13 มิ.ย. 2019 เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
เจ้าคุณจอมมารดาแพ พระภรรยาที่รัชกาลที่ 5 ทรง “จีบ”
2
เมื่อพูดถึง “เจ้าชีวิต” ซึ่งหมายถึงองค์พระมหากษัตริย์ไทย หากมีพระประสงค์สิ่งใด ย่อมต้องได้อยู่แล้ว
“เจ้าชีวิต” พระองค์หนึ่งที่สำคัญของไทยคือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
รัชกาลที่ 5 ขณะทรงดํารงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ไม่ค่อยมีคนทราบว่าพระองค์เคยมีความรีกพระราชทานให้กับสตรีผู้หนึ่ง
สตรีผู้นั้นคือคุณแพ ภายหลังคือเจ้าคุณจอมมารดาแพและโปรดให้สถาปนาเป็น “เจ้าคุณพระประยูรวงศ์”
1
คุณแพ เป็นธิดาของเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วอน บุนนาค) เกิดจากท่านผู้หญิงอิ่ม ท่านได้ถวายตัวเข้ารับราชการเมื่ออายุ 13 ปี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระองค์ท่านทรงโปรดให้อยู่ในพระอุปการะของพระองค์เจ้าหญิงโสมาวดี พระราชธิดา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์มีพระชนมายุได้ 15 พรรษา ต้องเสด็จออกจากพระราชสํานักฝ่ายในตามประเพณีวัง จึงยังไม่มีโอกาสรู้จักคุณแพ
5
ครั้งแรกที่สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ทรงได้พบคุณแพ คือเมื่อคราวคุณแพตามเสด็จพระองค์เจ้าหญิงโสมาวดีชมละครที่วังหน้า เล่ากันว่า พระองค์ทรงพอพระทัยคุณแพแต่แรกทอดพระเนตรเห็น ต่อจากวันนั้นก็ทรงพยายามหาโอกาสที่จะพบคุณแพอีก แม้จะยากลําบาก แต่ก็ทรงขอร้องพระองค์เจ้าหญิงโสมาวดีให้พาคุณแพออกในงานพิธีต่างๆ เพื่อจะได้ทรงเห็นหน้าคุณแพ
2
นอกจากนี้พระองค ยังทรงใช้วิธีให้พ่อสื่อเข้ามาติดต่อ พ่อสื่อของพระองค์ก็คือ พระอนุชาพระองค์น้อยของพระองค์ได้แก่ สมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ และพระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ เป็นต้นซึ่งยังทรงสามารถเข้านอกออกในพระราชสํานักฝ่ายในได้
1
สมเด็จเจ้าฟ้าภาษุรังษีสว่างวงศ์และสมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี
พระอนุชาทั้งสามพระองค์จะทรงมีรับสั่งให้เข้ามาชวนคุณแพไปที่ต่างๆ เช่นชวนไปชมมหรสพที่พระตําหนักสวนกุหลาบบ้าง ไปดูขบวนแห่ต่าง ๆ บ้าง
2
เกี่ยวกับเรื่องนี้คุณแพเล่าไว้ว่า “…พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ โปรดให้พระพี่เลี้ยงชื่อกลาง นําหีบน้ำอบฝรั่งเข้าไปประทานหีบหนึ่ง ด้วยสมัยนั้นน้ำอบฝรั่งเพิ่งมีเข้ามาขายในเมืองไทย คนกําลังชอบกันมาก หีบน้ำอบฝรั่งที่ประทานนั้นทําเป็นสองชั้น เปิดฝาออกถึงชั้นบน มีพระรูปฉายวางไว้ในนั้น เปิดถึงชั้นล่างต่อลงไปมีน้ำอบฝรั่งสองขวดกับสบู่หอมก้อนหนึ่งวางเรียงกันอยู่…”
1
