EP.5 เพาะเห็ดเพาะฝัน
.หลังจากผมตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจสายเกษตรดูบ้าง แหมก็ตั้งแต่จบมาไม่ได้ทำงานตรงสายเลย เรามันก็ลูกเกษตรแม่โจ้น่า ลุยดูสักตั้ง ทีนี้ก็เข้าหาอาจารย์กู อาจารย์เหมือนเดิมครับ เสริทๆๆๆ แต่ข้อมูลที่ได้เขาบอกว่า เห็ดฟางนี่มันเห็ดปราบเซียน เพาะยาก ต้องใส่ใจดูแลจริงๆจึงจะเกิด จึงจะมีกำไร
.แบบนี้ผมก็เริ่มกังวลขึ้นมาทันทีครับ เพราะมันต้องมีการลงทุนทำโรงเรือน ทำเตาอบ ทำบ่อหมักเชื้อ ซึ่งก็ต้องใช้งบประมาณพอสมควร แล้วก็สุ่มเสี่ยงที่เห็ดจะไม่โตถ้าดูแลไม่ดี
เพราะเห็ดมันก็คือเชื้อราเราดีๆนี่แหละครับ แต่เป็นเชื้อที่เราทานได้ มีประโยชน์ แต่ถ้ามีเชื้ออื่นเข้ามาแทรกในแปลงเพาะ
เชื้อเห็ดก็จะโตสู้เชื้อตัวอื่นไม่ได้
.แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว ต้องเดินหน้าครับ ลุยดูให้รู้ดำรู้แดง จะเจ๊งก็ให้มันเจ๊งคามือ อย่างน้อยก็ได้ลงมือทำ แต่ด้วยปัจจัยเสี่ยงหลายๆอย่างที่ผมบอกมา จึงจำเป็นต้องหาอาจารย์ครับ
ผมเสริทหาข้อมูลต่อทันที ว่าที่ไหนมีอบรมสอนเพาะเห็ดฟางบ้าง แน่นอนครับ ไปเจอแหล่งใหญ่ๆก็ที่ อำเภแอวิหารแแดงจังหวัดสระบุรี ค่าอบรม 2 วัน ประมาณ3,000หรือ 3,500 บาท นี่แหละ จำไม่แม่น (ตั้งแต่ปี2556) ความรู้มันมีราคาครับ แต่ถ้าเราไม่รู้แล้วเสียหายราคามันอาจจะแพงกว่า ผมคิดว่าผมเสียเงิน3,000 แล้วไปอบรม แล้วค่อยประเมินว่าเราทำไหวหรือไม่ไหว ก็ยังดีกว่าไปลงทุนเป็นหมื่นแล้วทำไม่ได้
.หลังจากอบรมเสร็จ มั่นใจครับว่าไม่ยาก เพาะเห็ดฟางก็เหมือนเลี้ยงลูก ต้องใส่ใจ ดูแล ประคบประหงม หลักการคือ เราต้องคุมอุณหภูมิ แสง ความชื้น ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เขาชอบแค่นี้เขาก็น่าจะโตดี อีกอย่างตอนอบโรงเรือนฆ่าเชื้อ ความร้อนต้องได้ เวลาต้องพอ แล้วเชื้อราอื่นๆจะไม่ลุกลามครับ
.เราลงทุนทำโรงเรือนทันที 4 โรง(เล่นใหญ่อีกแล้ว ชาวบ้านชาวช่องเขาเริ่มเพาะ เขาทำโรงเดียวจนชำนาญจึงเพิ่ม 5555)
เหตุผลที่ทำ4โรง ไม่ใช่จะเพาะเห็ดทีเดียว4โรงนะครับ ผมคำนวณให้ใช้โรงเรือนหมุนไปในแต่ละสัปดาห์เพื่อที่จะได้มีรายได้จากการเก็บเห็ดขายทุกวัน ตัวโรงเรือนใช้ไม้ยูคาทำตัวโรงเรือน ใช้ไม่ไผ่ทำชั้นเพาะ ราคาต้นทุนโรงเรือนไปหนักจริงๆที่บ่อหมักครับ เพราะต้องเทปูน ก่ออิฐบล็อคอันนี้ถือเป็นต้นทุนโรงเรือน
.ต่อมาเป็นต้นทุนวัสดุเพาะก็จะมีฟาง เชื้อเห็ด ฝ้าย(ใช้เป็นอาหารให้เห็ดกิน) และก็พวกอาหารเสริมต่างๆ รวมๆแล้ว1 โรงเรือนจะใช้ต้นทุนประมาณ 3,000-4,000บาท (ไม่รวมค่าก่อสร้างโรงเรือนนะครับ) 1 รุ่น จะใช้เวลาตั้งแต่เริ่มหมักฟาง -ฝ้าย จนถึงเก็บเห็ดหมด ประมาณ 1 เดือนพอดี(ซึ่งแต่ละขั้นตอนเหนื่อยเอาเรื่องครับ
