12 มิ.ย. 2019 เวลา 12:05 • ประวัติศาสตร์
เรื่องของ คาปา
ตอนที่ 2
what the hell he doing here? หลายๆคนคงคิดแบบนี้ เมื่อเห็นชายหนุ่มในเครื่องแบบสีเขียวแต่ไม่ได้ถืออาวุธใดๆนอกจากกล้องถ่ายภาพขนาด 35 มม. วิ่งไปมา เขาวิ่งตามทหาร บันทึกภาพคนแล้วคนเหล่าบางครั้งก็หันกลับมาถ่ายภาพ ผู้คนที่กำลังพยายามเอาชีวิตรอดจาก การระดมยิง อย่างหนักหน่วง ในตอนเช้าตรู่ของวันที่ขมุกขมัว บนหาดทรายละเอียด ที่ชายฝั่ง นอร์มังดี ผรั่งเศส ในวันที่ 6 มิถุนายน ปี 1944
คาปาเป็นนักพนัน เมื่อเขาได้รับอณุญาติให้เขาไปบันทึกภาพ การบุกครั้งใหญ่เพื่อที่จะทวงคืนยุโรปจาก นาซีเยอรมัน เขาตัดสินใจอย่างไม่ลังเลว่าจะไปพร้อมกับทหารกลุ่มแรกที่จะยกพลขึ้นบก แม้ว่าสิ่งที่ใช้ในการเดิมพันจะเป็นชีวิตของเขาก็ตาม อย่างไรก็ตามความเป็นนักพนันอย่างเดียวคงไม่พอ ความเกลียดชังเผด็จการ ฟาสซิส และเขาอยากจะทำให้ฮิตเลอร์เห็นว่า บรรดาชาวนาหนุ่มจากโอไฮโอหรือคนงานในบรุคลิน ผู้ซึ่งได้รับการดูถูกว่าเป็นทหารเกฑณ์ชาวบ้านจากนาซี จะเข้ามาปราบกองทหารมืออาชีพของฮิตเลอร์ได้
ด้วยมือที่สั่นเทา เขาพยายามจะใส่ฟิลม์ ในกล้องคอนแทกซ์ตัวที่สอง นายทหารที่เคยนั้งกินเหล้าด้วยกันสองสามวันก่อนตะโกน ว่าเขาเห็นแม่ของเขาถือใบประกันชีวิตโบกไปมา อย่างเสียขวัญแต่ทุกคนก็วิ่งไปข้างหน้า คนตายและบาดเจ็บเกลื่อนทั่วหาด เพราะว่ามือที่เปียกและสั่นเขาได้ทำลายฟิลม์ไปหนึ่งม้วน การเสียฟิลม์ไปเปล่าๆเป็นสิ่งที่แย่มากๆสำหรับช่างภาพที่อยู่ใจกลางของเหตุการณ์ เขาวิ่งไปที่เรือลำเลียงพลที่เคลื่อนเข้ามารับผู้บาดเจ็บ เพื่อจะหาที่แห้งๆใส่ฟิลม์ม้วนใหม่ แต่เมื่อเขานั้งลงข้างๆเครื่องเรือ ทุกอย่างก็มืดไป เขาพบตัวเองอีกทีในเปลของเรือพยาบาล มีป้ายหมดสติจากความล้า ติดที่ตัว กล้องและกระเป๋ายังวางอยู่ข้างๆ ในวันถัดมาเขากับนายทหารรถถังนายหนึ่ง หนีจากเรือพยาบาลกลับสู่สนามรบด้วยกัน
แม้ว่าเขารอดจากวันที่สามพันชีวิตต้องจากไปแต่ภาพที่เขาถ่ายเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทั้งหมด106ภาพ เสียหายจากการความร้อนในการทำให้ฟิลม์แห้งเหลือเพียง 11ภาพ และเพราะว่าเขาเป็นเพียงช่างภาพคนเดียวที่ลงไปพร้อมกับทหาร ทำให้11ภาพนั้นกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ในที่สุด
คาปาเป็นคนที่เชื่อเสมอในเรื่องความเป็นมนุษย์ เขากระโดดเข้าใจกลางของสงครามเพื่อจะได้เห็นความเป็นมนุษย์ที่แท้ไม่ว่าจะเป็นด้านที่ดีงามและกล้าหาญพอๆกับการได้เป็นพยานของป่าเถื่อนและโหดร้ายของความเกลียดชังกันผ่านช่องมองภาพ นำเรื่องราวเหล่านั้นมาเล่าให้โลกได้รับรู้แม้ว่ามันจะเป็นเสียงที่แผ่วเบาก็ตาม
เขาเหยียบกับระเบิดเสียชีวิต ที่ไทบิง เวียดนามในสงครามปลดปล่อยเวียดนามจากฝรั่งเศส ในปี 1954 ร่างของเขาถูกส่งมาในลังกระสุนปืนใหญ่ ก่อนจะถูกฝังลงในสุสานของครอบครัว ในนิวยอร์ค อย่างเงียบๆเป็นการปิดฉากชีวิตของช่างภาพ เจ้าของวลี "If your photographs aren't good enough, you're not close enough."
โฆษณา