Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฟุตบอลลูกกลมๆ
•
ติดตาม
2 มิ.ย. 2019 เวลา 13:47 • กีฬา
ปิดฉากฟุตบอลทวีปยุโรปนัดสุดท้ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเมื่อคืนที่ผ่านมา
แน่นอนว่าทั้งลิเวอร์พูลและท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ต่างต้องการถ้วยบิ๊กเอียร์นี้กันอย่างแน่นอน
เพราะว่าทั้ง 2 สโมสรเป็นทีมที่มีผลงานที่ดีมากๆ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพียงแต่ว่า ต่างก็ยังไม่มีโทรฟี่แชมป์มาประดับตู้กันเสียที ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความยิ่งใหญ่แบบจับต้องได้ ต้องมีถ้วยรางวัลเท่านั้น มิใช่แค่ผลงานโดยรวมที่ดี
การที่ต้องห่างหายจากการแข่งขันไปถึงสามสัปดาห์หลังจากที่ทั้งสองทีมลงเตะในเกมอย่างเป็นทางการนัดสุดท้ายนั้น ส่งผลต่อจังหวะฟุตบอลของทั้งคู่อย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะลิเวอร์พูล ที่ทำอะไรก็ดูเหมือนจะขาดๆ เกินๆ ไปเสียหมด เพียงแต่ว่าฟุตบอลนั้นไม่ได้ตัดสินแพ้ชนะกันที่รูปเกม แต่เป็นที่จำนวนประตูต่างหาก
ต่อให้คุณเล่นได้ย่ำแย่แค่ไหน หรือจะครองบอล 70%, 80%, 90% ก็ไม่สำคัญเท่าวันนั้นคุณยิงได้กี่ประตู
สำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนั้น ไม่มีที่ว่างให้ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ดังนั้นทุกรายละเอียดต้องเก็บทุกเม็ด
อย่างจังหว่ะที่ลิเวอร์พูลได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เป็นแค่จังหวะการพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของมุสซ่า ซิสโซโก้ ที่บังเอิญเผลอไปยกแขนค้างไว้นานไปนิดเดียวเท่านั้น ทำให้ทีมเสียแฮนด์บอลเป็นจุดโทษให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ
แต่ทั้งนี้ก็ต้องขอชื่นชมความเฉียบของมาเน่ ที่สามารถฉวยโอกาสนั้นเปิดบอลใส่แขน เรียกเป็นจุดโทษให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำไปได้
หลังจากที่ลิเวอร์พูลขึ้นนำแล้วหันมาเน้นการตั้งรับนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก เพราะลิเวอร์พูลในวันนี้ไม่ใช่ทีมที่จะบุกลุยเข้าไปอย่างเดียวโดยที่ไม่สนใจถึงเกมรับเหมือนในอดีต
ที่ไม่สนว่าคู่แข่งจะยิงเราได้กี่ลูก เพราะเราจะยิงคุณให้มากกว่า หรือที่หลายคนชอบแซวกันว่ากองหน้าเวิลด์คลาส กองหลังเวิลด์แก๊ส ลิเวอร์พูลไม่ใช่ทีมนั้นอีกต่อไป
แต่ลิเวอร์พูลในวันนี้คือทีมที่มีสถิติเกมรับดีที่สุดในลีกอันดับหนึ่งของยุโรป
ดังนั้น คล็อปจึงมั่นใจกับผู้เล่นในแผงเกมรับของทีมมากๆ และเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถรักษาสกอร์ไว้ได้จนจบเกมด้วยการเล่นเกมรับ
ซึ่งลิเวอร์พูลก็ทำได้จริงๆ
