Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Game of Ayothaya
•
ติดตาม
3 มิ.ย. 2019 เวลา 15:48 • ประวัติศาสตร์
ชีวิตวัยเด็กในเยาวราช หนึ่งในช่วงเวลาที่น่าจดจำสั้นๆช่วงหนึ่งของ “เฉินหลง”
ภาพที่หาดูยาก เฉินหลง สมัยอยู่เยาวราช ตอนอายุ 9 ขวบ
ชีวิตอาจทำให้เราล้มไปบ้าง แต่เราเลือกได้ว่าจะยอมแพ้หรือลุกขึ้นสู้ นี่คือบทชีวิต บทหนึ่งของชายที่ชื่อ เฉิน ก่างเซิง หรือที่เรารู้จักกันในนาม เฉินหลง (แจ็คกี้ ชาน)
เฉินหลง เกิดวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2497 ที่วิกตอเรียพีค ในฮ่องกง มีชื่อจริงว่า เฉิน ก่างเซิง ปัจจุบันเฉินหลงมีอายุย่างเข้าสู่วัย 65 ปีแล้ว
จึงไม่ต้องแปลกใจที่คอหนังหลายๆท่าน เรียกได้ว่าเติบโตขึ้นมาพร้อมๆกับการเจิดจรัสของเฉินหลงบนเส้นทางนักแสดงเลยก็ว่าได้
เฉินหลงเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของคุณพ่อ เฉิน จื้อผิง และคุณแม่ เฉิน ลี่ลี่ ตอนเกิดเขาทำให้แม่ต้องเจ็บปวด และเกือบที่เขาจะไม่ได้ออกมาลืมตาดูโลก
เพราะเขามีขนาดตัวที่ใหญ่มาก และอยู่ในครรภ์ของแม่นานเกือบ 12 เดือน ซึ่งมากกว่าอายุครรภ์ของคนท้องแบบปกติ นับเป็นโชคดีแรกที่เขา และแม่ผ่านการคลอดมาได้อย่างปลอดภัย
เดิมครอบครัวอาศัยอยู่เมืองจีนแผ่นดินใหญ่ แต่จำเป็นต้องหนีออกมาอยู่ฮ่องกงสมัยสงครามกลางเมือง
ตอนที่เฉินหลงยังเด็กๆ พ่อแม่ตั้งชื่อเล่นให้อย่างน่ารักน่าเอ็นดูว่า “เพ่าเพ่า” หรือ “ลูกระเบิด” เพราะชอบนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเบาะ
1
เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ซึ่งความแร้นแค้นอัตคัด ทำให้เขาเกือบกำพร้าตั้งแต่เด็กๆ
1
หลังถูกพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้าขายให้กับหมออังกฤษในราคาเพียงแค่ 26 เหรียญ แต่สุดท้ายแล้วพ่อแม่ของเขาก็ได้ล้มเลิกความคิดนั้นในเวลาต่อมา
นับเป็นโชคครั้งสองที่เฉินหลงไม่ต้องพลัดพรากความอบอุ่นจากผู้เป็นพ่อแม่แท้ๆไป
พ่อของเฉินหลงทำงานเป็น “พ่อครัว” แม่ทำงานเป็น “แม่บ้าน” ให้กับเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสในฮ่องกง
ซึ่งเฉินหลงเองก็เติบโตมาในสถานทูต เมื่ออายุถึงเกณฑ์ได้ 7 ขวบ พ่อก็ส่งเขาเข้าโรงเรียนอุปรากรจีน
โดยที่ตัวของพ่อกับแม่นั้นต้องไปทำงานเป็นพ่อครัวกับแม่บ้านที่สถานทูตในออสเตรเลีย และที่โรงเรียนนี้เองที่ทำให้เฉินหลงได้เรียนรู้ชีวิตที่โดดเดี่ยวตั้งแต่ยังเด็ก
1
ซึ่งมันทำให้เขาต้องมีความอดทนสูง เพราะต้องห่างครอบครัวเป็นเวลานาน และชีวิตการเป็นอยู่ก็ไม่ได้ดีนัก
1
เขาต้องตื่นเพื่อเตรียมตัวมาเรียนตอนฟ้าสางตั้งแต่ตี 5 และกว่าจะเลิกก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน
