19 พ.ค. 2019 เวลา 22:59 • ปรัชญา
[Bill Gate ชัยชนะบนเกมความเสี่ยง]
ครั้งหนึ่ง Bill Gate เคยกล่าว่า “ธุรกิจเป็นเกมการเงินที่มีกฎน้อยข้อ แต่มีความเสี่ยงมหาศาล”
จากคำกล่าวข้างต้นนี้ ผู้อ่านคงไม่ต้องเดากันให้เสียเวลา ก็พอจะมองออกว่า พ่อมดแห่งบริษัท Microsoft ผู้นี้เป็นคนชอบความเสี่ยงมากขนาดไหน
ที่มา (https://www.vox.com)
สมัยที่ยังเป็นเด็ก เขามักหลงใหลได้ปลื้มกับการเล่นเกมกระดานความเสี่ยงเป็นที่สุด โดยกติกาของเกมนี้มีอยู่ว่า ผู้เล่นจะต้องนำกองทัพยาตราผ่านแผนที่โลกเพื่อโจมตีศัตรู
ในขณะเดียวกันก็เฝ้าระวังป้องกันอาณาเขตของตัวเองไปด้วย ความเสี่ยงจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เล่นว่าจะโจมตีจุดไหน
มากกว่าการอาศัยทักษะการวางกลยุทธ์ ด้วยเหตุนี้เอง Gate จึงมีนิสัยชอบลงทุนบนความเสี่ยงที่ให้ผลลัพธ์อย่างคุ่มค่า
จะว่าไปแล้ว Gate นั้นเกิดมาบนความโชคดีก็ว่าได้ ครอบครัวของเขานอกจากจะค่อนข้างมีฐานะดีแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการศึกษาของลูกเป็นอย่างมากอีกด้วย
เป็นต้นว่า พ่อแม่ได้บ่มเพาะให้เขาเด็กที่มีความอยากรู้อยากเห็น ช่างถาม รักการอ่าน และรู้จักเรียนรู้ด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก
พออายุได้ 13 ปี เขาก็ถูกส่งไปเรียนในโรงเรียนเอกชนชื่อ ที่จัดว่าดีที่สุดในเวลานั้น เพื่อให้เขาได้อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ เหตุนี้เอง Gate จึงสอบเข้าเรียน Harvard University ได้อยากไม่มีข้อสงสัย
ซึ่งสถานที่แห่งนี่เอง ที่เขากับ Paul Allen เพื่อนของเขา ที่ต่อมาได้กลายมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Microsoft และได้ร่วมกันฝึกเขียนโปรมแกรมชิ้นแรกด้วยภาษาเบสิก
ประสบการณ์ในครั้งนั้น ทำให้หนุ่มน้อย Bill Gate ผู้ชื่นการลองผิดลองถูก และชอบลงทุนบนความเสี่ยง จึงได้มากลายเป็นเซียนคอมพิวเตอร์ด้วยเหตุนี้
โดยเขาได้กล่าวถึงความประทับใจครั้งนั้น ผ่านผลงานหนังสือเรื่อง The Road Ahead ของเขาว่า “การเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เล่นคอมพิวเตอร์ตอนปลายทศวรรษ 1960 เป็นทางเลือกที่น่าทึ่งมากใน Seattle ช่วงนั้น และเป็นสิ่งที่ผมสำนึกในบุญคุณอยู่เสมอ”
นอกจากนี้ เขายังได้กล่าวด้วยความตื่นเต้นอีกว่า “คอมพิวเตอร์นี่วิเศษจริง ๆ เพราะเมื่อใดคุณเล่นกับมัน คุณก็จะได้รับผลตอบทันควัน ทำให้คุณรู้ว่าโปรแกรมของคุณทำงานได้หรือไม่
การตอบสนองของมันหาไม่ได้จากของเล่นชิ้นอื่น ๆ นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นความหลงใหลใน Software ของผม” สมญานาม “มนุษย์คอมพิวเตอร์” ที่เพื่อนในโรงเรียนชอบล้อเลียนเขา ก็คงได้มาด้วยประการฉะนี้
นอกจากชื่นชอบเกมความเสี่ยงแล้ว เขายังเป็นคนที่กระหายชัยชนะมาตั้งแต่เด็ก โดยที่ Mary Gate แม่ของเขา เล่าว่า ลูกชายของเธอนั้นมักจะ “กระหายชัยชนะในการเล่าไพ่กับน้องสาวรวมถึงการแข่งขันเพื่อตัดสินว่าใครจะต่อจิกซอว์เสร็จไวกว่ากัน
