15 มิ.ย. 2019 เวลา 03:37 • การเมือง
จู่ๆ ราคาน้ำมันปาล์ม ก็ขึ้นราคาแบบก้าวกระโดด
 
จากราคาประมาณขวดละ 25 บาท กลายมาเป็นขวดละ 35 บาท
 
ราคาที่ขึ้นมา 10 บาท สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
 
ท่ามกลางเหตุผลที่แตกต่างกันไปจากหลายๆ ฝ่าย... จึงทำให้เกิดความสับสนว่า แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่เดิมทีราคาน้ำมันปาล์มขวด 1 ลิตร จะมีราคาอยู่ที่ราวๆ 25 - 26 บาท ซึ่งราคานี้เป็นราคาโปรโมชั่นส่งเสริมการขายของทางห้างต่างๆ
ทว่าทางกรมการค้าภายใน ก็สั่งห้ามไม่ให้มีราคาโปรโมชั่นอีกต่อไป และหากพบว่าที่ใดยังขายราคาโปรโมชั่นอยู่ จะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า พ.ศ.2562 ฐานขายสินค้าขาดทุนต่อเนื่อง
(อัปเดต - ภายหลังทางกรมฯ แจ้งว่าขอความร่วมมือเท่านั้น ไม่ได้เป็นการสั่งห้าม)
ราคาน้ำมันปาล์มขวดในห้างฯ จึงพุ่งสูงขึ้นไปถึง 34 - 36 บาทแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา
สำหรับเหตุผลของการสั่งไม่ให้มีราคาโปรโมชั่นดังกล่าว กรมการค้าภายในก็เปิดเผยว่าเพื่อช่วยเหลือ 'เกษตรกร' เนื่องจากในปี 62 นี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบตกต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี
และทางกรมฯ ก็มองว่า...
 
'หากห้างสรรพสินค้าขายน้ำมันปาล์มขวดในราคาที่ต่ำต่อเนื่อง จะยิ่งกดดันให้ราคาผลปาล์มสดและน้ำมันปาล์มดิบลดลงอีก
จะส่งผลให้เกษตรกรเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะขายผลผลิตได้ในราคาไม่คุ้มต้นทุน'
แต่ว่าการช่วยเหลือดังกล่าวจะถึงมือเกษตรจริงๆ หรือไม่ เราลองมาดูข้อมูลเหล่านี้ประกอบการพิจารณา...
ราคาปาล์มดิบ (หน้าสวน) ต่อ 1 กิโลกรัม
เดือนเมษายนปี 60 อยู่ที่ 4.15 บาท
เดือนเมษายนปี 61 อยู่ที่ 2.81 บาท
และล่าสุดเดือนเมษายนปี 62 ราคาปาล์มดิบอยู่ที่ 1.91 บาท
ขณะที่ต้นทุนการผลิต (ปลูก) ไม่ว่าจะเป็นค่าปุ๋ย ค่ายาและอื่นๆ อยู่ที่ราวๆ 3.70 บาทต่อ 1 กิโลกรัม
ดังนั้นไม่ว่ามองมุมไหนชาวสวนก็ขาดทุนตั้งแต่เริ่มปลูกต้นกล้าแล้ว ประมาณเกือบ 2 บาท
ถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วสาเหตุอะไรที่ทำให้ราคาปาล์มตกต่ำลงถึงเพียงนี้
ต้องขออธิบายว่าจริงๆ แล้วสาเหตุที่ทำให้ปาล์มราคาตกต่ำมีอยู่มากมายหลายประการ แต่ว่าเหตุหลักๆ ที่เหล่าเกษตรพูดถึง (แกมบ่น) ก็คือเรื่อง 'การช่วยเหลือของภาครัฐ'
อย่างเช่นในกรณีของนโยบายการชดเชยราคาของภาครัฐฯ ที่บอกว่าจะให้ชาวสวนกิโลกรัมละ 3.20 บาท แต่ก็มีข้อแม้คือ
ชาวสวนจะต้องลงทะเบียนเกษตรกร และคุณภาพน้ำมันจะต้องมีตั้งแต่ 18% ขึ้นไป (มีน้ำมันอยู่ในผลปาล์ม 18% ขึ้นไป) ถ้าต่ำกว่านั้นก็ได้ราคาต่ำกว่า 2 บาทเช่นเดิม
แล้วปัญหาก็เกิดตรงนี้ เพราะว่าปาล์มส่วนใหญ่ของเกษตรจะมีคุณภาพไม่ถึง 18%
ยกตัวอย่าง...
เกษตรกรขายให้กับโรงงานที่ร่วมโครงการจำนวน 3,000 กิโลกรัม จะถูกคัดคุณภาพได้คุณภาพ 18% เพียง 1,000 กิโลกรัม
นอกจากนี้เกษตรกรยังถูกโรงงานเอาเปรียบ ด้วยการที่โรงงานรับซื้อปาล์มน้ำมันคุณภาพไม่ถึง แล้วนำไปสกัดให้ได้คุณภาพเกิน 18% และนำเบิกรับส่วนต่างเอง
จุดนี้เกษตรกรหลายคนจึงมองว่า นโยบายจากรัฐบาลที่ออกมาล้วนแต่เอื้อผลประโยชน์ให้เอกชนทั้งสิ้น
แต่นอกจากนี้ทางกรมการค้าภายในก็ยังอ้างสาเหตุที่ทำให้ปาล์มราคาตกหลายๆ สาเหตุ อาทิเช่่น
ปีนี้อากาศร้อนปาล์มจึงสุกเร็ว, สหภาพยุโรปยกเลิกการนำเข้าน้ำมันปาล์มเพื่อนำไปผลิตพลังงานชีวภาพ และอินเดียที่เป็นประเทศผู้นำเข้าปาล์มที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ลดการนำเข้าปาล์มลงด้วย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้อาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องของราคาน้ำมันปาล์มที่สูงขึ้น ว่าเป็นเพราะเหตุใด
แต่ในส่วนของเงิน 10 บาท ที่ห้างร้านต่างๆ ปรับขึ้นมานั้น ยังคงเป็นข้อถกเถียงกันว่า เงินเหล่านั้นจะถูกแบ่งสันปันส่วนไปให้กับกลุ่มใด ในระบบอุตสากรรมน้ำมันปาล์ม
และเกษตรกรจะได้รับผลประโยชน์อย่างที่ภาครัฐว่าไว้หรือไม่ ได้รับมากเพียงใด คงเป็นเรื่องที่เราต้องติดตามหลังจากนี้ต่อไปครับ...
ที่มา: เพจCatdumb News
เรียบเรียงโดย: #เหมียวจิวยี่
โฆษณา