หมักฝ้าย 1 สัปดาห์
ขึ้นฟาง อบโรงเรือน
โรยเชื้อ และปิดโรงเรือน1 สัปดาห์
ตัดใยและเริ่มเก็บเห็ด จะเก็บได้ 7-14 วันขึ้นอยู่กับการดูแลของเราครับ
.จากนั้นก็รื้อฟาง ล้างชั้น ล้างโรงเรือน ไม่หมูครับ งานเลเบอร์ล้วนๆครับ นาฬิกาชีวิตผมช่วงที่เพาะเห็ดจะเป็นดังนี้
24.00-01.30 เก็บเห็ด
01.30-03.00 ตัดตูดเห็ดเพื่อเตรียมส่งขาย
ไม่เกิน03.30 ต้องถึงตลาดครับเพื่อขายเห็ด ต้องไปให้ทันเพราะแม่ค้าจะเอาเห็ดไปส่งตลาดไทย
กลับมาบ้านได้นอนประมาณ 1 ชม.ครับ ต้องเก็บเห็ดอีกชุดนึง คือเห็ดที่เก็บต้องกะขนาดดีๆ ถ้ามันยังไม่โตเต็มที่แล้วเก็บก็จะได้น้ำหนักน้อย คือได้เงินน้อย แต่ถ้าปล่อยมันบาน ราคาก็จะตกครับ ก็แหมเห็ดตูมส่ง80บาท ถ้าบานขึ้นมาขายได้25 บาทต่อกิโล โอ้โห ราคาต่างกันริบรับ
.รอบเช้านี่ต้องหาตลาดเองครับ ตัดตูดเสร็จก็เอาไปขายให้ร้านอาหาร และแผงขายผักในหมู่บ้าน กลับมาไม่ได้พักนะครับ ต้องลดน้ำเห็ด หมักเชื้อ กลับกองฝ้าย(ส่วนของโรงถัดไป) เยอะแยะตาแปะไก่ แต่กำไรงามครับ ลงทุน1 โรงเรือน4,000 บาท จะขายเห็ดได้ทั้งหมดประมาณ 9,000-10,000บาท ตีสะกำไรโรงละ 6,000 บาท ผมทำ4 โรงหมุนเวียน กำไรเดือนๆนึงก็ประมาณ 25,000-30,000 บาท
ทีนี้เห็นภาพครับว่าพวกที่เป็นฟาร์มใหญ่ๆ 10-20 โรงเรือน ทำไมเขารวย รายได้ 6 หลักแน่นอน แต่ปัญหาสำคัญอีกอย่างของเห็ดฟางคือ แรงงานครับ ทำเอง ก็จะมีรายได้ไม่เกินอย่างผม ถ้าทำเยอะต้องจ้าง แต่ฟาร์มต่างๆที่ผมรู้จัก ลูกน้องพลัดเปลี่ยนหมุนเข้าหมุนออกบ่อยมาก แหมก็ดูตารางทำงานที่ผมเล่าให้ฟังสิครับ ผมทำได้ประมาณ 5-6 เดือนก็ต้องเลิกครับ เนื่องจากแฟนท้องลูกคนที่2 ทีนี้ไม่มีคนช่วยครับ ทำไม่ทัน แล้วรายได้เราก็เต็มแม็ก คือขยันยังไงก็ได้ไม่เกินนี้ เพราะที่ดินเรามีแค่2 งาน ถ้ามีที่สักไร่ ผมจะทำโรงเรือนเพิ่มและจ้างลูกน้อง สบายใจไปเลย แต่เราไม่มีที่ดินและแรงงานพอที่จะขยายธุรกิจครับ จึงจำเป็นต้องหยุดแล้วหาอย่างอื่นที่จะมีรายได้สูงกว่านี้
.แล้วผมก็ตัดสินใจทำอีก1 ธุรกิจครับ "เพาะจิ้งหรีดขาย"
เรื่องจิ้งหรีดนี่ จั่วหัวไว้ครับว่า เป็นอะไรที่บ้าดีเดือดมาก
แล้วจะมาเล่าต่อนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อกัน ใกล้จบแล้วครับ
หลังจากจิ้งหรีด แล้วก็คือ อาชีพปัจจุบันของผมแล้วครับ
#kruwat
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
