1 พ.ค. 2019 เวลา 07:41 • ธุรกิจ
[China Geek พาเล่าเรื่อง มองเมืองจีน]
“เซินเจิ้น...เมืองที่รวยที่สุดในจีน”
 
เมื่อพูดถึงเซินเจิ้น เรานึกถึงอะไร?
ของก๊อปเกรดเอ งานมิลเลอร์ แบรนด์เนมปลอมราคาถูก
ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่คนไทยหลายคนเห็นตรงกันเมื่อในอดีต
ถึงเวลาลบภาพความทรงจำเดิม แล้วมองเซินเจิ้น ณ ปัจจุบัน
เพียงเวลาไม่กี่ปี เซินเจิ้นเปลี่ยนตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ
จากเมืองแห่งการก๊อปปี้ กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตของโลก
กลายเป็นเมืองแห่งการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมมากมาย
เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทชั้นนำของจีนที่มีชื่อเสียงระดับโลก
เช่น Huawei, Tencent, ZTE, DJI และ BYD
จากเดิม นักศึกษาจีนจบใหม่มักจะมองหางานในสองเมืองใหญ่อย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้
แต่ปัจจุบัน เมืองอันดับหนึ่งในใจคนรุ่นใหม่กลับกลายเป็นเซินเจิ้น
เพราะแรงงานกลุ่มนี้มองว่าเงินเดือนนั้นอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับสองเมืองใหญ่
ในขณะที่ค่าครองชีพถูกกว่าหลายเท่า โอกาสในการสร้างฐานะย่อมมีมากกว่า
ตัวเลข GDP ได้แสดงถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจ
GDP ของเซินเจิ้นในปี 2018 สูงถึง 2.4 ล้านล้านหยวน แซงหน้าฮ่องกงเป็นที่เรียบร้อย
แต่การไปหาโอกาสให้ชีวิต บางทีก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด
ปัจจุบัน เซินเจิ้นมีประชากรอาศัยอยู่กว่า 12 ล้านคน
โดยคนรุ่นใหม่ยังหลั่งไหลเข้าไปทำงานมากขึ้นต่อเนื่อง
ความต้องการด้านที่พักจึงเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้นตามอย่างรวดเร็ว
จากการสำรวจ 35 เมืองทั่วโลก โดยบริษัทอสังหาฯ CBRE พบว่า
เซินเจิ้นเป็นเมืองที่ราคาอสังหาฯ สูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก
ราคาบ้านโดยเฉลี่ยนั้นอยู่ที่ $680,283 หรือ ราวๆ 21.7 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯซึ่งราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.4 ล้านบาท
ราคาบ้านที่เซินเจิ้นจึงสูงกว่าราคาบ้านในกรุงเทพฯ ถึง 6.4 เท่า
 
เรียกได้ว่า หากไม่รวยจริง หรือรายได้ไม่สูงพอ ก็แทบจะไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้พยายามควบคุมราคาบ้าน และให้ใช้ระบบจับสลากเพื่อให้ได้สิทธิในการซื้อบ้าน เพื่อแก้ปัญหาจำนวนบ้านใหม่ไม่เพียงพอกับความต้องการ
ถึงแม้ราคาบ้านจะแพงจนปวดใจ แต่ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว
เซินเจิ้นจึงยังเป็นเมืองที่น่าสนใจสำหรับแรงงานรุ่นใหม่ของจีน
จากเมืองแห่งการก๊อปปี้ในวันนั้น
สู่เมืองที่เติบโต พัฒนา จนเป็นเมืองที่รวยที่สุดของจีนในวันนี้
เบื้องหลังความสำเร็จนั้นมาจากทั้งยุทธศาสตร์และการสนับสนุนของภาครัฐบาล
ผสานกับความร่วมมือจากผู้ประกอบการในภาคเอกชนที่มีความสามารถสูงขึ้น
กลายเป็นพลังขับเคลื่อนให้เซินเจิ้นก้าวขึ้นมาเป็นเมืองที่มีความสำคัญระดับโลกในปัจจุบัน
โฆษณา