28 เม.ย. 2019 เวลา 05:51 • การศึกษา
โลกของ Aquaman กำลังจมขยะพลาสติก
ขยะพลาสติกท่วมโลก
ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 19 วัสดุทุกอย่างที่มนุษย์ใช้ล้วนมาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นแก้ว ไม้ กระดาษ หรือโลหะ จนกระทั่งเมื่อ “พลาสติก” ถือกำเนิดขึ้นจากการกลั่นน้ำมันดิบและการแยกก๊าซธรรมชาติประกอบกับการทำปฏิกิริยาทางเคมีจนได้ “พอลิเมอร์” ที่ภายในประกอบด้วยห่วงโซ่โมเลกุลยาวๆ จากการเชื่อมต่อของมอนอเมอร์ ซึ่งเป็นห่วงโซ่ที่แข็งแกร่ง เบา และทนทาน ต่อมาวัสดุมหัศจรรย์ที่เราใช้จนขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันนี้ถูกผลิตขึ้นอย่างล้นหลามเป็นทวีคูณในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อันเนื่องมาจากการขาดแคลนวัสดุธรรมชาติ นำไปสู่ยุคสมัยใหม่แห่งการมีวัสดุให้ใช้กันเหลือเฟือ
พลาสติกปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมเพราะความเบาแต่ทนทานของมัน ทั้งยังเอื้อต่อการสร้างอุปกรณ์ทางการแพทย์ใหม่ๆ ไปจนถึงอุปกรณ์ที่ช่วยให้การเดินทางท่องอวกาศประสบความสำเร็จ พลาสติกเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนเมื่ออาหารที่บรรจุใส่ถุงพกพาได้ง่ายกว่าเดิม ทั้งหีบห่อพลาสติกยังช่วยยืดอายุในการเก็บรักษา หมวกนิรภัยจากพลาสติกช่วยชีวิตใครหลายคนเมื่อยานยนต์ประสบอุบัติเหตุ และยังช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตด้วยการเป็นบรรจุภัณฑ์น้ำดื่มให้แก่ผู้คนในพื้นที่ห่างไกล อันที่จริงมีคุณประโยชน์มากมายมหาศาลที่พลาสติกช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และนักวิทยาศาสตร์มากมายก็กำลังพยายามพัฒนาพลาสติกนานาประเภท เพื่อให้พวกมันทำหน้าที่ให้ดีที่สุด การผลิตพลาสติกเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเสียจนครึ่งหนึ่งของจำนวนพลาสติกที่เคยมีมาในโลกถูกผลิตขึ้นในช่วง 15 ปีมานี้เท่านั้น
มหาสมุทรคือบ่อขยะพลาสติกที่ใหญ่ที่สุดในโลก และในจำนวนทั้งหมด 80% ของขยะพลาสติกที่ล่องลอยในทะเลถูกทิ้งลงมาจากแผ่นดิน เมื่อแม่น้ำลำคลองพัดพาเอาขยะพลาสติกออกสู่ทะเล ทุกวันนี้ในแต่ละปีผู้คนทั่วโลกทิ้งขยะพลาสติกลงมหาสมุทรเฉลี่ย 8 ล้านตัน นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าวัสดุสังเคราะห์เหล่านี้ต้องใช้เวลาย่อยสลายทางชีวภาพนานเท่าไหร่ จึงจะกลับไปเป็นโมเลกุลของสารประกอบตามเดิม การคาดการณ์ในปัจจุบันมีตั้งแต่ใช้เวลา 450 ปี ไปจนถึงนิรันดร์ นั่นหมายความว่าหากไม่ถูกนำมารีไซเคิล ขยะพลาสติกชิ้นแรกที่ถูกผลิตขึ้นเมื่อราว 130 ปีก่อน ยังคงอยู่ในปัจจุบัน และจะยังคงอยู่ต่อไปจนถึงช่วงเวลาที่คุณหมดลมหายใจ และหลานของคุณมีหลานเป็นของตนเอง
Aquaman เล่าเรื่องราวการผจญภัยของอาเธอร์ เคอร์รี่ ลูกครึ่งมนุษย์และชาวแอตแลนติส ผู้เข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามใต้น้ำอย่างไม่ตั้งใจ ทั้งยังต้องตามหาตรีศูลอันเป็นอาวุธทรงพลังอำนาจในตำนาน เพื่อใช้หยุดยั้งคิงออร์ม ราชาแห่งอาณาจักรแอตแลนติสที่ต้องการทำลายล้างมนุษย์ ดูเผินๆ เป้าหมายและการกระทำของคิงออร์มช่างไม่ต่างจากตัวร้ายทั่วไปในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ทว่าความโกรธเกรี้ยวของวายร้ายผู้นี้ที่มีต่อมนุษยชาติคือหนทางเดียวที่จะปกป้องอาณาจักรของเขาให้รอดพ้นจากขยะและมลพิษที่กำลังคุกคามความเป็นอยู่ของชาวแอตแลนติส
“ในแต่ละปีมีขยะพลาสติกถูกทิ้งลงทะเลมากถึง 8 ล้านตัน ปริมาณดังกล่าวเทียบเท่ากับการทิ้งขยะเต็มหนึ่งคันรถลงมหาสมุทรทุกๆ หนึ่งนาที”
