอากับข้าว
ก็รู้สึกสะท้อนใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
เขารีบตักข้าวพูนถ้วยส่งให้
กับเด็กหนุ่มคนนั้น
เด็กหนุ่มจ่ายเงินพร้อมกับ
พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
“ผมขอน้ำแกงราดบนข้าวสักหน่อยได้ไหมครับ?”
.
“ตามสบายเลยค่ะ ไม่คิดตังค์”
.
เถ้าแก่เนี้ยพูด
เขากินไปได้ครึ่งถ้วย ก็สั่งอีกถ้วยหนึ่ง
“ไม่อิ่มใช่ไหม?
ถ้วยนี้เดี๋ยวผมตักให้คุณมากหน่อย”
เถ้าแก่พูดด้วยความเอาใจใส่
.
“ไม่ใช่ครับ ผมเอาใส่กล่อง พรุ่งนี้จะเอาไปกินที่มหาลัยนะครับ”
.
เมื่อเถ้าแก่ได้ยิน ก็เดาออกว่า เด็กหนุ่มคนนี้ คงมาจากต่างจังหวัดในเขตภาคใต้เป็นแน่ ฐานะที่บ้านคงไม่สู้จะดีนัก
เขาคงมาเรียนที่ไทเปคนเดียว
และคงจะทำงานและก็เรียนไปด้วย
ดูก็รู้ว่า เด็กคนนี้คงจะลำบากอยู่ไม่น้อย
เขาจึงตักโร่วจ้าว (เนื้อเคี่ยวซอสสำหรับราดบนข้าว) ใส่ไว้ที่ใต้กล่องข้าว
จากนั้นก็เอาไข่ตุ๋นชาใส่ไปหนึ่งฟอง
จากนั้นจึงตักข้าวอัดไปเต็มกล่อง
มองดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในกล่องข้าว นอกเสียจากข้าวเปล่า
.
เมื่อภรรยาของเขาเห็นดังนั้น
ก็เข้าใจใน สิ่งที่สามีกำลังทำว่า
ต้องการช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนี้
แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม ไม่ราดโร่วจ้าวไว้บนข้าว จะใส่ไว้ใต้ข้าวทำไม?
.
เถ้าแก่กระซิบบอกภรรยาว่า
“เด็กผู้ชายรักศักดิ์ศรี
หากเขาเห็นว่าบนข้าวมีโร่วจ้าว
เขาอาจคิดว่าเราทำทานแก่เขา
หากเป็นอย่างนี้ คราวหน้า เขาจะไม่กล้ามาอีก
.
ถ้าเขาไปกินร้านอื่นก็ได้กินแต่ข้าวเปล่า แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปเรียนหนังสือ !”
“คุณเป็นคนดีจริงๆ จะช่วยเขายังกลัวเขาอายอีก”
1
“หากผมไม่ดี คุณจะแต่งงานกับผมเหรอ! ”
เถ้าแก่หนุ่มหยอกเย้าผู้เป็นภรรยา
.
“ขอบคุณครับ ผมอิ่มแล้ว แล้วเจอกันใหม่ครับ”
เด็กหนุ่มพูดจบก็หยิบข้าวกล่อง
แล้วเดินออกจากร้านไป
เมื่อเด็กหนุ่มถือข้าวกล่องที่ดูหนักกว่าข้าวเปล่า ออกจากร้านไป ก็หันมายิ้ม
ให้เจ้าของร้านทั้งสอง
1
“สู้ๆนะ พรุ่งนี้พบกันใหม่”
.
เถ้าแก่พูดและโบกมือให้กับเด็กหนุ่มคนนั้น. ในคำพูดประโยคนั้นของเขาแฝงด้วยคำเชิญ ให้เด็กหนุ่มมากินข้าวที่นี่ใหม่ในวันพรุ่งนี้
.
เด็กหนุ่มน้ำตาคลอ ไม่กล้าหันไปมองเจ้าของร้าน กลัวว่าน้ำตาจะร่วงให้เขาทั้งสองเห็น
.
จากนั้นเป็นต้นมา นอกจากว่าเป็นช่วงปิดเทอม
พลบค่ำของทุกวันเด็กหนุ่ม ก็จะมากินข้าวที่ร้าน เขาสั่งข้าวเปล่าหนึ่งถ้วยและข้าวเปล่าหนึ่งกล่องเอากลับบ้าน และใต้กล่องข้าว ก็จะมีอาหารที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน จนเด็กหนุ่มเรียนจบปริญญาตรี
.
ผ่านมา 20 ปีแล้ว ...
ที่ร้านบุฟเฟต์แห่งนี้ไม่ได้ต้อนรับลูกค้าคนพิเศษคนนี้อีกเลย
อยู่ๆทางการก็ส่งจดหมายมาบอกว่า
จะทำการเวนคืนที่ และร้านของเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น
สองสามีภรรยาอายุใกล้จะ 50 ปี
เมื่อรู้ข่าวนี้ต่างก็กลัดกลุ้มใจ
ชีวิตต่อไปข้างหน้าจะทำอย่างไร เงินทองที่จะได้จากทางการก็ไม่เพียงพอกับการจัดซื้อบ้านที่มีทำเลดีอย่างนี้ได้อีก
แล้วลูกๆที่กำลังเรียนอยู่ จะหาค่าเทอมมาจากไหน? ต่างก็กอดกันร้องไห้ ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตอย่างไรดี
.
เช้าวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งแต่งกายภูมิฐานเข้ามาหาสองสามีภรรยา
“สวัสดีครับคุณทั้งสอง ผมเป็นรองผู้จัดการบริษัท...
ผู้จัดการใหญ่ของเรา
ต้องการให้คุณเข้าไปทำร้านอาหารบุฟเฟต์ในบริษัทของเรา ที่กำลังจะทำการเปิดใหม่ในเร็วๆนี้
เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ค่าวัสดุในการทำอาหาร ทางเราจะเป็นผู้รับผิดชอบ ขอเพียงคุณจัดหากุ๊ก ปรุงอาหารและบริหารงาน ก็พอ ส่วนกำไรแบ่งครึ่งกับบริษัทของเรา”
ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเป็นใครกัน?
ทำไมเขาถึงดีกับเราอย่างนี้?
เราไม่เคยรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมเลยสักคนเดียว?
สองสามีภรรยาต่างทำหน้างงๆ
.
“คุณทั้งสองเป็นผู้มีพระคุณของผู้จัดการใหญ่ของเรา ท่านบอกว่าท่านชอบกินไข่ตุ๋นชาและโร่วจ้าวของร้านคุณมาก
รายละเอียดผมทราบเพียงแค่นี้
นอกเหนือจากนี้คุณคงจะทราบได้เองเมื่อได้เจอกับผู้จัดการใหญ่ของเรา”
.
เมื่อเดินทางไปถึงบริษัท
สองสามีภรรยาจึงรู้ว่าผู้จัดการใหญ่ของบริษัทนี้ก็คือเด็กหนุ่มที่มากินข้าวเปล่า
ยามพลบค่ำทุกวันนั่นเอง
หลังจากจบมหาวิทยาลัย เขาก็มุมานะสร้างเนื้อสร้างตัว จนสามารถเปิดบริษัทแห่งนี้ได้
.
เขาสำนึกบุญคุณ ข้าวเปล่าที่สองสามีภรรยา ให้เขากินตลอดเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัย หากไม่มีสองสามีภรรยาช่วยเหลือเขา ในตอนนั้น เขาคงลำบากและไม่สามารถเรียนจนจบได้
.
เรื่องราวก่อนเก่าแต่หนหลัง
ถูกรื้อฟื้นขึ้นในวงสนทนาเคล้าเสียงหัวเราะและน้ำตา
เมื่อถึงเวลาที่สองสามีภรรยาจะลากลับ
ชายหนุ่มยืนขึ้นโค้งคำนับ พร้อมกับพูดว่า
1
“สู้ๆนะครับ ต่อไปนี้บริษัทของเราต้องพึ่งพาคุณแล้วนะ พรุ่งนี้พบกันใหม่”
ความรักที่ให้ออกไป ความรักก็จะย้อนกลับคืนมา
ความสุขที่ให้ออกไป ความสุขก็จะย้อนกลับคืนมา
คิดเผื่อคนอื่น ย่อมจะต้องมีคนคิดถึงคุณ
.
นี่คือเหตุและผล ...
นี่คือกฏเกณฑ์ ...
.
ที่มา นุสนธิ์บุคส์
โฆษณา