21 พ.ค. 2019 เวลา 04:54 • ประวัติศาสตร์
"เฉพาะชื่อของคนหนึ่งคน ราคาแปดพันล้าน"
สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศเยอรมันมีบริษัท
ทรัสท์เล็กๆแห่งหนึ่งชื่อ บ.บาบีนา รับดูแลของมีค่า
ของลูกค้าโดยเฉพาะ พอสงครามปะทุ ลูกค้าทยอย
เบิกของมีค่าของตัวเองแล้วรีบหนีไปที่อื่นกัน
ส่วนเจ้าของบริษัทรวบรวมทรัพย์สินของตนแล้วก็หนี
สงครามไปที่อื่น เหลือแต่พนักงานที่ชื่อ "เซีย" ยังอยู่
เพื่อเคลียร์ของฝากที่ลูกค้าที่ยังไม่เบิกไป
ระเบิดเริ่มถล่มลงมาบริเวณรอบๆบริษัท แต่เธอยังคง
นั่งเช็คบัญชีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วพบว่ามีลูก
ค้าชื่อไลเกอร์ยังไม่ได้มาเบิกทับทิมของตนเอง ซี่งมี
ราคาห้าพันล้านมาร์ค
เซีย เก็บเอกสารและสิ่งของที่ลูกค้าฝากไว้ เก็บใส่
กล่องแล้วก็ออกจากบริษัท หลังจากนั้นไม่กี่วันบริษัท
บาบีนาถูกระเบิดถล่มเรียบเป็นหน้ากอง
เซียเองก็เหมือนชาวบ้าน ต้องหนีสงครามไปทุกหน
แห่ง แต่สิ่งที่เซียต้องพกติดตัวตลอดก็คือเอกสารและ
ทับทิมของลูกค้าที่ฝากไว้
เธอเองยังคงคิดว่าเธอคือพนักงานของบริษัทบาบีน่า
จะรอให้สงครามสงบแล้ว จะนำเอกสารและทับทิมคืน
ให้กับบริษัท
หลังจากสงครามสงบ เธอและลูกสามคนกลับมาที่
เบอร์ลินแต่เจ้าของบริษัททรัสท์ได้เสียชีวิตในระหว่าง
สงคราม บริษัทก็ไม่เหลืออยู่โดยปริยาย
แต่เซียยังคงเก็บรักษาทับทิมของลูกค้าเอาไว้ แม้ลูก
ค้าจะยังไม่มารับไป เธอรักษาความซื่อสัตย์ของบริ
ษัทเอาไว้
หลายปีผ่านไป เซียใช้ชีวิตลำบากมากกับลูกสามคน
ในความเป็นจริง บริษัทไลเกอร์ ไม่เหลืออยู่แล้วในระ
หว่างสงคราม ทับทิมที่มีค่ามหาศาลนั้นเจ้าของก็ไม่รู้
อยู่ที่ไหนแล้ว เซียสามารถนำทับทิมที่มีค่ามหาศาลนี้
ไปขาย แล้วใช้ชีวิตอย่างสุขสมบูรณ์ได้โดยไม่มีใครรู้
เรื่องนี้เลย
แต่เธอไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย เธอคิดอย่างเดียวมันคือ
หน้าที่ของเธอ จะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ควร
1978 รัฐบาลต้องการสร้างพิพิธภัณฑ์สงครามโลก
ครั้งที่สอง เซียได้นำเอกสารและทับทิมออกมามอบ
ให้
ทางรัฐบาล พยายามทุกวิถีทางหาญาติของไลเกอร์
จนพบหลานชื่อ โดล และได้ตอบรับจะแบ่งให้ครึ่ง
หนึ่งหลังจากขายทับทิมได้ เซียปฏิเสธ จะขอรับแต่
ค่าแรงที่ดูแลรักษาเอกสารและทับทิมนี้ก็พอ
หลังจากเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์เป็นข่าวออกไป ผู้คนสะ
เทือนใจกับความซื่อสัตย์นี้เป็นอย่างมาก
มีคนเสนอให้เธอเป็นที่ปรึกษาของหอการค้า เธอ
ปฏิเสธว่าด้วยอายุมากแล้ว ต่อมามีบริษัททรัสท์ใหญ่
หลายบริษัท ขอให้เธอดำรงตำแหน่งประธานกิตติ
มศักดิ์ เธอปฏิเสธหมด ไม่นานนัก เธอก็ถึงแก่กรรม
หลายบริษัทมาหาลูกชายเซียชื่อคลิส ขอซื้อสิทธิ์
"เซีย"มาเป็นชื่อบริษัทของตน
คลิสจึงใช้วิธีประมูล สุดท้ายบริษัทเพลโตประมูลได้
ด้วยราคาแปดพันล้านมาร์ค
หลายคนไม่เข้าใจ ทำไมต้องใช้เงินมหาศาลเช่นนี้
เพื่อแลกซื้อกับแค่ชื่อเดียว
ประธานบริษัทเพลโต
"เซีย"ไม่ใช่แค่ชื่อคนคนหนึ่งแล้ว มันหมายถึงจิตวิญ
ญานแห่งความซื่อสัตย์ และสัจจะของผู้ประกอบการ
มันคุ้มมาก สำหรับการใช้เงินแปดพันล้านมาแลกซื้อ
ชื่อนี้
ไม่นานนัก บริษัทเพลโตเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทเซีย
ทรัสท์ทำให้ยอดทางธุรกิจเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
ความซื่อสัตย์และสัจจะ เดิมทีแล้วมันมีคุณค่าของ
มันอยู่ในตัวอยู่แล้ว เวลาคุณมีความศรัทธากับมัน
จนเป็นหน้าที่ของคุณ คุณก็จะได้ใจและความเชื่อ
ถือกับผู้คน ในที่สุดเงินทองจะไหลมาเทมา #
ที่มา : สมาคมการค้าสัมพันธ์ไทยจีน
: เจาะเวลาหาอดีต
: อุบลวันนี้
: viraphant hiranpaisal
โฆษณา