เรื่องของ คาปา ตอนที่ 1
1943 บนเครื่องบิน ดาโกต้า ของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา
“จริงหรือที่คุณเป็นพลเรือน” ทหารคนหนึ่งถาม ช่างภาพที่ขึ้นเครื่องมาเพื่อถ่ายภาพพวกเขาที่กำลังจะกระโดดร่มสู่สนามรบของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในอิตาลี ใช่ ช่างภาพตอบ ทหารหนุ่มเงียบไปเกือบสิบห้านาที่ ก่อนจะถามต่อ “นั่นหมายความว่าคุณมีอิสระมีสิทธิที่จะเลือกว่าไปหรือไม่ไป” ใช่ถ้าคุณรู้ก่อน ช่างภาพตอบเรียบๆ (ในขณะที่ ช่างภาพสงครามที่เป็นทหารต้องทำตามคำสั่งไม่มีสิทธิเลือกที่ไปหรือไม่ไป) หลังจากนิ่งไปเล็กน้อยทหารคนนั้นถามต่อ “ถ้าต้องการคุณสามารถบินกลับสหรัฐในคืนนี้ได้เลยใช่ไหม” เขาตอบว่าก็พอเป็นไปได้
ทหารคนนั้นยังถามต่อว่าเขาได้รับค่าจ้างเท่าไร เขาโกหกไปว่าพันเหรียญต่อเดือน จากนั้นทหารคนนั้นก็เงียบไปนาน จนเมื่อไฟสีเขียวเตรียมให้กระโดดร่มสว่างขึ้น ทหารคนนั้นลุกไปเข้าแถวเตรียมกระโดด ก่อนที่เขาจะลอยลงสู่สนามรบ เขาหันมาบอกช่างภาพว่า “ผมไม่ชอบงานของคุณเลย มันอันตรายเกินไป”
บนเครื่องบินที่มุ่งหน้ากลับฐานในอังกฤษเหลือเพียง โรเบิตร์ คาปา(Robert Capa) เป็นผู้โดยสาร ช่างภาพผู้ที่สร้างชื่อเสียงจากการกระโดดเข้าสู่ใจกลางของเหตุกาณ์ต่างๆเพื่อให้เข้าใกล้สุดเพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุด แต่ครั้งนี้เขากลับถูกสั่งให้นั้งติดกับเก้าอี้ไม้ของเครื่องดาโกต้าแทนที่จะได้ลอยลงไปในความมืดกับเหล่าทหารเพื่อที่จะได้เล่าเรื่องของคนหนุ่มเหล่านั้น
ในวันที่อากาศแจ่มใสของเดือนกันยายนปี 1936 เฟอริโก โบเรล กาเซียร์ (Federico Borrel Garcia)ถูกบันทึกภาพเป็นครั้งสุดท้ายที่คอร์โดบาร์ สเปน โดยช่างภาพหนุ่มเชื้อสายฮังการี่ผู้เรียกตัวเองว่า คาปา ในขณะที่เขาและกลุ่มทหาร สาธารณรัฐกำลังวิ่งเข้าโจมตีข้าศึก ในนาทีที่กระสุนปะทะร่าง เฟนริโก ช่างภาพหันกลับไปกดชัตเตอร์ ในเสี้ยววินาที ก่อนที่จะกลิ้งหลบกระสุนปืนกล แล้วเคลื่อนต่อไป
ภาพที่ช่างภาพเสี่ยงชีวิตถ่ายภาพ ถูกเรียกว่า “ The Falling soldier” เมื่อตีพิมพ์ในหน้ากลางของนิตยสาร Life ทำให้เขากลายเป็นผู้ที่นำเรื่องราวของสงครามกลางเมืองในสเปนมาเสริฟถึงหน้าบ้านชาวอเมริกัน
ด้วยความศรัทธาในความเท่าเทียมกันของมนุษย์ คาปา นักสังคมนิยมหนุ่ม ผู้เคยถูกจับเข้าคุกเพราะต่อต้านรัฐเด็จการ ทหารในฮังการี่ เดินทางมาสู่สงครามกลางเมืองสเปนพร้อม เกรดา ทาโร คนรัก เพื่อเล่าเรื่องการต่อสู้ของพี่น้องกรรมมาชีพและเสรีชนกับเผด็จการฟรังโก ภาพจากสงครามที่ถ่ายภายใต้ แนวคิดที่ว่า “เมื่อภาพของคุณยังดีไม่พอ นั่นก็เพราะคุณยังเข้าใกล้มันไม่พอ” ตีพิมพ์ในนิตยสารทั่วโลก ทำให้เขากลายเป็นคนดังในที่สุด คาปาในฐานะช่างภาพนักเล่าเรื่องไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นกลางแต่อย่างไร เขาสนับสนุนอย่างเปิดเผยต่อแนวคิดสังคมนิยมเสรีและต่อต้านเผด็จการที่กำลังมีอำนาจแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆในยุโรป ภาพของเขาเล่าเรื่องในทุกมิติของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นแนวหน้า หรือแนวหลัง ภาพความตายของทหารแนวหน้า ภาพของผู้คนที่หวาดกลัวการทิ้งระเบิดของของฝูงบินอีแร้งจากนาซีเยอรมันในแนวหลัง หรือการรวมมือร่วมใจกันต่อสู้อย่างสิ้นหวังในบาเซโลน่า และจุดจบของเสรีชน ที่พ่ายแพ้ต่อความแข็งแกร่งของเผด็จการ
เขาออกจากสนามรบในสเปนอย่างคนมีชื่อเสียง ที่อย่างน้อยมันก็ช่วยปกปิดความเศร้าที่ได้เห็นชัยชนะของเผด็จการและการสูญเสียคนรักในสงคราม แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงเดินทางทั่วโลกเพื่อเล่าเรื่องการต่อสู้และความขัดแย้งของมนุษย์ ราวกับว่าเขาจะแยกชีวิตออกจากใจกลางของเรื่องราวที่เขาจะเล่าผ่านภาพถ่ายไม่ได้เสียแล้ว
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