และยิ่งไปกว่านั้น ช่วงท้ายเกมก็มาได้ประตูตอกย้ำชัยชนะจาก ดิว็อค โอริกี้ หรือ “โอรีกิอุส” เทพเจ้าองค์ใหม่แห่งดินแดนเมอร์ซี่ย์ไซด์ เร้ด ที่เข้าไปครองใจของเหล่าเดอะค็อปเป็นที่เรียบร้อยนั่นเอง
ถึงแม้ว่าในแมตช์ธรรดาทั่วไป โอริกี้อาจดูเป็นนักเตะที่แฟนๆยังไม่สามารถฝากความหวังในการทำประตูไว้ได้มากนัก
แต่ในแมตช์สำคัญๆ ที่ทีมต้องการประตู โอริกี้สามารถบันดาลได้เสมอ อย่างในแมขต์ที่เจอเอฟเวอร์ตันก็ดี หรือนิวคาสเซิลก็สวย และแน่นอนอีกหนึ่งแมตช์ค่ำคืนแห่งแอนฟิลด์ในรอบรองชนะเลิศที่เจอกับบาเซโลน่า
หากก่อนเกมวันนั้นจะมีใครสักคนหนึ่งบอกว่าโอริกี้จะทำให้ลิเวอร์พูลพลิกเข้ารอบชิงได้ คงยากที่ใครหลายคนจะเชื่อ
แต่มาวันนี้ถ้าเหล่าเดอะค็อปได้เจอหน้าโอริกี้แล้วล่ะก็ เป็นต้องคาราวะ 3 จอก
ลองเหลือบมาดูสถิติทั้งหมดของโอริกี้ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกันหน่อย
ลงเล่น 2 นัด (รอบรองและรอบชิง) มีโอกาสยิงทั้งหมด 3 ครั้ง เป็น 3 ประตู
นี่คือตัวโจ๊กเกอร์ของลิเวอร์พูลโดยแท้จริง
สัญญาของโอริกี้กับลิเวอร์พูลยังเหลืออยู่อีกหนึ่งปี แน่นอนว่าถ้าลิเวอร์พูลต่อสัญญาต่อไปไม่มีอะไรเสียหายอยูแล้ว เพียงแต่โอริกี้นั้น จะสามารถยอมรับในบทบาทตัวสำรองทีเด็ดของทีมได้หรือไม่
ตัดมาที่ฝั่งของสเปอร์กันสักนิด
นี่เป็นการเข้าชิงครั้งแรกของทีมนับตั้งแต่ปี 1984 ในสมัยที่ยังใช้ชื่อการแข่งขันว่า "ยูฟ่า คัพ"
หากถามว่าปีนี้พวกเขาถือว่าล้มเหลวหรือไม่ คำตอบคือ “ไม่เลย”
จบท็อปโฟว์ในพรีเมียร์ลีก เข้ารอบชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ด้วยงบประมาณที่ใช้จ่ายในการเสริมทัพรวมแล้ว 0 ปอนด์ถ้วน
แน่นอนว่าความพ่ายแพ้ ความผิดหวังในครั้งนี้ จะเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้สเปอร์กลับมาแกร่งขึ้นกว่าเดิม เหมือนดังที่เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ให้สัมภาษณ์ไว้หลังเกมว่า เขาต้องการให้ลูกทีมได้เข้ามาเล่นในรอบชิงบ่อยๆ เพราะทั้งหมดทั้งมวลนี้คือประสบการณ์เพื่อนำไปเรียนรู้และพัฒนา
เจอร์เก้น คล็อปป์ต้องผิดหวังกับการแข่งขันในรอบชิงถึง 6 ครั้งติดต่อกัน ก่อนที่ครั้งนี้จะเป็นวันของเขา
ความสำเร็จไม่ได้มีไว้สำหรับคนที่ยอมแพ้ แต่ความสำเร็จมีไว้ให้แก่คนที่พยายาม
ดังนั้นถ้าสเปอร์สามารถรักษาทีมชุดนี้ไว้ได้ทั้งผู้จัดการทีมและนักเตะ ก็ยังมีวันพรุ่งนี้ให้เริ่มต้นใหม่อยู่เสมอ
หลังสิ้นเสียนกหวีดยาวทางยูฟ่ายกให้เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เป็น Man of the match แต่ว่าสำนักข่าวหลายสำนักและแฟนบอลลิเวอร์พูลส่วนใหญ่ยกให้นายด่านชาวบราซิลอย่างอลิสซอน เบ็คเกอร์
ทั้งคู่คือคนที่ทำผลงานได้สุดยอด และเป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามาช่วยยกระดับแผงหลังของลิเวอร์พูลอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในรายของยักษ์ใหญ่จากฮอลแลนด์
