10 พ.ค. 2019 เวลา 00:23 • ประวัติศาสตร์
ความรักเกิดขึ้นที่สนามเทนนิส 🍃
วันนี้ขอเล่าเรื่องความรักของสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะและสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะนะคะ 😊
(สมเด็จพระจักรพรรดิองค์ก่อนของญี่ปุ่น)
สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ เข้าสู่พระราชวงศ์จากการอภิเสกสมรสกับเจ้าชายอากิฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น มิจิโกะจึงดำรงพระอิสริยยศเป็น มกุฎราชกุมารี ครั้นสมเด็จพระจักรพรรดิโชวะสวรรคต มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะจึงสืบราชสมบัติเป็นจักรพรรดิ และมกุฎราชกุมารีมิจิโกะจึงดำรงพระอิสริยยศเป็นจักรพรรดินี ตามลำดับ
สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ มีชื่อเดิมว่ามิจิโกะ โชดะ มีคุณพ่อเป็นประธานบริษัทนิชชิน ทางบ้านมีฐานะร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี
ครอบครัวจะเรียกพระองค์อย่างลำลองว่า "มิจิ" (ミチ) หรือ "มิจจิ" (ミッチ) และยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า "เทมเพิลจัง" (Temple-chan) เนื่องจากมีพระเกศาเป็นลอนและมีสีออกแดงต่างจากสตรีญี่ปุ่นทั่วไป ทั้งยังมีลักษณะเหมือนเชอร์ลีย์ เทมเพิล (Shirley Temple) นักแสดงเด็กชาวอเมริกัน
มิจิโกะ โชดะพบกับมกุฎราชกุมารอากิฮิโตะครั้งแรกในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2500 ที่สนามเทนนิสในเมืองคารูอิซาวะ วันนั้นทั้งสองพระองค์แข่งเทนนิสกัน มิจิโกะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ หากแต่เป็นการแพ้แค่ในสนามเท่านั้น เพราะเธอชนะใจมกุฎราชกุมารแล้ว
หลังจากนั้นมกุฎราชกุมารอากิโตะได้ส่งสารถึงคุณพ่อมิจิโกะเพื่อขอลูกสาว คุณพ่อมิจิโกะตอบไปเพียงสั้นๆว่า"ลูกสาวของหม่อมฉันไม่เหมาะสมกับท่าน"
แต่เจ้าชายอะกิฮิโตะก็ไม่ละความพยายาม ทั้งสองติดต่อกันทางจดหมายไม่เคยขาด จนวันหนึ่งพระองค์ทรงตรัสว่า “หากไม่ได้อยู่กับมิจิโกะ ชาตินี้ก็ตายตาไม่หลับ”
1
ในที่สุดจักรพรรดิโชได้ประกาศว่า "หากมกุฎราชกุมารต้องการ ต่อให้เป็นสาวชาวบ้านก็ยินดี " ทั้งสองครอบครัวใช้เวลาในการสานความสัมพันธ์กันเรื่อยมา จนในที่สุดก็ได้จัดงานอภิเสกสมรสกัน ในเดือนเมษายน ปี พ.ศ.2502 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ญี่ปุ่นที่สตรีสามัญได้อภิเษกกับราชวงศ์ญี่ปุ่น
ความรักของทั้งสองพระองค์นั้นได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในวงกว้าง ในปีนั้น มีการทำผลสำรวจจากประชาชน โดยมีคะแนนเสียงถึง 87% ที่เห็นด้วยกับการอภิเษกสมรสครั้งนี้ มิจิโกะเอาชนะใจชาวญี่ปุ่นได้อย่างไร้ข้อกังขา จนเกิดกระแส “มิจิ บูม” (Mitchi Boom) ที่ยกให้เธอเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นยุคใหม่และประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตามหลังงานอภิเษกสมรส ชีวิตการแต่งงานของมิจิโกะไม่ได้ความสุขอย่างที่คิด จากที่เธอเคยมีชีวิตสุขสบายทุกอย่าง ต้องถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ ระมัดระวังการพูดจา การวางตัว ถูกควบคุมทุกอย่าง รวมถึงได้รับความกดดันอย่างมากจากจักรพรรดินีนางาโกะที่ทรงต่อต้านเธอมาตลอด จนครั้งหนึ่งเจ้าหญิงมิจิโกะถึงกับประชวรเป็นโรคซึมเศร้าและพูดไม่ได้ไปพักหนึ่ง
1
และในที่สุดเจ้าหญิงมิจิโกะได้ให้กำเนิดเจ้าชายสององค์ คือ
เจ้าชายนารูฮิโตะ( สมเด็จพระจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน พ.ศ.2562)
เจ้าชายฟูมิฮิโตะ(รัชทายาทอันดับหนึ่งในปัจจุบัน พ.ศ.2562)
และเจ้าหญิงซายาโกะ(ปัจจุบันลาออกจากฐานันดร)
ถือเป็นการให้กำเนิดรัชทายาทให้กับราชวงศ์ญี่ปุ่น
1
เจ้าหญิงมิจิโกะทรงปฏิบัติพระองค์นอกกรอบจารีตของวังหลวง ที่เดิมต้องแยกพระราชบุตรแล้วให้ผู้อื่นเลี้ยงแทน และจ้างครูมาสอนพระราชบุตรในวัง
เจ้าหญิงมิจิโกะทรงเลือกที่จะเลี้ยงพระราชบุตรเองโดยไม่พึ่งข้าราชบริพาร โดยเลี้ยงด้วยน้ำนมตัวเองทุกพระองค์ รวมทั้งส่งพระราชบุตรเข้าศึกษาที่โรงเรียน ซึ่งแน่นอนสมเด็จพระจักรพรรดินีนางาโกะไม่พอพระทัย
เจ้าหญิงมิจิโกะและเจ้าชายอากิฮิโตะทรงเดินทางพบปะประชาชนใน 47 จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งยังให้สิทธิ์ประชาชนที่จะถ่ายรูปคู่กับพระองค์ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ ทำให้ทั้งสองเป็นที่นิยมของประชาชนอย่างมากมาโดยตลอด
งดงามมากทั้งสองพระองค์
นอกจากนี้ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะยังทรงเป็นมิตรที่ดี ต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์เสมอมา
1
เป็นยังไงบ้างคะความรักของทั้งสองพระองค์ ผ่านอุปสรรคมามากทีเดียว รูปที่ทั้งสองเคียงข้างกัน แม้กระทั่งในคนไทยก็ยังคุ้นตาเลยนะคะ ต้องบอกว่าเรียบเรียงไปชื่นชมไปด้วย มีแต่ภาพสวยๆทั้งนั้นค่ะ
โฆษณา