ใครจะเป็นผู้ชนะในการแข่งสกี การแข่งขันเรือใบ หรืออะไรก็ตาม Gate ต้องการทำทุกสิ่งให้ออกมาดี และดีพอ ๆ กับคนอื่น ๆ ที่เขาอยู่ด้วย”
ที่มา (www.betterworldinternational.org)
ซึ่ง George Ilian หนึ่งในผู้เขียนประวัติ ของเขาวิเคราะห์ว่า การเป็นคนชอบแข่งขันของ Bill Gate นั้นมีทั้งด้านบวกและด้านลบ
ด้านบวกก็คือการแข่งขันผลักดันให้เขาสร้างนวัตกรรมและประสบความสำเร็จ ส่วนด้านลบก็คือด้วยความที่เขายึดติดกับชัยชนะมากเกินไปในบางครั้งมันก็อาจจะกลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย
Gate และ Paul ร่วมกันก่อตั้งบริษัท Microsoft ขึ้นในปี ค.ศ. 1975 หลังจากนั้น พวกเขาก็ประสบความสำเร็จกับผลิตภัณฑ์แรกของบริษัท
นั่นก็คือ Altair BASIC ซึ่งภาษาโปรแกรมระดับสูงภาษาแรกใน Altair 8800 ไมโครคอมพิวเตอร์อันเป็นสัญลักษณ์ของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในยุคบุกเบิก
ไม่นาน Altair BASIC ก็ได้รับการบรรจุให้เป็นภาษาแรกในบรรดาภาษาโปรแกรมโดยมีชื่อใหม่ว่า Microsoft BASIC
ซึ่งกลายมาเป็นลักษณะทั่วไปของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในช่วงปลายทศวรรษ 1970 จนกระทั่งถึงต้นทศวรรษ 1980
แรกทีเดียวนั้น Bill Gate ไม่ได้กระโดดเข้าสู่วงการธุรกิจ โดยหันหลังให้กับการเรียนมหาวิทยาลัยทันทีอย่างที่หลายคนเข้าใจผิดกันมาโดยตลอด
ความเป็นจริงแล้ว เขาทำมันทีละนิด ดุ่มเดินไปทีละหน่อย จนกระทั่งบริษัทค่อย ๆ เริ่มมีชื่อเสียง และมั่นคง จึงปลงใจลาออกและเข้ามาทำมันอย่างเต็มตัว
ดังที่เขาเล่าว่า “ในฤดูใบไม้ผลิปี 1975 Paul จึงลาออกจากงานเขียนโปรแกรม และผมก็ตัดสินใจพักการเรียนที่ Harvard ผมนำเรื่องกลับไปปรึกษาพ่อแม่
ทั้งสองท่านรอบรู้เรื่องธุรกิจ ท่านรู้ว่าผมต้องการเปิดบริษัท Software มากเพียงใด และให้การสนับสนุนเต็มที่ ผมวางแผนไว้ในใจว่า ผมจะหยุดการพักเรียนไปสักระยะหนึ่ง เปิดบริษัท แล้วย้อนกลับไปศึกษาต่อจนจบ”
แม้ก่อนหน้านี้ ผมจะบอกว่า Gate เกิดมาโชคดีที่มีทุกอย่างเพียบพร้อม แต่ถึงกระนั้น ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเขาก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแต่อย่างใด
เมื่อมีคนพยายามถามเกี่ยวกับเคล็ดความสำเร็จของเขา Gate ได้ ตอบว่า “ความลับของการเปิดกิจการโดยเด็กหนุ่มสองคนด้วยเงินเพียงไม่กี่เหรียญ กลายมาเป็นบริษัทที่มีพนักงานถึง 17,000 คน และมียอดขายเกินกว่า 6 พันล้านเหรียญต่อปี
แน่นอน เรื่องนี้ตอบกันไม่ได้ง่าย ๆ โชคก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ผมคิดว่าปัจจัยสำคัญที่สุดน่าจะเป็นวิสัยทัศน์แรกเริ่มของเรา”
การเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกยุครุ่งเรืองของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และครอบครองความเป็นยักษ์ในวงการเป็นระยะเวลายาวนานนั้น
อาจเทียบชั้นได้กับการปฏิวัติการสื่อสารของ Johann Gutenberg ช่างทองชาวเยอรมัน ผู้ประดิษฐ์แท่นพิมพ์เครื่องแรกในยุโรปในปี ค.ศ. 1450
โดยในก่อนนั้น ทั่วทั้งทวีปยุโรปมีหนังสือที่เกิดจากการคัดลอกด้วยการมือของบาทหลวง ซึ่งกินเวลาได้นานหลายปีกว่าจะเสร็จหนึ่งเล่ม อยู่ราว 30,000 เท่านั้น
ส่วนใหญ่เป็นพระคัมภีร์ไบเบิล และคู่มืออรรถาธิบาย แต่เมื่อหลังจากนวัตกรรมการพิมพ์ถือกำเนิดขึ้น ภายในระยะเวลา 50 ปี หนังสือหลากหลายหมวดหมู่ก็ได้เพิ่มจำนวนขึ้นมากกว่า 9 ล้านเล่ม ซึ่งไม่ได้จำกัดแต่เฉพาะแค่พระคัมภีร์ไบเบิลอีกต่อไป
การปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่นี้ ส่งผลทำให้วัฒนธรรมการสื่อสาร การรับรู้ และความเชื่อทางศาสนาของโลกตะวันตกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายมหาศาลตราบถึงทุกวันนี้
สำนวนโบร่ำโบราณที่ว่า “คนรักเทาผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ” นั้นน่าจะเป็นความจริง เพราะแม้ว่า Bill Gate จะเป็นนักธุรกิจ และนักพัฒนา Software ผู้มีคนนิยมยกย่องจำนวนมาก
แต่เขาเองก็มิอาจหลีกเลี่ยงจากคนจำนวนมากที่ไม่ชอบขี้หน้าเขา ด้วยคำกล่าวหาที่ว่า เป็น “ปีศาจทางธุรกิจ” ใช้อำนาจผูกขาดอย่างไม่เป็นธรรม เพื่อกีดกันคู่แข่ง ทว่าเขากลับไม่เคยออกมาตอบโต้แต่ประการใด
ในปี ค.ศ. 2006 หลังจากที่ครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกติดต่อกัน 12 ปี Gate ก็ได้ประกาศลาออกจากงานประจำใน Microsoft โดยยังคงดำรงตำแหน่งประธานบริษัท
เพื่ออุทิศเวลาชีวิตที่เหลือทำงานด้านการกุศลผ่านมูลนิธิ Bill and Melinda Gate ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ได้ร่วมกับภรรยาก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2000
ที่มุ่งเน้นให้การสนับสนุนทุน เพื่อการบรรเทาความยากจน ความอดอยาก โรคภัยในประเทศกำลังพัฒนา และปรับปรุงระบบการศึกษาของสหรัฐฯ
ที่มา (https://www.voathai.com)
การลองผิดลองถูก และการชอบลงทุนกับความเสี่ยงของ Bill Gate นั้น เหมือนกับโปรแกรมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น 10 เท่า จะมีความซับซ้อนในการเขียนเพิ่มขึ้นถึง 100 เท่า
ยิ่งความฝันเรามีขนาดใหญ่มากเพียงใด หัวใจของนักฝันจะต้องมีขนาดใหญ่มากกว่านั้นหลายสิบเท่า ด้วยเช่นกัน
เรื่องราวชายผู้นี้ยิ่งใหญ่เพียงใด คงไม่ต้องพูดกันให้เสียเวลา แต่หากจะสรรหาถ้อยคำนิยามที่สั้นกระชับที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นสิ่งที่ George Ilian ได้กล่าวไว้ในผลงานหนังสือ Top 10 Visionaries That Changed the World
ของเขาว่า Bill Gate เป็น “ผู้ชายมีความคิดลึกซึ้งตั้งแต่วัยเยาว์ เป็นปรมาจารย์แห่งการคิดนอกกรอบ และเป็นบุคคลต้นแบบ ที่ควรเจริญรอยตาม”
แล้วคุณผู้อ่านละครับ! ไม่คิดเลยอยากจะลงทุนกับความเสี่ยงที่ให้ผลลัพธ์คุ้มค่าบ้างเลยหรือ?…
หมายเหตุ: มือใหม่หัดเขียน ผิดพลาดประการใด โปรดช่วยชี้แนะ ผมด้วยนะครับ!
อ้างอิง
- หนังสือ โลกเป็นของคนที่เห็นโลกก่อนใคร (Top 10 visionaries that changed the world) แปลโดย คุณพลกิตต์ เบศรภิญโญวงศ์
- หนังสือ เส้นทางสู่อนาคต (The Road Ahead) แปลโดย คุณนพดล เวชสวัสดิ์
โฆษณา