21 พ.ค. 2019 เวลา 02:27 • บันเทิง
ฮกหลง ฮองซู ในเรื่องสามก๊กไม่ใช่"ขงเบ้ง"
หากใครเคยอ่านหรือดูเรื่อง "สามก๊ก" คงจะได้ยินคำว่า "ฮกหลง ฮองซู" อย่างแน่นอน แต่มักจะมีคนเข้าใจผิดบ่อยๆว่าคำว่า "ฮกหลง ฮองซู" คือ "อาจารย์ ขงเบ้ง"
2
แต่แท้จริงแล้ว "ฮกหลง ฮองซู" แยกเป็น 2 คำ คือ "ฮกหลง" กับ "ฮองซู" เป็นสมญานามของนักปราชญ์2ท่าน
ฮกหลง (มังกรนิทรา) คือ "ขงเบ้ง"
ฮองซู (หงส์ดรุณ) คือ "บังทอง"
ในเรื่อง สามก๊ก เรามักจะได้ยินชื่อเพียงแค่ "ขงเบ้ง" เท่านั้น เหตุใดเราจึงไม่ค่อยได้ยินชื่อ "บังทอง" ซักเท่าไหร่ ทั้งๆที่ปราชญ์ 2คนนี้ ท่านอาจารย์สุมาเต็กโช ยกให้เป็นปราชญ์ผู้พลิกแผ่นดินเลยทีเดียว แปลว่าได้ใครคนใดคนหนึ่งในสองคนมาเป็นกุนซือสามารถครอบครองได้ทั้งประเทศ ประมาณนั้นเลย.....เรามาตามรอย"อาจารย์ บังทอง" กันแบบฉบับย่อกันนะครับ....!!!
ในสามก๊ก นั้นแผ่นดินแบ่งออกเป็น3ผืน
จ๊กกก ถูกครอบครองโดย "เล่าปี่"
วุยก๊ก ถูกครอบครองโดย "โจโฉ"
2
ง่อก๊ก ถูกครอบครองโดย "ซุนกวน"
เล่าปี่.....ตั้งตัวได้ช้าที่สุดเพราะเริ่มต้นจากศูนย์เป็นเพียงแค่คนทอเสื่อขาย แม้จะสืบเชื้อสายจากราชวงศ์ แต่ก็เป็นแค่ชั้นปลายแถว และ กว่าจะรวบรวมคนได้ก็ใช้เวลานานกว่าก๊กอื่นๆ
โจโฉ.....ตระกูลรับราชการมาก่อน ยิ่งใหญ่ระดับมหาขันทีเลยทีเดียว กอรปกับเป็นผู้มีความหลักแหลมจึงตั้งตัวได้เร็ว
ซุนกวน....สืบตระกูลต่อจากพี่ชายและพ่อซึ่งเป็นใหญ่และครอบครองก๊กนั้นๆอยู่แล้ว จึงยิ่งใหญ่มาตั้งแต่ต้น
แม้เล่าปี่ได้พบเจอกับกวนอู และ เตียหุย ซึ่งเป็นผู้มีความสามารถด้านการรบ แต่ก็ยังไม่สามารถมีแผ่นดินอยู่เป็นหลักแหล่งได้ ต้องเร่ร่อนไปอาศัยแผ่นดินคนอื่นอยู่ จนได้มาพบปราชญ์ชาวบ้านท่านหนึ่งคือ....
อาจารย์ "สุมาเต็กโช" ผู้มีความสามารถล่วงรู้อนาคตได้ โดยมีวิชาอาโปกษิณ(เพ่งน้ำทำสมาธิ)
อ.สุมาเต็กโช ได้บอกกับเล่าปี่ว่าแม้จะมียอดขุนพลที่เก่งกาจก็ยังเป็นเพียงแค่กลุ่มคนเร่ร่อนอยู่นั่นเอง สาเหตุที่ยังตั้งตัวไม่ได้เป็นเพราะ "ขาดกุนซือที่ดี" โดยอ.สุมาเต็กโชกล่าวไว้ให้เล่าปี่คิด ดังนี้
1
"ฮกหลง ฮองซู" แม้ได้คนใดคนหนึ่งมาช่วยงาน แม้จะทำการใหญ่สิ่งใดก็จะสำเร็จได้โดยง่ายแม้อยากได้ครอบครองทั้งแว่นแคว้นก็ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ
แต่ใครจะรู้ว่ากาลต่อมา เล่าปี่ ได้ทั้ง ขงเบ้ง และ บังทอง มากุนซือซ้าย-ขวา เพื่อช่วยงานกันเลยทีเดียว
แต่"บังทอง"อายุสั้นมาก อายุเพียง35ปีก็ตาย เราจึงได้ยินเรื่องราวความสามารถที่น้อยมากในหน้าประวัติศาสตร์
"บังทอง"เป็นชาวเมืองเซียงหยาง เกิดที่แคว้นเก็งจิ๋ว ด้วยเหตุที่บังทองเกิดมาหน้าตาอัปลักษณ์ ขี้เหร่ชนิดที่หาตัวจับได้ยาก จึงเป็นเหตุให้เกิดอุปสรรคอย่างยิ่ง เพราะเมื่อใครพบเห็นต่างก็ต้องเบือนหน้าหนี
บังทองเคยเสนอตัวรับใช้ ซุนกวนก่อนหน้าที่จะมาอยู่กับเล่าปี่ด้วยซ้ำ แต่ด้วยหน้าตาอันน่าเกลียดอัปลักษณ์ของเขา ทำให้ซุนกวนถึงกับปฏิเสธเขาอย่างไม่ใยดี ถึงแม้ซุนกวนจะทราบดีว่า"บังทอง" เป็นผู้ออกอุบายเผาทัพเรือของโจโฉทั้งกองทัพ ซึ่งในขณะนั้นกองกำลังของโจโฉที่ยกมาตีซุนกวนนั้นมีจำนวนมหาศาลยากแก่การรับมืออย่างที่สุด
บังทอง"หลอกซ้อนหลอก" โดยหลอกฑูตของโจโฉ ซึ่งโจโฉส่งมาเจรจากับฝ่ายซุนกวน(ฑูตท่านนี้คือ เจียวก้าน) โดยหลอกว่าอยากช่วยโจโฉ และให้เจียวก้านพาไปพบโจโฉเพื่อเสนอแผน
บังทองรู้ถึงอุปนิสัยของโจโฉอย่างทะลุปรุโปร่งว่า โจโฉนั้นฉลาดหลักแหลม ชอบคนเก่งและเป็นคนไว้ใจคนยากดังนั้น ถ้าแผนไม่สมเหตุสมผล ก็หลอกโจโฉไม่ได้ ทัพโจโฉ ชำนาญและเก่งการรบทางบก แต่เดินทางมาตีซุนกวนด้วยทางเรือ ซึ่งง่อก๊กเป็นเมืองล้อมรอบด้วยน้ำ ดังนั้นข้อนี้จึงเป็นสิ่งที่โจโฉกังวลอยู่
3
#ห่วงโซ่สัมพันธ์# จึงเป็นกลยุทธ์ที่บังทองเสนอแก่โจโฉ ... โดยวิธีการสร้างแผ่นดินขนาดใหญ่ทำให้เรือไม่โคงเครง ด้วยวิธีการผูกเรือชิดติดกันหลายๆลำด้วยโซ่ เพื่อให้เหล่าทหารของโจโฉสามารถเคลื่อนไหวและทรงตัวได้ดี ไม่เมาเรือเหมือนที่เป็นอยู่ อีกทั้งยังสู้กับซุนกวนได้ง่ายขึ้นอีกทางหากปะทะกันจริงๆ
โจโฉ หลงกลบังทอง สั่งการให้ผูกเรือ เพื่อแก้ปัญหาการเมาเรือของทหาร การแก้ปัญหาดูเหมือนจะได้ผล
แต่นั่นคือหายนะของโจโฉ ซึ่งการต่อมาเรียกกันติดปากว่ายุทธการเซ็กเพ็ก หรือเรียกกันว่า "ศึกผาแดง"
ในขณะทำศึก ลมแรงมาก ขงเบ้งร่วมมือกับจิวยี่(ขุนพลคนสำคัญของซุนกวน) โจมตีทัพโจโฉด้วยไฟ ตามแผนของบังทอง ทัพโจโฉแตกพ่ายยัยเยินเพราะความแรงของไฟและลม เป็นศึกที่ทำให้ทัพโจโฉเสียหายมากที่สุดในประวัติศาตร์การรบเลยทีเดียว ถึงขนาดว่าต้องถอดชุดเกราะ โกนหนวดโกนเคราเพื่อหลบหนี เพราะป้องกันการถูกจับ อัปยศอดสูที่สุดในชีวิตของโจโฉ
ผลงานของบังทองแม้โดดเด่น แต่หน้าตาอัปลักษณ์ มีผลอย่างมาก ซุนกวนไม่สนใจ บังทองจึงมาเข้าด้วยกับเล่าปี่โดยการแนะนำของ"ขงเบ้ง" แต่ก็ได้ตำแหน่งไม่สำคัญ เป็นแค่นายอำเภอเมืองเล็กๆ บังทองรู้สึกน้อยใจ จึงวางแผนดึงความสนใจโดยการทำตัวสำมะเลเทเมา กินเหล้าทั้งวันไม่ทำงานจนงานหมักหมมนับเดือน จนเรื่องเข้าถึงหูเล่าปี่ เล่าปี่ส่งเตียวหุยมาหมายจะจัดการกับบังทอง
และแล้วก็เข้าทาง.....อีกครั้ง
ครึ่งวันเท่านั้น บังทอง สามารถเคลียร์คดีต่างๆนับร้อยที่ซับซ้อนได้ทั้งหมดทุกคดี จนเป็นที่ประจักแก่ทุกคน จนเล่าปี่เรียกตัวกลับเข้ามาเป็นกุนซือซ้ายในตำแหน่งที่เทียบเท่ากับขงเบ้งเลยทีเดียว
แต่ด้วยความที่บังทองอยากสร้างผลงานเร็วเกินไป และการวางแผนที่อาจไม่ตรงใจเล่าปี่ซักบ่อยครั้ง ต่างจากขงเบ้งซึ่งเรื่องอ่านคน ขงเบ้งอาจจะเหนือกว่าบังทองอยู่หลายช่วงตัว ขงเบ้งเวลาเสนอแผนอะไรก็ตามจะเลือกแผนให้สอดคล้องกับบุคคลิกของเล่าปี่ จึงทำให้บังทองคับข้องใจเป็นอันมาก
เล่าปี่ไม่ใช่คนกล้าที่จะทำการใหญ่ด้วยวิธีการที่ต้องแลกมาด้วยชื่อเสียงหรือศักดิ์ศรี เรียกง่ายๆว่า "หน้าบาง" เช่น
ถ้าต้องแย่งเมืองจากคนในตระกูลเดียวกัน......