อาหารการกินก็กินเพียงเพื่อให้อยู่รอดไม่อดอยากเท่านั้น แต่เฉินหลงก็ได้เรียนรู้วิชาศิลปะการต่อสู้ กายกรรม ดนตรี และการแสดงมาไม่น้อย
และที่นั่นเองก็ทำให้เฉินหลงได้พบเพื่อนร่วมสาบานอย่าง หงจินเป่า และ หยวนเปียว
2
เมื่อครั้งที่เฉินหลงอายุ 9 ขวบ เขาได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตอยู่ในเยาวราช กรุงเทพฯ ถึง 2 ปี
เฉินหลงอาศัยอยู่หลังโรงงิ้วเก่า ทำให้เขาได้ใช้เวลาในช่วงนี้เรียนมวยไทย โดยมีคุณลุงแก่ๆขาเป๋ คอยสอนมวยไทยให้
จนกระทั่ง 11 ขวบ เขาก็ได้ลาจากเมืองไทย ดังนั้นเฉินหลงจึงมีความผูกพันธ์กับคนไทยค่อนข้างมาก
แทบทุกครั้งที่ประเทศไทยประสบภัยพิบัติร้ายแรง เฉินหลงจะเป็นผู้ที่บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับความเดือดร้อนเสมอมา ทั้งที่เปิดเผยต่อสาธารณะชน และเป็นการส่วนตัว
เฉินหลงเรียนจบเมื่ออายุ 17 ปี เขาได้ไปสมัครเข้าร่วมทีมสตันท์ในวงการหนังฮ่องกง ซึ่งอยู่ในช่วงที่ บรู๊ซ ลี ยังมีชีวิตอยู่
แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี บรู๊ซ ลี ก็ได้เสียชีวิตลงนั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยน ที่ทำให้เฉินหลงต้องตกงานเพราะวงการหนังกังฟูฮ่องกง กำลังเข้าสู่ช่วงตกต่ำอย่างหนักหลังการจากไปของ บรู๊ซ ลี
เดชะบุญที่ความสามารถของเขาเกิดไปสะดุดตาผู้สร้างหนังอย่าง หลอเหว่ย ผู้กำกับหนัง Fist of Fury (ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง)
โดยเขาต้องการปั้นดารากังฟูขึ้นมาแทนบรู๊ซ ลี ที่ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ เฉินหลงได้แสดงหนังในตอนนั้นทั้งหมด 10 เรื่อง
ในช่วงตั้งแต่ปี 1976-1978 อาทิเช่น มังกรหนุ่มคะนองเลือด ,ไอ้หนุ่มหมัดคัน,ไอ้ดาวหางจอมเพชรฆาต,นางพญาหลั่งเลือดสะท้านภพ,ไอ้หนุ่มหมัดทะเล้น,ศึกมันทะลุฟ้าฯลฯ
โดยทั้งหมดนี้ไม่ประสบความสำเร็จเลยแม้แต่เรื่องเดียว แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาสูญเสียกำลังใจไปหมดเสียทีเดียว
แม้จะไม่หมดกำลังใจ แต่สภาวะความเครียดก็ได้กัดกินชีวิต และกระทบต่อสภาพจิตใจของเขาไม่น้อยในช่วงนั้น และเป็นสาเหตุทำให้เขากลายเป็นคน 2 บุคลิก ด้านหนึ่งก็ปกติเหมือนคนธรรมดา แต่ในอีกมุมมันคือด้านมืดของเขา
1
แม้จะต้องแบกรับความกดดัน และความเครียดที่ถาโถมเข้ามา เขายังยืนยันจะสู้ในเส้นทางนี้ต่อ โดยขีดเขียนลิขิตชีวิตตัวเองขึ้นมาใหม่อย่างไม่ย่อท้อทีละนิด
หลังจากที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ในที่สุด เฉินหลง ก็เจียระไนตัวเองให้กลายเป็นนักแสดงบู๊ และผู้กับกับภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลกในเวลาต่อมา
เฉินหลง ในช่วงวัยห้าวแสดงคู่กับ บรู๊ซ ลี นักบู๊จอมเก๋า
เส้นทางสู่ความสำเร็จเริ่มจุดประกายขึ้นในปี 1978 หลังจากที่เล่นหนังเจ๋งไป 10 เรื่อง เมื่อเฉินหลงนำแสดงหนังให้กับ Seasonal Film เรื่อง ไอ้หนุ่มพันมือ
ทำให้ชื่อของเฉินหลง กลายเป็นดาราดังเพียงช่วงข้ามคืน เพราะสามารถทำเงินอย่างมหาศาลในฮ่องกง
จากนั้นเฉินหลงก็ได้นำแสดงในเรื่อง ไอ้หนุ่มหมัดเมา หนังที่ส่งให้เฉินหลงกลายเป็นซูเปอร์สตาร์เต็มตัว
1
ซึ่งไม่เพียงแต่จะประสบความสำเร็จดังเป็นพลุแตกในฮ่องกงเท่านั้น แต่ยังประสบความสำเร็จทั่วเอเชียอีกด้วย
เฉินหลงประสบความสำเร็จ และก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในระดับทวีป ในหนังตำรวจร่วมสมัยอย่าง Police Story หรือ วิ่งสู้ฟัด
โดยเรื่องนี้ทำให้เฉินหลงได้รับรางวัลม้าทองคำ (ตุ๊กตาทองฮ่องกง) ถึง 2 รางวัล คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ ออกแบบฉากต่อสู้ยอดเยี่ยม
จากนั้นเฉินหลงก็แสดงหนังในฮ่องกงหลายเรื่องตลอดมาเรื่อยๆ เช่น ใหญ่สั่งมาเกิด ,วิ่งสู้ฟัด2 ฯลฯ ซึ่งเป็นใบเบิกทางให้ เฉินหลง หรือ แจ็คกี้ ชาน ได้มีโอกาสก้าวเข้าสู่วงการ Hollywood อย่างเต็มภาคภูมิ
หลังจากนั้นเฉินหลงก็มีผลงานออกมาเรื่อยๆหลังจากเริ่มมีชื่อเสียงในระดับโลก อาทิเช่น Crime Story วิ่งสู้ฟัด ภาคพิเศษ นับเป็นหนึ่งในหนังที่ถือว่าเครียดที่สุดสำหรับเฉินหลง
นอกจากนี้หนังเรื่อง Rumble in the Bronx ใหญ่ฟัดโลก ได้กลายเป็นหนังเรื่องแรกของเฉินหลงที่ติดอันดับ 1 บ็อกซ์ออฟฟิศของอเมริกา
และหนัง Rush Hour คู่ใหญ่ฟัดเต็มสปีด คือ หนังที่ทำให้เฉินหลงกลายเป็นดารา Hollywood ที่เจิดจรัสเต็มตัว พร้อมกับการรับบทเป็นผู้กำกับภาพยนตร์มากขึ้น
เราจะเห็นได้ว่านอกจากความสามารถในการแสดงของเฉินหลงแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราควรเรียนรู้จากเฉินหลง คือ ทั้งในชีวิตจริง และการแสดง ของเฉินหลง
สิ่งหนึ่งที่เขามี และชัดเจนมากๆคือความอดทน และความพยายามที่ไม่ย่อท้อ แม้จะล้มเหลวมานับสิบๆครั้ง เขาก็ยังกลับขึ้นมายืนได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เฉินหลงก้าวไปสู่ความสำเร็จในระดับโลก
ข้อมูลอ้างอิงโดย
www.biography.com/actor/jackie-chan
http://www.manager.co.th/drama/ViewNews.aspx?NewsID=9550000154597
เรียบเรียงโดย : Inspire Story
ถ้าหากเรื่องราวนี้ ช่วยสร้างแรงบัลดาลใจ หรือ สร้างความประทับใจให้กับท่านผู้อ่าน สามารถกดแชร์ และติดตาม Inspire Story เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะครับ
8 บันทึก
92
1
15
8
92
1
15
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย