นายชุมพลกล่าวต่อว่าขณะที่การขนส่งทางบกนั้นพบว่าผู้ประกอบการไทยยังคงครองสัดส่วนตลาดได้กว่า 80% ของโลจิสติกส์ในรูปแบบ B2B ขณะที่โลจิสติกส์รูปแบบ B2C ซึ่งแข่งขันกันอย่างดุเดือด นั้นผู้ประกอบการไทยอย่าง ไปรษณีย์ ยังเป็นผู้ครองสัดส่วนตลาด 50-60% แต่การเติบโตลดลงเรื่อยๆและอัตราเติบโตของรายได้น้อยกว่าเอกชนเกือบ 10 เท่า ปัจจุบันไปรษณีย์ไทยโตปีละ 10% แต่ Kerry โตปีละ 100% ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์สอง อย่างไรก็ตามน่ากลัวตรงที่เอกชนทำธุรกิจแบบกล้าได้กล้าเสีย ยอมขาดทุนในช่วงแรกเพื่อดึงลูกค้า ดังนั้นจึงเสนอราคาที่ต่ำมาก ต่ำกว่าไปรษณีย์ 2-3 เท่า อาทิ ราคาขนส่งสินค้ากล่องเล็ก Flash คิดราคา 19 บาท Kerry คิดราคา 25 บาท แต่ไปรษณีย์คิดราคา 45-60 บาท แท้จริงแล้วต้นทุนคือ 45 บาท จะพอมองเห็นรูปแบบการทำตลาดที่ยอมขาดทุนช่วงแรกแต่พอเริ่มคืนทุนแล้ว มีผลประกอบการเติบโต 100% สามปีติดต่อกัน เมื่อดูรายได้ย้อนหลังของ Kerry ในปี 2559 รายได้ 3,000 ล้านบาท ในปี 2560 มีรายได้ 6,000 ล้านบาทและในปี 2561 มีรายได้มากกว่า 10,000 ล้านบาท ผลกำไรเติบโตขึ้นในอัตราส่วนเดียวกัน ปัจจุบันกำไรมากกว่าปีละ1,000 ล้านบาท