ในส่วนตัวคุณแพนั้น เมื่อรู้ตัวว่าเป็นที่สนพระทัย แม้จะมิได้กล่าวออกมาก็พอจะคาดเดาได้ว่า มีทั้งความพอใจและความเขินอายตามประสาสตรีสาว แต่ความพอใจน่าจะมากกว่า เห็นได้ชัดก็ตอนที่เรื่องราวการพบปะของทั้งสองฝ่ายล่วงรู้ไปถึงผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงคือเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ เสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ผู้เป็นปู่ของคุณแพ มีคําสั่งให้ท่านผู้หญิงอิ่ม มารดารับคุณแพกลับบ้าน ก่อนที่จะจากกัน สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ทรงมีรับสั่งขอให้พระองค์เจ้าหญิงโสมาวดีช่วยเหลือให้ได้พบกันอีกครั้ง
2
เมื่อกลับไปอยู่บ้าน คุณแพก็ปฏิญาณกับตัวเองว่า จะไม่ขอมีชายอื่นเป็นอันขาด แม้ผู้ใหญ่บังคับให้แต่งงาน ก็จะหนีมาอยู่กับสมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์
1
ทางด้านสมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ ก็น่าจะเรียกได้ว่าทรงมีโอกาสพบความทุกข์เกี่ยวกับความรักเป็นครั้งแรกในพระชนมชีพ ชาววังที่รู้เห็นเหตุการณ์ครั้งนั้นเล่ากันว่า “พอเจ้าคุณพระประยูรวงศ์ต้องกลับไป อยู่บ้านก็เฝ้าแต่ทรงเศร้าโศก ไม่เป็นอันจะเสวยหรือเข้าเฝ้าแหน….”
1
แต่พระองค์ก็ทรงได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าจอมมารดาเที่ยง เจ้าจอมคนโปรดในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ซึ่งรับอาสาที่จะนําเรื่องขึ้นกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ก็ทรงมีพระเมตตา ตรัสขอคุณแพต่อเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์
1
เจ้าจอมมารดาเที่ยง
ความรักของหนุ่มสาวจึงกลับสู่ความสดชื่นราบรื่นอีกครั้ง สามารถติดต่อส่งของถึงกันและกันโดยไม่มีใครคอยห้ามปราม คงรอคอยการกลับจากราชการของเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ บิดาคุณแพเพื่อจะได้ทําพิธีสมรส
ในพิธีส่งตัวไปยังพระตําหนักสวนกุหลาบซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ เป็นเวลา 20 นาฬิกา คุณแพพรรณนาถึงบรรยากาศและความรู้สึกครั้งนั้นว่า “เดินออกไปทางประตูราชสําราญ เหมือนกับกระบวนแห่พระนเรศวร พระนารายณ์ มีคนถือเทียนนําหน้า และถือคบรายสองข้าง มีคนตามหลังเป็นพวกใหญ่ พวกชาววังก็พากันมานั่งดูแน่นทั้งสองข้างทาง อายจนแทบจะเดินไม่ได้”
เมื่อหม่อมแพจะคลอดพระหน่อนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดพระราชทานพระตําหนักสวนนันทอุทยานริมคลองมอญ ฝั่งธนบุรี ให้เป็นสถานที่สําหรับคลอดพระหน่อ
ณ พระตําหนักใหม่นี้ ทั้งคู่มีกิจวัตรที่วัตรปฏิบัติเยี่ยงเดียวกับสามีภรรยาสามัญชน คือเวลาเช้า สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์จะเสด็จลงเรือข้ามฟากมาทรงปฏิบัติราชการในพระบรมมหาราชวัง และเสด็จข้ามฟากกลับพระตําหนักเวลาเย็น ยิ่งเมื่อพระองค์ทรงมีพระธิดาพระองค์แรกแล้ว ชีวิตครอบครัวก็ยิ่งสมบูรณ์
