3 มิ.ย. 2019 เวลา 01:04 • ครอบครัว & เด็ก
🌞เลี้ยงลูกสไตล์ญี่ปุ่น ฝึกลูกยังไงให้มีความรับผิดชอบ รู้จักพึ่งพาตัวเอง และมีระเบียบวินัย🌞
🧒👧
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมหนังสือเลี้ยงลูกของญี่ปุ่นถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ลองมาดูกันว่าวิธีเลี้ยงลูกแบบฉบับคุณแม่ชาวญี่ปุ่น มีอะไรบ้าง
1. เลี้ยงลูกให้มีอิสรภาพและมีความรับผิดชอบตั้งแต่ยังเล็ก
คุณพ่อคุณแม่ญี่ปุ่นมักจะปล่อยให้ลูกช่วยเหลือตัวเองเท่าที่ลูกทำได้ เช่น ใส่เสื้อผ้า ตักข้าวกินเอง และแปรงฟันด้วยตัวเอง
นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นยังฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบด้วยการให้ทำงานบ้านที่เหมาะสมกับวัย เป็นการมอบหมายหน้าที่ให้รับผิดชอบไม่ใช่สั่งให้ทำทันที เช่น ล้างจานทุกเย็น ถูบ้านทุกวันเสาร์ หรือเก็บห้องทุกอาทิตย์
และลูกยังได้รับการฝึกจากที่โรงเรียน เพราะโรงเรียนในประเทศญี่ปุ่นไม่มีแม่บ้านเสิร์ฟอาหารกลางวัน เด็กๆ จะต้องช่วยเหลือตนเอง และทำความสะอาดห้องเรียนด้วยตัวเอง เป็นการปลูกฝังให้มีความรับผิดชอบและดูแลความสะอาดของพื้นที่แวดล้อมของตัวเอง นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นมีถนนและทางเดินที่สะอาดก็เป็นได้
2. เลี้ยงลูกแบบใกล้ชิดแต่ไม่ตามใจ
คุณแม่ชาวญี่ปุ่นมักจะลาออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว และเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ไม่มีการจ้างพี่เลี้ยงเด็ก การดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยความรัก ส่งผลให้ลูกมีพัฒนาการดีและยังมีเวลาอบรมสั่งสอนลูกอย่างเต็มที่
และการเลี้ยงลูกแบบญี่ปุ่นจะไม่ตามใจ ทำให้เด็กญี่ปุ่นเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีระเบียบวินัยและไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
รวมถึงไม่ปกป้องเมื่อเห็นลูกทำผิด คุณพ่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นจะตักเตือนลูกทันที เมื่อเห็นว่าลูกสร้างความเสียหาย สร้างความเดือดร้อน ด้วยการหยุดพฤติกรรมที่ไม่น่ารักของลูก และเเนะนำให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มองว่าความผิดของลูกเป็นเรื่องเล็กน้อย
3. เลี้ยงลูกให้พึ่งพาตัวเองและเอาตัวรอดเองได้
เป้าหมายในการเลี้ยงลูกของชาวญี่ปุ่นคือ ‘ให้โตขึ้นแล้วเอาตัวเองรอดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่ตลอดไป’ เด็กญี่ปุ่นสามารถพึ่งพาและดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เด็กๆ สามารถร้องขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างได้
นอกจากคุณพ่อคุณแม่แล้ว โรงเรียนของญี่ปุ่นยังฝึกให้เด็กๆ เอาตัวรอดด้วยการให้ความสำคัญกับซ้อมสถานการณ์จำลอง เพราะประเทศญี่ปุ่นแผ่นดินไหวบ่อย จึงมีหลักสูตรการซ้อมสถานการณ์จำลองเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ด้วยการให้เด็กๆ นอนค้างที่โรงเรียนหนึ่งคืน ไม่ให้อาบน้ำ และต้องกินอาหารสำเร็จรูป ขนมปัง หรืออาหารกระป๋อง เพื่อให้เรียนรู้ว่าเมื่อเกิดแผ่นดินไหวจะต้องทำอย่างไร ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีสำหรับเมืองไทย เพราะมีการซ้อมเหตุการณ์น้อยมาก บางโรงเรียนให้ความรู้เรื่องการดับเพลิงแค่ภาคทฤษฎีเท่านั้น
