2 พ.ค. 2019 เวลา 02:54 • ประวัติศาสตร์
12 พระอัครมเหสีแห่งราชวงศ์จักรี 9 รัชกาล
ตอนที่2 🙏🙏🙏
7.สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ในรัชกาลที่ ๕
พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี ใน ร.๔ กับเจ้าจอมมารดาสำลี พระองค์ทรงเป็นเจ้านายชั้นลูกหลวง พระองค์ที่สองที่ได้ถวายตัวเป็นพระมเหสี ใน ร.๕ เมื่อมีพระชนมายุได้ประมาณ ๑๕ พรรษา ภายหลังพระองค์เจ้าสุขุมาลฯ มีพระประสูติกาลพระโอรสถึง ๒ พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ก็ทรงได้รับการเลื่อนพระยศเป็น “พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี” และทรงดำรงฐานันดรศักดิ์นี้จนสิ้นรัชกาล
ถึงแม้ว่าพระมเหสีชั้นลูกหลวงอีกสามพระองค์ จะได้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระอัครมเหสีหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปก็ตาม แต่พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีพระราชเทวี กลับมิเคยได้ดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระอัครมเหสีเลยจนตลอด ร.๕ เพิ่งจะได้โปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าฯ พระอัครราชเทวี ใน ร.๗ จากนั้นจึงถือว่าทรงดำรงพระยศพระอัครมเหสีพระองค์หนึ่งใน ร.๕ ด้วย พระฐานะอยู่ในลำดับกลาง ๆ เสมอมา ซึ่งอาจเพราะเหตุนี้ ถึงกับได้มีพระดำรัสว่า “แม่นี้เป็นมนุษย์ที่อาภัพ” (จากพระราชหัตถเลขาพระราชทานสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต)
8.สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในรัชกาลที่ ๕
พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนา พระราชธิดาใน ร.๔ กับเจ้าจอมมารดาเปี่ยม เป็นพระเจ้าน้องนางเธอในสมัย ร.๕ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา เมื่อทรงเจริญพระชันษาขึ้น พระองค์ก็มีพระสิริโฉมงดงาม จนมีคำกล่าวว่า “หน้าตาคมสันองค์สว่าง พูดจากระจัดกระจ่างองค์สุนันทา” พระองค์ทรงเข้ารับราชการเป็นพระภรรยาเจ้าในรัชกาลที่ ๕ ขณะที่มีพระชนม์ ๑๖ พรรษา โดยมีพระองค์เจ้าหญิง พระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ ๔ ที่รับราชการเป็นพระภรรยาเจ้าในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับพระองค์ ได้แก่ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี และพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี
ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา ขึ้นเป็นสมเด็จพระอัครมเหสีพระองค์ต่อไป มีพระนามาภิไธยเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี” เนื่องด้วยทรงเป็นพระราชชนนีของ “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร” ซึ่งเป็นสยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกของไทย ภายหลังการสวรรคตของเจ้าฟ้าวชิรุณหิศ จำต้องสถาปนาพระโอรสในพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ขึ้นเป็น สยามมกุฎราชกุมารแทน เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลฯ (ร.๘) พระวรวงศ์เธอ เสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงเฉลิมพระนามพระศรีสวรินทิราขึ้นเป็น “สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า”
9.สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในรัชกาลที่ ๕
พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาเปี่ยม อีกหนึ่งพระองค์ พระนามเดิมว่า “พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี” โดยรับราชการสนองพระเดชพระคุณเป็นพระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในขณะมีพระเจ้าลูกเธอใน ร.๔ เข้ารับราชการเป็นภรรยาเจ้าในระยะเวลาใกล้เคียงกันถึง ๔ พระองค์ นั่นก็คือ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์, พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี, พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา และพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี พระภรรยาเจ้าทั้ง ๔ พระองค์มีพระเกียรติยศเสมอกันทุกพระองค์ พระเกียรติยศที่จะเพิ่มพูนนั้นขึ้นอยู่กับการมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเป็นสำคัญ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรปนั้น พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น “สมเด็จพระบรมราชินีนาถ” ทำให้พระองค์ทรงเป็นปฐมบรมราชินีนาถของประเทศไทย มีตำแหน่งเป็น “สมเด็จพระอัครมเหสี” แม้จะทรงดำรงตำแหน่งสูงสุดในขณะนั้น แต่พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี ทรงให้เกียรติพระเชษฐภคินีโดยมิเคยเสด็จพระราชดำเนินนำหน้า และทรงหมอบถวายบังคมพระองค์เจ้าสว่างวัฒนา เมื่อเสด็จออกท่ามกลางพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน ด้วยความเคารพเสมอ
10.สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา ในรัชกาลที่ ๖
นายพันโทหญิง สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา มีพระนามเดิมว่า ประไพ สุจริตกุล พระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ธิดาของเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม สุจริตกุล) กับท่านผู้หญิงสุธรรมมนตรี (กิมไล้ สุจริตกุล) เมื่อได้ทรงอภิเษกสมรสก็ได้รับการสถาปนาให้มีตำแหน่งเป็นพระมเหสีองค์หนึ่งมีพระนามว่า “พระวรราชชายาเธอ พระอินทรศักดิศจี” และเมื่อทรงตั้งครรภ์ทำให้ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี” ตำแหน่งสมเด็จพระอัครมเหสี เป็นพระอิสริยยศสูงสุด
เนื่องจากพระองค์ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวตลอดไม่ได้หยุด ทำให้ทรงตกพระโลหิตขณะตั้งครรภ์ถึง ๒ ครั้ง เป็นเหตุให้พระนางเจ้าอินทรศักดิศจี ถูกลดพระอิสริยยศลงเหลือเพียง “สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา” เพื่อให้พระสนมที่กำลังตั้งครรภ์องค์ต่อมาคือ “พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี” สามารถสถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็นพระอัครมเหสี แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า พระนางเจ้าสุวัทนา ให้กำเนิดพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียว และหลังจากประสูติพระธิดาได้เพียง ๑ วัน ร.๖ ก็ทรงเสด็จสวรรคต
11.สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗
พระอัครมเหสีเพียงพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมเหสีพระองค์แรกตามแบบยุโรปและระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย มีพระนามเดิมว่า “หม่อมเจ้ารำไพพรรณี สวัสดิวัตน์” ชาววังเรียกขานพระนามพระองค์ว่า “ท่านหญิงนา” พระองค์ทรงเป็นสตรีที่มีพระสิริโฉมงดงาม พระจริยวัตรอันนุ่มนวล มีพระพักตร์แจ่มใส และแย้มพระสรวลอยู่เสมอ แลดูเอิบอิ่มเต็มไปด้วยพระกรุณา กล่าวกันว่าพระองค์เป็นสตรีชาวไทยที่ทรงพระสิริโฉมสามารถเลือกฉลองพระองค์ยุโรปมาสวมใส่ได้อย่างเหมาะสม
ภายหลังการเสด็จขึ้นครองราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ก็ปฏิบัติพระราชกรณียกิจเคียงข้างกับพระราชสวามีเรื่อยมา ทั้งพระราชกิจภายในพระนคร การเสด็จพระราชดำเนินไปยังหัวเมืองต่างๆ รวมถึงการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศต่างๆ ทั้งในแถบเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี หลังจากพระราชสวามีสละราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗ พระองค์ประทับอยู่ประเทศอังกฤษจวบจนพระราชสวามีเสด็จสวรรคต และเสด็จนิวัติกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลในขณะนั้น
12.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙
จอมพลหญิง จอมพลเรือหญิง จอมพลอากาศหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระนามเดิมว่า “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร” พระธิดาพระองค์ใหญ่ของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร และหม่อมหลวงบัว กิติยากร ประสูติเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๕ เมื่อหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์มีอายุราว ๒ ปี ขณะที่พี่เลี้ยงอุ้มอยู่นั้นก็มีแขกเลี้ยงวัวเข้ามาทำนายทายทัก ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะมีบุญวาสนาได้เป็นราชินีในอนาคต แม้จะเป็นเรื่องขบขันของราชสกุลกิติยากร แต่ไม่มีใครคาดถึงว่าในอีก ๑๕ ปีต่อมาคำทำนายของแขกเลี้ยงวัวผู้นั้นจะเป็นความจริง ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกก็ได้สถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ขึ้นเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี”
เนื่องจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขณะที่พระราชสวามีเสด็จออกผนวช พระองค์จึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๙ ถือเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถพระองค์ที่สองของกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อจาก สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ ใน ร.๕ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจในการส่งเสริมคุณภาพชีวิต อาชีพ และความเป็นอยู่ของบุคคลผู้ยากไร้ และประชาชนในชนบทห่างไกล ได้โดยเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทั่วทุกหนแห่งในแผ่นดินไทยนี้
ข้อมูลจาก : วิกิพีเดีย / คลังประวัติศาสตร์
โฆษณา