จนพ.ศ.2411 วิถีชีวิตของทั้งสองต้องประสบกับความเปลี่ยนแปลง เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคต สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 คุณแพจึงเปลี่ยนฐานะจากหม่อมเป็นเจ้าจอมมารดา พระธิดาเป็นพระเจ้าลูกเธอ ที่ประทับเป็นพระบรมมหาราชวัง จึงอาจกล่าวได้ว่าชีวิตคู่ผัวเดียวเมียเดียวเยี่ยงสามัญชนก็สิ้นสุดลงทันที
1
เจ้าจอมมารดาแพ ได้ปฏิบัติหน้าที่ภรรยาของสามีเป็นครั้งสุดท้าย คือการปรนนิบัติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งกําลังประชวร และประทับอยู่ ณ ห้องพระฉาก พระที่นั่งอมรินทร์ จนถึงพระราชพิธี บรมราชาภิเษก และเสด็จเข้าไปประทับในพระราชมณเฑียรฝ่ายใน
1
ก่อนที่จะพ้นหน้าที่ภรรยาคนเดียวนั้น เจ้าจอมมารดาแพได้ทูลขอพระพรจากพระราชสวามีว่า “พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ จะมีพระสนมกํานัลมากสักเท่าใด ก็จะไม่เคียดซึ้งตึงหวง และไม่ปรารถนาจะมีอํานาจว่ากล่าวบังคับบัญชาผู้หนึ่งผู้ใด ขอแต่ให้ได้สนองพระเดชพระคุณเหมือนอย่างเมื่อเสด็จอยู่พระตําหนักสวนกุหลาบเท่านั้นก็พอใจ”
1
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระเมตตา พระราชทานพรให้เป็นพิเศษหลายประการ เช่น ห้ามท้าวนางไปว่ากล่าวรบกวน สร้างพระที่นั่งเย็นเป็นที่สําราญพระอิริยาบถ และโปรดสร้างพระตําหนักใหญ่ขึ้นใหม่เฉพาะเจ้าจอมมารดาแพ
2
นอกจากความจงรักภักดีแล้ว ความรักของเจ้าจอมมารดาแพก็ได้แสดงออกอย่างชัดเจนเต็มที่ เมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต สมเด็จกรมพระยาดํารงราชานุภาพได้ตรัสเล่าว่า
“…ผู้ได้เห็นแก่ตาเขามาเล่าให้ฉันฟังว่า เมื่อท่านออกไปเฝ้าพระบรมศพที่พระมหาปราสาท สังเกตเห็นแต่หน้าท่านเกรียมกรมระทมทุกข์ ไปนั่งนิ่งอยู่ไม่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนคนอื่น แต่น้ำตาหลั่งไหลลงอาบหน้าไม่ขาดสาย สักครู่หนึ่งก็เอาผ้าเช็ดน้ำตาเสียคราวหนึ่ง แล้วน้ำตาก็ไหลลงอีก และเช็ดอีกต่อไปไม่รู้ว่ากี่ครั้งจนกระทั่งกลับ ฟังพรรณนากิริยาที่ท่านร้องไห้ ชวนให้เห็นว่าความรักของเจ้าคุณพระประยูรวงศ์ที่มีต่อพระเจ้าอยู่หัว เห็นจะตรึงแน่นอยู่ในใจลึกซึ้ง…”
2
เจ้าจอมมารดาแพมีอายุยืนยาวต่อมาและได้เลื่อนเป็นเจ้าคุณพระประยูรวงศ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แม้กระทั่งเมื่อมีอายุใกล้จะ 90 ปี รัฐบาลสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ยังขอให้ท่านเป็นผู้นําการแต่งกายสตรีให้เป็นไปตามสากลนิยม คือนุ่งสเกิร์ต ใส่รองเท้าและสวมหมวก ท่านก็ได้แต่งเป็นแบบอย่างแก่สตรีในสมัยนั้น
น่าว่าท่านได้บําเพ็ญคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต โดยเจ้าคุณจอมมารดาแพถึงแก่พิราลัยเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2486 รวมอายุ 90 ปี
โฆษณา