ค่าตัว 75 ล้านปอนด์นั้นไม่แพงไปเลย หากมองว่าเมื่อมีฟานไดรจ์เข้ามา ผู้เล่นแผงหลังของลิเวอร์พูดอีกสามคนที่เหลือ สามารถยกระดับการเล่นให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าที่เคย กลายเป็นว่า 75 ล้านปอนด์นั้นเหมือนลิเวอร์พูลได้ผู้เล่นใหม่ในแผงหลังมา 4 คน
การลงเล่น 64 นัดหลังสุดของฟานไดจ์คนั้น ไม่มีปล่อยให้ผู้ใดสามารถเลี้ยงผ่านตัวเขาไปได้เลยแม้แต่คนเดียว
และมีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าของสถิติกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนนี้ อาจจะคว้าบังลงดอร์ในปีนี้ไปครองก็เป็นได้
“พวกเราจำเป็นต้องเปลี่ยนจากคนที่ยังเคลือบแคลงสงสัยอยู่ให้เป็นคนที่เชื่อมั่นและศรัทธา”
เป็นประโยคที่เจอร์เก้น คล็อปป์ได้ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อครั้งเข้ารับงานกุนซือทีมหงส์แดงเมื่อปี 2015
ในตอนนั้นกุนซือเลือดเยอรมันมองว่าปัญหาของทีมคือผู้คนไม่เชื่อว่าทำได้ ไม่เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ
แต่ทุกความสำเร็จนั้นจำเป็นที่ต้องมีจุดเริ่มต้นมาจากความเชื่อที่ว่าเราทำได้
ดังนั้น ภารกิจหลักของเจอร์เก้น คล็อปป์ ในการเข้ามาคุมทีมครั้งนี้คือ การกอบกู้ศรัทธา
ซึ่งก็ถือว่าคล็อปป์ทำสำเร็จอย่างล้นหลาม
ในวันนี้เราจะเห็นได้ว่าทั้งสโมสร กุนซือ สต๊าฟโค้ช นักเตะ แฟนบอลลิเวอร์พูล ทุกคนล้วนเชื่อว่าทำได้
ไม่ว่าวันนั้นทีมจะแพ้หรือตามหลังอยู่เท่าไร แต่เสียงแฟนบอลร่ำร้องเพลง You’ll never walk alone ยังคงดังกึกก้องคอยเชียร์อยู่เสมอ
"ไม่ใกล้ไม่ไกลจากวันนี้"
14 ปีที่รอคอย ลิเวอร์พูลสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสมัยที่ 6 กลับขึ้นมาทวงความยิ่งใหญ่ในแผ่นดินยุโรปได้สำเร็จ
แต่ยังเหลืออีกหนึ่งภารกิจที่แฟนบอลลิเวอร์พูลยังเฝ้ารอมาเนิ่นนาน นั่นคือการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก
97 คะแนนที่ลิเวอร์พูลเก็บมาได้ในฤดูกาลนี้ควรส่งผลให้พวกเขาได้ก้าวไปเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกและ ยุติ 29 ปีที่ยาวนาน
เพียงแต่ว่าปีนี้คู่แข่งที่มีนามว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน
เลยส่งผลให้พวกเขากลายเป็นรองแชมป์ที่มีแต้มมากที่สุดในประวัติศาสตร์แทน ซึ่งคงเป็นประวัติศาสตร์ที่ลิเวอร์พูลไม่อยากเป็น
แต่แน่นอนว่าเจอร์เก้น คล็อปป์คงนำสิ่งที่พลาดไปในฤดูกาลนี้ไปพัฒนาทีมของเขาให้ดียิ่งขึ้นไปในฤดูกาลหน้า
“แชมป์พรีเมียร์ลีกที่ลิเวอร์พูลรอคอยมานาน คงจะมาในไม่ช้านี้”
ผมเชื่อว่าอย่างนั้น
😉
ขอบคุณรูปภาพจากเพจ UEFA Champions League
#ฟุตบอล #ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก #ลิเวอร์พูล
บันทึก
23
23
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย