22 เม.ย. 2019 เวลา 09:55 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วันนี้จะขอมาเล่าถึง การพ่ายแพ้ให้กับเกาหลีของสินค้าญี่ปุ่น ในมุมของนักวิจัยค่ะ
https://www.zerohedge.com/
หลังจากได้มาเรียนกับโปรเฟสเซอร์ของญี่ปุ่นเกือบ 20 ท่าน ทำให้ได้รู้อย่างหนึ่งว่า
นักวิจัยญี่ปุ่น ให้ความสำคัญกับการ optimization และ product design มากๆๆ ซึ่งถ้าเราสังเกตดีๆ จะพบว่าสินค้าญี่ปุ่นที่ spec ต่ำกว่าสามารถใช้งานได้ดีกว่า สินค้าแบรนด์อื่นอยู่บ่อยครั้ง (ซึ่งเป็นความจริง ไม่ใช่สาวกอวย) และการ design product มักจะถูกออกแบบมาอย่างรอบด้าน ว่าลูกค้าจะเอาไปใช้อย่างไร จะมีอะไรเกิดขึ้นกับสินค้าของเค้าได้บ้าง และจะป้องกันอย่างไร อีกทั้ง Technology ใหม่ๆมักถูกทดสอบจนกว่าจะมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด และไม่มีอันตรายต่อ end-user ถึงจะยอมปล่อยออกสู่ตลาด
ยกตัวอย่าง เช่น
- CPU ของ เครื่อง playstations 2-3 นั้นเรียกได้ว่ามี processing power ต่อ energy consumption และ ต่อ heat rate สูงที่สุดในยุคนั้นๆ เลยทีเดียว
- หรืออย่างรถไฟ maglev ที่วิ่งได้จริงตั้งแต่ 1970 แล้ว แต่ปัจจุบันยังทดสอบกันอยู่เลย (เห็นบอกว่าจะใช้งานจริงช่วงปี 2027 นู่น)
ซึ่งด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้สินค้าของญี่ปุ่นออกสู่ตลาดค่อนข้างช้า และถึงการ optimization ระดับเทพ จะทำให้ลดต้นทุน hardware ได้ แต่ต้นทุนด้าน researh ก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
การตีตลาดของเกาหลีนั้น เริ่มจากสินค้าเลียนแบบในราคาต่ำกว่า เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้งบวิจัยมากนัก
หลังจากนั้น เกาหลีก็ก้าวข้ามญี่ปุ่นด้วยการออกสินค้า ออก technology ใหม่ๆ ที่รวดเร็วกว่ามาก ด้วยทางเกาหลีจะลดเวลาและงบวิจัยเกี่ยวกับการ optimization ด้วยการเพิ่ม spec ของ hardware เข้าไปเลย ส่วน product design ถ้าใช้งานได้ดีคือพอ ขอออกมาขายก่อนเพื่อน
หลายครั้งเราจะเห็นสินค้าเกาหลี เช่น
-โทรศัพท์ samsung galaxy s รุ่นแรกๆ ใช้ cpu ที่เร็วที่สุดในตลาดตอนนั้นๆ แต่ความเร็วในการใช้งานจริงนั้นกลับช้ากว่า xperia หรือ iphone ที่ spec cpu/ram ต่ำกว่าพอสมควร
- หรือการเกิด product bug อย่าง note 4 ที่เสียบปากกาผิดด้านแล้วพัง
- หรืออย่าง LED TV รุ่นแรกๆ ของ Samsung และ LG ที่มี spec และการตอบสนองดีกว่าทุกด้าน กลับเกิด ghost มากกว่า sony และ toshiba ที่มี spec ต่ำกว่าซะอย่างงั้น
ที่กล่าวมาเกิดจากการให้ความสำคัญด้าน optimization และ product design ล้วนๆ
แต่พอมามองตลาดในความเป็นจริงแล้ว
ลูกค้ามักมองสินค้าที่ใช้ technology ที่ใหม่กว่า และ spec สูงกว่าเป็นหลักเสมอ (ใครจะมานั่งดูการ optimize ล่ะ) ไม่แปลกที่ยอดขายฝั่งเกาหลีจะแซงฝั่งญี่ปุ่นไปได้ง่ายๆ
อีกทั้งการที่ ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตชิ้นส่วนไปที่ต่างประเทศ การ QC ก็ไม่ได้ดีแบบตอนผลิตเอง ทำให้คุณภาพและความทนทานของสินค้าที่ออกสู่ตลาดจริงๆ ไม่ได้ดีกว่ายี่ห้ออื่นเท่าไหร่นัก (บาง lot แย่กว่าก็บ่อย) แถมตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ บริการหลังการขายก็ไม่ค่อยดีอีก
แค่เหตุผลทางฝั่ง technical ล้วนๆ ก็เพียงพอต่อการล่มสลายของอารยธรรมอิเล็กทรอนิกส์ ของญี่ปุ่นแล้ว ยังไม่รวมต้นเหตุทางด้าน marketing, business, politic และ history อีกมากมาย
จึงไม่แปลกเลย ที่หลังๆมานี้จะเห็นตลาด electrical appliances ของญี่ปุ่นซบเซามาก
มาถึงปัจจุบัน หลังจากหลายๆ บริษัทย้ายฐานการผลิตไปที่จีน เนื่องจากต้นทุนที่ถูกกว่า จีนก็ได้เก็บสะสม know how จนสามารถออกสินค้ามาแข่งในตลาดได้แทบจะทุกอย่างแล้ว ด้วยข้อได้เปรียบที่กำลังซื้อในประเทศตัวเองเยอะ ต้นทุนต่ำ
อีกไม่นาน สินค้าเกาหลี ก็คงจะถึงขาลง ตามๆ ญี่ปุ่นไปเหมือนกันค่ะ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบค่ะ
มีความเห็นอะไรเพิ่มเติม ติชม ได้เลยนะคะ
เขียนในมุม tech geek ล้วนๆ ความรู้ด้านอื่นไม่ค่อยแน่นค่ะ
โฆษณา