11 มิ.ย. 2019 เวลา 12:34 • การศึกษา
อามินเป็นชาวยูกันดา เกิดราวปี พ.ศ 2468
เขาเติบโตมาในครอบครัวของแม่เพราะพ่อทิ้งไปตั้งแต่ยังเล็ก
ว่ากันว่าเขานิยมความรุนแรงตั้งแต่ยังเด็ก
เมื่อจบโรงเรียนอามินได้เข้าไปสมัครเป็นทหารในสังกัดกองทัพอาณานิคมบริเตน เพราะในสมัยนั้นยูกันดายังเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักรอยู่
เมื่อเข้ารับราชการในกองทัพเขาก็ได้สร้างผลงานอย่างแข็งขันและไต่เต้าจนได้ยศพันตรี ในปี พ.ศ. 2504 ดำรงตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการกองทัพ
ถัดมาหนึ่งปีให้หลัง สหราชอาณาจักรก็ได้มอบเอกราชคืนแก่ยูกันดา
อีดี อามิน
มิลตัน โอบาเต ได้รับเลือกให้เป็นนายยกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศ เขาได้แต่งตั้งให้ อีดี อามิน นายทหารมากฝีมือดำรงตำแหน่งทหารอารักขา
ต่อมาทั้งคู่มีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบขนส่งงาช้างและทองคำจากคองโกเข้ามายังยูกันดาอย่างผิดกฎหมาย
มิลตัน โอเบเต
อยู่ไปอยู่มาความร้าวฉานระหว่างทั้งคู่ก็เกิดขึ้น รอยร้าวรุนแรงถึงขั้นที่ อีดี อามิน พยายามสังหารโอเบเต จนในที่สุดโอเบเตต้องเข้ามาควบคุมกองทัพด้วยตัวเอง ทำให้อำนาจของอามินลดลงอย่างมาก และโอเบเตยังวางแผนจับกุมอามินในข้อหายักยอกเงินของกองทัพ
เมื่ออามินรู้เข้าเขาจึงได้ตัดสินใจยึดอำนาจในปี พ.ศ 2514 ขณะที่โอเบเตกำลังเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเครือจักรภพแห่งชาติ ณ ประเทศสิงคโปร์
อีดีอามินขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีและผู้บัญชาการทหารสูงสุด เขาได้ให้คำมั่นแก่ประชาชนว่าจะลาออกจากตำแหน่งหลังจากจัดการเลือกตั้ง
ส่วนโอเบเตได้ลี้ภัยไปแทนซาเนียพร้อมกับผู้สนับสนุนเขาจำนวนหนึ่ง
อามินได้เปลี่ยนทำเนียบให้กลายเป็นกองบัญชาการ
วันหนึ่งเขาได้เรียกประชุมทหารระดับสูงของประเทศ ด้วยกลัวว่าเผ่าอื่นจะไม่เคารพตน เมื่อพวกเขามาถึงอามินจึงจัดการสังหารหมู่ทหารระดับสูงเหล่านั้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นเผ่าแลนจีและอาโชลี และตั้งพวกของตนที่เป็นเผ่าแคกวาเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งบางคนก็เป็นคนขับแท็กซี่ บางคนเป็นพนักงานล้างจาน
ลือกันว่า อามินได้ตัดหัวนายพลสุไลมาน ฮุสเซน ไปแช่แข็งไว้แล้วนำมากินในงานเลี้ยงที่คฤหาสน์หรูของตน
ในระหว่างที่เป็นประธานาธิบดีอามินได้มีการสังหารคนที่ภักดีต่ออดีตนายกโอบาเตเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเผ่าแลนจีและอาโชลี
การบริหารบ้านเมืองที่ไร้ประสิทธิภาพบวกกับ การใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยทำให้เงินของรัฐบาลเริ่มร่อยหรอ อามินจึงได้จัดตั้งองค์การสืบศพโดยการให้ทหารจับคนมาฆ่าแล้วเก็บศพไว้ในห้องเย็น เมื่อคนในครอบครัวหายไปญาติต้องมาติดต่อองค์การนี้เพื่อช่วยค้นหา ค่าตอบแทนศพละ150 ปอนด์ ศพที่ไม่มีญาติมาติดต่อจะถูกโยนทิ้งเป็นอาหารของจระเข้
วันหนึ่งอามินได้ประกาศสงครามเศรฐกิจ โดยการยึดทรัพย์สินของชาวเอเชียและยุโรปราว8หมื่นคน
มีการบังคับให้คนเอเชียราว6หมื่นคนออกนอกประเทศภายใน90วันและห้ามนำทรัพย์สินติดตัวไป อามินได้ยึดโรงงานของพวกเขาแล้วยกให้พวกพ้อง แต่การบริหารโดยพวกพ้องของอามินโรงงานเหล่านั้นก็ล้มเหลวจนต้องปิดตัวไป
อามินไม่พอใจที่แทนซาเนียให้ที่ลี้ภัยแก่ โอเบเต ทำให้เกิดสงครามขึ้นในปี พ.ศ 2521 กองทหารของอามินเข้าโจมตีและบุกยึดเมืองคาเกลาของแทนซาเนีย
ทางการแทนซาเนียตอบโต้ด้วยการต้อนรับผู้ลี้ภัยจากยูกันดาจนมากพอที่จะก่อตั้งกองกำลังปลดแอกยูกันดาได้
สงครามยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องกองทัพแทนซาเนียโต้กลับกองทัพของอามินจนต้องถอยกลับ
ด้วยความช่วยเหลือของชาวยูกันดาเองและความอ่อนหัดของทหารที่ไม่ได้รับการฝึกฝน กองทัพแทนซาเนียบุกเข้ามายังยูกันดาจนสามารถเคลื่อนพลมาถึงกรุงกัมปาลาเมืองหลวงได้สำเร็จ
จนท้ายที่สุดอามินต้องลี้ภัยไปยังประเทศลิเบีย ถือเป็นการสิ้นสุดความโหดร้ายป่าเถื่อนของอีดี อามิน
ภาพวาดล้อเลียนอีดี อามิน
ในปี พ.ศ 2546 อามินในวัย80ปีเสียชีวิตด้วยโรคความดันโลหิตสูงและไตวาย
มีการคาดการกันว่ามีผู้เสียชีวิตจากการสังหารหมู่ของอามินถึง5แสนคน
และ
ตลอดชั่วชีวิตของอามิน
เขาไม่เคยได้รับโทษใดๆจากความผิดของเขาเลย
อ้างอิง : กิตติ โล่เพชรัตน์
ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ -- กรุงเทพ : ก้าวแรก, 2560
โฆษณา