อันที่จริงปัญหาจากขยะพลาสติกไม่ใช่เพิ่งปรากฏในช่วงสิบปีมานี้ แต่เริ่มส่อแววมาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 เมื่อนักวิทยาศาสตร์พบเศษขยะพลาสติกในกระเพาะอาหารของนกทะเลที่ตายแล้ว และต่อมาก็ขยายลุกลามพบในกระเพาะและลำไส้ของแพลงก์ตอน โลมา ไปจนถึงสัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดอย่างวาฬ ทว่าความน่ากลัวของขยะพลาสติกไม่ได้หยุดอยู่แค่ระยะเวลาอันยาวนานกว่าจะย่อยสลายตามธรรมชาติ หากบนเส้นทางนั้นกว่าจะถึงช่วงเวลาสุดท้าย พลาสติกได้แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยคลื่นลมและแสงอาทิตย์ บางชิ้นมีขนาดเล็กเสียจนยากที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ไมโครพลาสติก” คือชื่อเรียกของเศษพลาสติกชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร และทุกวันนี้สามารถพบได้ตั้งแต่ก้นมหาสมุทร ไปถึงน้ำแข็งที่ลอยอยู่ในขั้วโลกเหนือ เรื่องราวของไมโครพลาสติกเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นนักวิทยาศาสตร์สงสัยว่าเหตุใดพวกเขาจึงไม่พบขยะพลาสติกในทะเลเพิ่มขึ้น เมื่อปริมาณการผลิตพลาสติกเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬารจาก 2.1 ล้านตันในปี 1950 เป็น 147 ล้านตันในปี 1993 ข้อมูลจากรายงานวิจัยในปี 2004 โดยริชาร์ด ทอมป์สัน นักนิเวศวิทยาทางทะเลเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่าแท้จริงแล้วขยะพลาสติกไม่ได้หายไปไหน หากแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยปริมาณมหาศาลเกินกว่าที่จะคำนวณได้ มากแค่ไหน? ในการศึกษาแอมฟิพอดชนิดหนึ่งที่พบทั่วไปตามชายฝั่งของยุโรปพบว่า พวกมันกิดกินขยะถุงพลาสติก โดยถุงพลาสติก 1 ใบสามารถถูกแทะกินจนกลายเป็นเศษพลาสติกได้มากถึง 1.75 ล้านชิ้น
เศษเล็กจิ๋วของขยะพลาสติกเหล่านี้ก่อปัญหามากกว่าขนาดตัวมันหลายเท่า เพราะไมโครพลาสติกกำลังเดินทางไปทั่วโลกและปนเปื้อนไปทุกหนแห่ง ไม่ใช่แค่ในกระเพาะอาหารของสัตว์ทะเลที่เผลอกลืนกินขยะ ทว่ารายงานข่าวล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งกรุงเวียนนา ร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อมของออสเตรียพบไมโครพลาสติกเฉลี่ย 20 อนุภาคในอุจจาระทุกๆ 10 กรัมของผู้ที่เข้าร่วมงานวิจัย และหากคุณกำลังคิดว่าถ้าหลีกเลี่ยงการทานอาหารทะเลก็จะรอดพ้น อันที่จริงในเดือนเดียวกันมหาวิทยาลัยอินซอนในเกาหลีใต้เผยว่า แม้แต่ในเกลือทะเล เกลือทะเลสาบ และเกลือหินก็พบไมโครพลาสติกปนเปื้อนเช่นกัน ตอกย้ำว่าปัญหาขยะพลาสติกกำลังเป็นวิกฤตที่รุนแรงไม่น้อยไปกว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทั้งยังไม่สามารถหนีพ้นได้
การปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในอาหารที่ชัดเจน ทว่ากระบวนการผลิตพลาสติกที่ต้องใช้สารเคมีหลายชนิดสร้างความกังวลต่อนักวิทยาศาสตร์ไม่น้อย และในการทดลองกับสัตว์ในห้องปฏิบัติการเผยให้เห็นว่าสารเคมีจากไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนในร่างกายเข้าไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมน ส่วนในมนุษย์ยังคงต้องหาคำตอบกันต่อไป ข่าวดีก็คือส่วนใหญ่แล้วขยะพลาสติกจิ๋วเหล่านี้สะสมในกระเพาะอาหารและลำไส้ของสัตว์ทะเล ไม่ใช่ในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อที่ผู้คนกินกัน ทว่าไม่จำเป็นต้องรอให้งานวิจัยมาบอกว่าพลาสติกกำลังทำลายสุขภาพเราอย่างไร ที่ผ่านมาผลกระทบจากขยะพลาสติกปรากฏชัดเจนในทุกระบบ และมากพอแล้วที่เราต้องร่วมมือกันทำอะไรสักอย่าง
โฆษณา