10 มิ.ย. 2019 เวลา 09:41 • ปรัชญา
เกร็ดน่าสนใจจากประวัติศาสตร์จีน
ย้อนไปช่วงค.ศ. 1956 ประเทศจีนหลังการสถาปนาอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์เป็นปีที่ 7 (ลำดับที่ 3 ตามหลังรัสเซีย มองโกเลีย) เหมาเจ๋อตุงประกาศนโยบาย “ดอกไม้ร้อยดอก บานพร้อมพรั่ง” ที่เหมือนจะเปิดโอกาสให้ปัญญาชนในประเทศ เสนอแนวคิดวิพากษ์วิจารย์นโยบายพรรคได้เต็มที่ ก่อนจะจนจบที่การ “ขยี้ทำลายดอกไม้ไป 99 ดอก (เว้นดอกไม้สีแดงพันธุ์คอมมิวนิสต์พันธุ์เดียว) ผู้คนที่คิดต่างล้วนถูกจับส่งเข้าค่ายแรงงาน
ปล่อยให้ดอกไม้ร้อยดอกบานสะพรั่ง แล้วค่อยตัดทิ้งทีเดียว
เป้าประสงค์ที่พอจะดูออกไม่ยากคือ การทำให้คนจีนภายใต้ระบอบ คิดเหมือนกันหมดทั้งประเทศ เพื่อให้ง่ายสำหรับการปกครองนั่นเอง ซึ่งทั้งหลายทั้งมวล ก็แค่จะอ้างโยงไปถึงเรื่อง 'ดอกไม้ร้อยดอก' ข้างต้น
คำนี้มีความหมายเชื่อมโยง ย้อนไปถึงช่วงเวลาโบราณที่เรียกกันว่า 'ยุคชุนชิวจ้านกว๋อ' หรือยุค Spring and Autumn and Warring State (ยุคก่อนสามก๊กไปอีก หนังสือของไทยเราเรียก “เลียดก๊ก” = หลายก๊ก) เป็นยุคที่จีนแตกแยกออกเป็นหลายแว่นแคว้น มีผู้ปกครองต่างหาก ก่อนการรวมชาติจีนโดยจิ๋นซีฮ่องเต้แห่งแคว้นฉิน
ยุคที่จีนแบ่งออกเป็นหลายแว่นแคว้น (ขอบคุณรูปจาก wikipedia)
ในยุคสมัยนี้ ความคิดทางด้านปรัชญา การเมือง การปกครองอันหลากหลายได้ถือกำเนิดขึ้นมา เช่น ลัทธิขงจื้อ เม่งจื้อ เต๋า ม่อจื้อ หลักนิติรัฐของหานเฟย พิชัยสงครามซุนวู ฯลฯ จะเปรียบไปก็คล้ายการเบ่งบานทางความคิดของฝากฝั่งนครรัฐกรีก ที่ผลิตนักคิดนักปราชญ์ออกมามากมาย อีกทั้งเรื่องเล่าตำนานบางเรื่องก็ขึ้นหิ้ง classic ใช้สั่งสอนเตือนสติคนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดี
เรื่องดังๆ ก็เช่น เรื่องความขัดแย้งระหว่างแคว้นเยว่กับอู๋ โดยผู้ปกครองแคว้นเยว่ คือ โกวเจี้ยน ได้แพ้สงครามแก่เจ้าของแคว้นอู๋ คือ ฟูไช ซึ่งตัวโกวเจี้ยนและเมียเอง ต้องถูกต้อนไปเป็นเหมือนข้าทาสบริวารให้แก่ฟูไช
ทุกวันตัวโกวเจี้ยนได้แต่เก็บความแค้นคลั่งไว้ในอก คอยย้ำเตือนตนเองเรื่องความเจ็บปวดของการพ่ายแพ้อยู่ทุกวี่ทุกวัน โดยการ “หนุนฟืนต่างหมอนและลิ้มเลียดีขม” เพื่อไม่ให้ความขมขื่นลำเค็ญนี้ลบเลือนไป แต่ภายนอกก็เฝ้าทน แม้กระทั่งตอนเจ้าแคว้นป่วย ถึงกับยอมชิมอุจจาระของฟูไช (หนึ่งในวิธีวินิจฉัยโรคของสมัยนู้น) โดยไม่ปริปากบ่น
หนุนฟืนต่างหมอน ลิ้มชิมดีขม
ภายหลัง ฟูไชไว้ใจโกวเจี้ยนมากขึ้น ก็เลยได้รับโอกาสให้กลับไปสู่แว่นแคว้นของตนเอง แต่อย่างว่า ความแค้นไหนเลยจะเลือนหาย สุดท้ายโกวเจี้ยนก็ใช้กลยุทธสาวงามล่มเมือง ส่งไซซีให้ไปล่อลวงฟูไช จนสุดท้ายก็เป็นผล ทำให้บ้านเมืองแตกแยก เพราะผู้นำมัวแต่หลงสาวงามจนไม่สนใจงานบ้านงานเมือง และในที่สุดโกวเจี้ยนก็ยกทัพมาแก้แค้นพิชิตแคว้นอู๋ได้ในที่สุด
ไซซี หนึ่งในสี่ยอดหญิงงามจีน
พูดถึงไซซี ก็นับเป็นหนึ่งในสี่ยอดหญิงงามของจีน ที่มีความสวยระดับ “ปลาจมน้ำเพราะลืมว่าย นกตกจากฟ้าเพราะลืมกระพือปีก ดอกไม้อายจนลืมบาน แม้ตัวนางจะอ้วนจะซูบเพียงไรก็ยังงามเท่าเดิม แม้เจ็บปวดใบหน้าก็ยิ่งสวยขึ้นไปอีก” ง่ายๆ ก็เหมือนหน้าจะใส่แอพ 360 ไว้ทำสวยตลอดยังไงยังงั้น
เรื่องราวในยุคนี้มีที่น่าสนใจอีกมาย ไว้เรียบเรียงมาเล่ากันใหม่ครับ
โฆษณา