ไม่ทำ
อะไรที่ทำแล้วเสียชื่อ ......ไม่ทำ
อะไรที่ทำแล้วตัวเองไม่สบายใจ...... ไม่ทำ
แม้หลายครั้งผลที่ตามมากลับสร้างความยุ่งยากอย่างมากในภายหลัง และหลายสิ่งต้องแลกมาด้วยชีวิตของทหารมากมาย ทั้งๆที่รู้แต่ก็ยังเลือกที่จะไม่ทำ
"ขงเบ้ง" อ่านออก แต่ "บังทอง" อ่านไม่ออก
นั่นเป็นเหตุผลหลัก(ความคิดเห็นส่วนตัว) ที่ทำให้เล่าปี่เลือกใช้แผนของขงเบ้งมากกว่าเลือกใช้แผนของบังทอง และนั่นก็นำมาซึ่งความอิจฉาและการมีมิจฉาทิฐิของ"บังทอง"ที่มีต่อ"ขงเบ้ง"
เล่าปี่ก็ออกจะไม่พอใจแผนของบังทองอยู่หลายครั้ง เพราะ แผนของบังทองเฉียบคม แต่เหี้ยมโหด จบเร็วเสียหายน้อยที่สุด แต่อย่างที่บอก เล่าปี่ไม่ทำเพราะรักศักดิ์ศรีและหน้าตามากกว่าสิ่งใด
จนถึงแผนสุดท้ายก่อนที่บังทองจะตาย บังทองก็เสนอแผนยึดเสฉวนโดยสังหารเล่าเจี้ยงในงานเลี้ยงเพื่อยึดเมืองเสฉวนโดยเร็วและง่าย เพราะเล่าเจี้ยงอ่อนแอ อีกไม่นานก็ต้องเสียเมืองอยู่ดี แต่เล่าปี่ไม่ทำ จึงนำมาซึ่งความยุ่งยากอีกมากมาย
เหมือนครั้งที่ขงเบ้งเคยเสนอแผนยึดเกงจิ๋ว จากเล่าเปียว ทั้งๆที่เล่าเปียวป่วยใกล้ตายแล้ว แต่เล่าปี่กลัวคนครหา จึงไม่รับไว้ แม้ในตอนนั้นเล่าเปียวจะเอ่ยปากยกเมืองให้ก็ตาม เล่าปี่ก็ยังไม่ยอมรับไว้ ซึ่งการปฎิเสธเล่าเปียวครั้งนั้น นำมาซึ่งเล่าปี่หนีทัพโจโฉเกือบตาย
บังทอง ถูกสังหารโดยธนูที่"เนินหงส์ร่วง" ซึ่งเป็นเรื่องฟ้าลิขิต บังทองมีสมญานามว่า "หงส์ดรุณ" แต่ต้องมาตายที่"เนินหงส์ร่วง" ซึ่งการตายของบังทองครั้งนี้ขงเบ้งได้ส่งสารมาเตือนก่อนแล้วเพราะขงเบ้งตรวจดูดวงชะตาของบังทองว่าถึงคราวเคราะห์ แต่บังทองมีใจเป็นทิฐิ เพราะคิดว่าขงเบ้งไม่ต้องการให้ตนเองสร้างผลงานจึงดำเนินการตามแผนต่อโดยไม่ฟังคำเตือนของขงเบ้งแต่อย่างใด และถูกลอบสังหารในที่สุด
ปิดตำนาน "หงส์ดรุณ" ในวัยเพียง 35ปีเท่านั้น
คนเราถึงแม้ว่าจะมีความสามารถเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ได้ หากต้องเลือกทำงานกับคนที่ใช่ด้วย มิเช่นนั้นทำไปอีกหลายสิบปีก็เหนื่อยเปล่า และถ้าหากได้ผู้ร่วมงานที่ดีแล้ว หากไม่เข้าใจผู้ร่วมงานให้ท่องแท้ก็รังแต่จะสร้างศัตรูอีกเช่นกัน
ที่มา : I am cappuccino
โฆษณา