นอกจากนี้ยังให้เด็กๆ เอาตัวรอดจากการจมน้ำ ทางโรงเรียนจะจัดกิจกรรมการว่ายน้ำไม่ต่ำกว่า 500 เมตร และให้ความรู้เรื่องการช่วยเหลือคนจมน้ำและการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วย
4. เลี้ยงลูกให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
คุณพ่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นจะให้ลูกได้สัมผัสกลิ่นดิน กลิ่นทราย และใกล้ชิดกับธรรมชาติ นิยมเลี้ยงลูกนอกเมืองและสวนสาธารณะ เพื่อให้ลูกได้ใช้เวลาในวัยเด็กคุ้มค่า มีเพื่อนเล่นในวัยเดียวกัน ทำให้ลูกรักและผูกพันกับชุมชน มีจิตสำนึกต่อชุมชน เช่น ไม่ทึ้งขยะลงบนพื้นถนน
5. เลี้ยงลูกให้ตรงต่อเวลา
ประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเวลา จะเห็นได้จากระบบขนส่งมีการบริหารจัดการเวลาดี ยกตัวอย่างเช่น การเดินรถไฟของญี่ปุ่นทั้งแบบชินคันเซ็นและแบบโลคอล หรือแม้แต่รถประจำทาง มีการวางกำหนดเวลาแน่นอน สร้างสิ่งแวดล้อมของประเทศญี่ปุ่นปลูกฝั่งให้เด็กๆ เห็นคุณค่าของ ‘เวลา’
นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นฝึกเรื่องการตรงต่อเวลาให้ลูก ด้วยการกำหนดตารางกิจวัตรประจำวันเพื่อปลูกฝังวินัย การทำตารางเวลาทำให้ลูกเข้าใจ รู้คุณค่าของเวลา และทำให้ลูกเรียนรู้ว่าเมื่อไหร่คือเวลากิน เมื่อไหร่คือเวลาเล่น หรือเวลานอน
6. ให้ความสำคัญกับอาหารเช้า
คุณพ่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการกินมื้อเช้า เพราะมื้อเช้าทำให้ลูกมีพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ มีสารอาหารไปเลี้ยงสมอง กระตุ้นความจำ และความกระตือรืนร้น ทำให้มีผลการเรียนดีและทำกิจกรรมอย่างเต็มที่
อาหารเช้าที่นญี่ปุ่นนิยมคือ อาหารประเภทข้าว หรือถ้าเป็นขนมปังควรเป็นขนมปังโฮลวีท หรือขนมปังจากแป้งข้าวเจ้า
7. เลี้ยงลูกให้เห็นแก่ส่วนรวม
คุณพ่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการสอนให้ลูกเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตน มารยาทสังคม และการไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ยกตัวอย่างเช่น สอนให้แยกขยะ การต่อแถวไม่มีการแซงคิว ห้ามทึ้งขยะลงพื้น และไม่ส่งเสียงดังในที่สาธารณะไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และรถไฟ
นอกจากนี้การ์ตูนและซีรีย์ญี่ปุ่นมักจะมีคติสอนใจแบบเดียวกันคือ ‘สู้ต่อไป’ และ ‘ทำเพื่อส่วนรวม’ ยอมเสียสละเพื่อส่วนรวมสะท้อนทัศนคติชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างดี
8. ส่งเสริมจุดแข็งที่ลูกมี
คุณพ่อคุณเเม่ชาวญี่ปุ่นจะสังเกตว่าลูกทำสิ่งไหนได้ดี เช่น เล่นกีฬา วาดภาพ หรือทำอาหาร เเละจะส่งเสริมให้ลูกทำกิจกรรมนั้นบ่อยๆ เพื่อค้นหาความสามารถพิเศษของลูก การเรียนพิเศษของเด็กญี่ปุ่นไม่ได้เรียนกันเล่นๆ แต่ฝึกซ้อมอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ
9. เลี้ยงลูกด้วยความใจเย็น
คุณพ่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นไม่สอนลูกด้วยการตะคอก หรือตำหนิด้วยถ้อยคำรุนแรง แต่จะใช้วิธีค่อยๆ พูดเพื่ออธิบายอย่างสุภาพและใจเย็น รวมถึงบอกผลเสียที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของลูก ทำให้ลูกสำนึกผิดและปรับการลงโทษให้สมเหตุสมผล
by PANITNUN W. 29 MAY FEATURES 1540 VIEWS
โฆษณา