7 พ.ค. 2019 เวลา 02:21 • ประวัติศาสตร์
นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) นักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่โลกลืม ตอนที่ 8
โอกาสทองของอัจฉริยะ
ในปีค.ศ.1882 (พ.ศ.2425) เอดิสันได้ทำให้ไฟฟ้าเริ่มแพร่หลายในแมนฮัตตัน แต่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักไฟฟ้า คนส่วนใหญ่ยังใช้ตะเกียงในการให้แสงสว่าง
ไฟฟ้ากระแสตรงไม่สามารถส่งพลังงานในระยะไกลได้เป็นเวลานาน ดังนั้นระบบไฟฟ้ากระแสตรงของเอดิสันจึงต้องใช้โรงไฟฟ้าหลายโรงเพื่อผลิตไฟฟ้า
แต่ว่าไฟฟ้ากระแสสลับของนิโคลาสามารถส่งไฟฟ้าให้ผู้คนนับพันด้วยโรงไฟฟ้าเพียงแห่งเดียว
ต่อจากตอนที่แล้ว เวสติงเฮาส์ คู่แข่งของเอดิสันนั้นสนใจในการบรรยายของนิโคลามาก
ภายหลังนิโคลาบรรยายจบ เขาได้ขอพบเพื่อพูดคุยกับนิโคลา
เวสติงเฮาส์บอกกับนิโคลาว่าเขาสนใจจะซื้อสิทธิบัตรไฟฟ้ากระแสสลับของนิโคลา โดยเวสติงเฮาส์เสนอเงินค่าสิทธิบัตรให้ถึง 60,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน) นอกจากนั้นยังเสนอให้เงินส่วนแบ่งแก่นิโคลา หากมีการใช้เทคโนโลยีนี้ในระบบใหม่
4
นี่เป็นข้อเสนอที่สุดยอดมาก นิโคลาใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน ก่อนหน้าวันเกิดครบ 32 ปีของเขาเพียงไม่กี่วัน นิโคลาได้ตอบตกลงขายสิทธิบัตรให้แก่เวสติงเฮาส์
นิโคลากลายเป็นคนรวยเพียงชั่วข้ามคืน
ในเมื่อตอนนี้นิโคลามีเงินแล้ว เขาก็ได้ส่งเงินไปให้แม่และพี่น้องของเขา รวมถึงจ่ายเงินให้แก่บุคคลที่ได้ช่วยเขาตั้งบริษัทเทสลาอีกด้วย
นิโคลาได้อาศัยอยู่ในเพนซิลวาเนียเพื่อช่วยบริษัทของเวสติงเฮาส์ในการทำให้เทคโนโลยีของเขาใช้ได้จริง แต่ในปีค.ศ.1889 (พ.ศ.2432) นิโคลาก็ได้เดินทางกลับนิวยอร์กเพื่อเปิดห้องแลบใหม่ของตนเองและย้ายไปพักอาศัยในโรงแรมหรูกลางเมืองนิวยอร์ก
นิโคลาได้เชิญเซเลบคนดังรวมถึงนักวิทยาศาสตร์หลายคนเข้าชมการสาธิตของเขา
นิโคลาจะถือหลอดไฟอยู่ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างจะถือลวดซึ่งมีไฟฟ้ากระแสสลับไหลวนอยู่
ไฟฟ้าจะไหลไปตามลวดเข้าไปในหลอดไฟทำให้หลอดไฟสว่าง
เหล่าแขกที่เข้าชมต่างชื่นชอบการสาธิตของนิโคลาอย่างมาก
นิโคลาได้คิดสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ มากมาย 1 ในนั้นคือขดลวดเทสลา
ขดลวดเทสลา
ขดลวดเทสลาจะใช้แรงดันไฟฟ้ากระแสสลับที่มีแรงดันต่ำและเปลี่ยนให้กลายเป็นไฟฟ้าแรงดันสูง จากนั้นก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาในรูปของประกายไฟซึ่งดูคล้ายกับฟ้าผ่า ประกายไฟนั้นจะสร้างสนามไฟฟ้าไปทั่วบริเวณนั้น
1
นิโคลาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงสังคม แต่เขาก็เป็นคนที่แปลกคนหนึ่ง
เขานอนเพียงวันละ 2 ชั่วโมง และในตอนเย็น เขาจะฝึกงอนิ้วเท้า โดยเขากล่าวว่าการงอนิ้วเท้าทำให้สมองแล่น นอกจากนั้นเขายังหลีกเลี่ยงชา กาแฟ รวมถึงบุหรี่
1
เขาจะทานข้าวเย็นในเวลาสองทุ่มสิบนาที ไม่ขาดไม่เกิน และหลังทานอาหารเสร็จ เขาจะทำความสะอาดจานชามด้วยผ้าสะอาด
ภายหลังจากแก่ตัว นิโคลากินเพียงแค่นม น้ำผึ้ง ขนมปัง และดื่มเพียงน้ำผัก
นอกจากนั้น นิโคลายังเป็นคนที่กลัวไข่มุกมาก และเขายังรังเกียจการแตะเส้นผมของคนอื่น รวมถึงยังกลัวเชื้อโรคมากถึงขนาดที่ว่าเขาจะหลีกเลี่ยงการจับมือ (เชคแฮนด์) กับใครก็ตาม
ในเวลานี้นิโคลา ชีวิตกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่จะเป็นอย่างไรต่อไป จะมีความท้าทายอะไรเกิดขึ้นอีกบ้าง ผมจะเล่าต่อตอนหน้านะครับ
โฆษณา