20 พ.ค. 2019 เวลา 12:44 • ปรัชญา
[บทเรียนจาก Homo Finishers EP.1]
ถึง พี่เอ๋-นิ้วกลม
เรื่องของวิ่งมันมีอยู่ว่า วันหนึ่ง ผมยืนอยู่ตรงข้ามกับกระจกบานใหญ่ ในห้างสรรพสินค้า แถว ๆ ย่านสะพานควาย
วันนั้นเอง ที่ผมได้พบชายหนุ่มร่างอวบอ้วนพุงโย้คนหนึ่ง ยืนขึงทะมึนประจันหน้ากับผม แวบแรก ด้วยอารามตกใจ
สัญชาตญาณระวังภัย จึงสั่งให้ผมถอยฉากเว้นระยะสักประมาณสามถึงสี่ช่วงตัว เพื่อออกมาตั้งหลัก พร้อมกับตั้งสติ
“ให้ตายเถอะ!” ผมร้องอุทานออกมาดัง ๆ พลางทำหน้าตาเลิ่กลั่ก จนคนที่เดินผ่านมาแถวนั้น เหลือบด้วยอารมณ์สงสัย
พวกเขาเหล่านั้น คงพลางนึกในใจว่า “ไอ้หมอนี่ท่าจะเพี้ยน หรือไม่ก็บ้ากินเป็นแน่” และเมื่อสติประกอบร่าง ความทรงจำของผม ก็กลับคืนมา
ครับ! ไอ้อ้วนทะมึน ในกระจกคนนั้น ก็คือ ผมเอง จากนั้นเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาในชีวิตของผม ก็เริ่มพรูพรั่งออกมาเหมือนเทน้ำทิ้ง
ต้องย้อนกลับไป เมื่อตอนเรียนอยู่ปี 4 เวลานั้นเป็นช่วงปิดเทอม เป็นช่วงที่ผมต้องทำงานวิจัยจบกับอาจารย์พอดี
จำได้ว่า ตอนนั้นนาฬิกาชีวิตเครื่องรวนอย่างหนักบางทีทำท่าออกไปทางใกล้จะเจ๊งกะบ๊งเสียด้วยซ้ำ ผมไม่มีเวลากิน เวลานอน หรือกระทั่งเวลาตื่นที่แน่ชัดตายตัวเลย
กล่าวคือ อยากกินตอนไหน ก็กิน (หลังเที่ยงคืนก็กินมาแล้วหลายหน) อยากนอนตอนไหน ก็นอน (ส่วนใหญ่จะนอนน้อย เพราะต้องปั่นงานส่งอาจารย์) และอยากตื่นตอนไหน ก็ตื่น (เสียด ๆ เที่ยงทุกวัน)
ด้วยความเป็นคนมุทะลุดุดันเหมือนกับ ‘มูซาชิ’ ตอนวัยหนุ่ม และชอบใช้ชีวิตสิ้นเปลืองเหมือนกับพระเอกในหนังเรื่อง ‘Begin Again’
ก่อนจะมาพบกับนางเอก (หนังที่มีเพลง Lost Star ของ Adam Levine ที่พี่ชอบเป็นเพลงประกอบไงจำได้ไหม)
ผมจึงทำแบบนี้ ติดต่อกันหลายเดือน จนเริ่มติดเป็นนิสัย และด้วยความมีนิสัยไม่ชอบออกกำลังกายเป็นทุนเดิม
ตอนนั้นยอมรับเลยว่าสภาพร่างกาย และจิตใจของผมย่ำแย่มาก พอเปิดเทอม แทนที่ผมจะปรับตัว (จริง ๆ พยายามปรับแล้วแต่ทุกครั้งมักจะล้มเหลวไม่เป็นท่า) ตั้งค่านาฬิกาชีวิตใหม่
โดยการจัดสรรเวลาในแต่ละวัน เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด กระทั่งถึงเวลาออกฝึกสอนตอนปี 5 ผมก็ยังทำอย่างที่คิดไม่ได้ ไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
จนเริ่มเกิดความเครียดสะสม และใช้ชีวิตอย่างไร้วินัย พอเครียดมาก ๆ สมองก็ปล่อยฮอร์โมน Cortisol ออกมาเยอะ ส่งผลเพิ่มความอยากอาหารทั้ง ๆ
บางครั้งท้องไม่หิว หรือโดยปกติกินข้าวหนึ่งจานก็อิ่มจนท้องจะปริแตก พอเครียดขึ้นมา จานเดียวเอาไม่อยู่ต้องสั่งเพิ่มอีกจาน
ครับ! เมื่อกินเข้าไปมาก ๆ แต่ออกกำลังกายน้อย ก็อ้วนลงพุงโย้ไปตามระเบียบอย่างที่เห็น นั่นแหละ เมื่อย้อนคิดถึงตอนนั้น ผมชักอดสนับสนุนความคิดของพี่ที่ว่า
“ความอ้วนของตัวมักเป็นภาพสะท้อนถึงชีวิตในช่วงที่ไม่สามารถควบคุมบัญชามันได้ เป็นช่วงชีวิตที่วิ่งไปตามจังหวะของคนอื่นหรือสิ่งอื่นควบคุมอยู่” ไม่ได้
จนคนรอบครั้งเริ่มทักว่า “เฮ้! นายไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้อ้วนขึ้นขนาดนี้ (เสียงสูง!)”
จากคนที่หนึ่งเริ่มมีคนที่สอง คนที่สาม คนที่สี่ตามมาเป็นโดมิโนล้มทับกัน จนผมชักเริ่มไม่คอยมั่นใจในตัวเอง
เวลาเดินเหินไปไหนมาไหนก็จะรู้สึกเก้ ๆ กัง ๆ วางท่าวางทางไม่เป็นปกติ แต่กระนั้น ในใจลึก ๆ แล้ว ผมยังก็คิดเข้าข้างตัวเองพร้อมกับคำปลอบใจว่า
“มันคงไม่เลวร้ายอย่างที่คิดหรอกคนเขาไม่เห็นเรานานก็ทักเล่น ๆ ไม่งั้นแหละ” ที่ไหนได้
ด้วยความบังเอิญของบังเอิญที่วันนั้นผมดันเผือกไปเดินเพ่นพ่านในห้างดังแถวย่านสะพายควาย เลยไปจ๊ะเอ๋! (เป็นคนละเอ๋กับเอ๋-นิ้วกลมนะ)
ความจริงเข้าให้ จึงลองไปชั่งน้ำหนักดูก็ปรากฏว่าจากที่ชั่งล่าสุดตอนปี 3 อยู่ที่ 65 กิโลกรัม บัดนี้พุงโด่งขึ้นไปเตะ 85 กิโลกรัม พระเจ้าช่วย! ผมมาไกลถึงขนาดนี้ได้ยังไง (เสียงสูง!)
ที่มา (https://shopee.co.th)
ครับ! ผมยอมศิโรราบ และจำนนต่อหลักฐาน ตอนนั้นถ้ามีคนรู้จักเดินมาทักว่า “เฮ้! นายไปทำอะไรมา
ทำไมถึงได้อ้วนขึ้นขนาดนี้ (เสียงสูง!)” ผมจะตอบกลับด้วยความเร็วแสงว่า “เออ…ผมอ้วนขึ้นจริง ๆ แหละ” แมนพอมั้ย!
กล่าวสำหรับหนังสือ Homo Finishers ของพี่เล่มนี้ ก่อนอื่นบอกตามตรงว่าพี่ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลย
ทุกครั้งที่ผมอ่านงานของพี่ผมมักจะได้ข้อคิดจ๊าบ ๆ และคำคมเท่ ๆ วิธีคิดแจ่ม ๆ ที่ย่อยง่ายของพี่ให้นำไปขบคิดอยู่ตลอดเวลา แน่นอน เคยมีเพื่อนหลายคนเตือนผมว่า
“อ่านงานของนิ้วกลมเยอะ ๆ เดี๋ยวแมร่งมึง ก็กลายเป็นพวกสุขนิยมเหมือนมันเข้าให้หรอก!” ได้ยินเช่นนี้ทุกครั้ง ผมมักจะตอบกลับไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองว่า
“พวกไม่ใช่ติงนิ้วกลมจะรู้อะไรฟะ ก่อนจะพูดให้เขา มึงลองไปแหกตาไล่อ่านงานเก่า ๆ ของเขาดู นิ้วกลมน่ะ เขาใช้การเขียนเป็นพื้นที่แห่งการเติบโตทางความคิด
ไม่เห็นหรอกเหรอ งานช่วงหลัง ๆ ของเขาเน้นการใคร่ครวญชีวิต และจิตใจจะตาย เป็นบันทึกประสบการณ์ชีวิตที่ออกจะลึก และทรงพลังด้วยซ้ำไป”
(ต้องขออภัยในความกักขฬะ มันเป็นปกติของระดับภาษา ที่ใช้ในกลุ่มเพื่อนสนิท
โปรดอย่าได้ถือโทษโกรธเคือง มิตรสหายผู้ไม่รู้ความของผมเลยนะครับพี่เอ๋-นิ้วกลม ผมรู้ว่าพี่เข้าใจเรื่องพรรค์นี้ดีกว่าใคร ๆ)
มีต่อ...
โฆษณา