17 มิ.ย. 2019 เวลา 13:28 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เมื่อ RPA ไล่ล่าคุณ
ปัจจุบันผมทำงานในตำแหน่ง Process Improvement ขององค์กรๆหนึ่ง (ผมไม่ได้จบ Engineer และ IT มาครับ) ซึ่งผมได้รับผิดชอบ Project ที่เรียกว่า RPA ซึ่งผมจะมาเล่าให้ทุกท่านว่า RPA คืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร
1.RPA ย่อมาจาก Robotics Process Automation เป็น Software ที่ทำงานเลียนแบบการทำงานของมนุษย์
2.ในปัจจุบันมี Software RPA หลายบริษัทมาก เช่น UiPath, NICE, Automation Anywhere, Blue Prism, Pega, Kryon, Kofax และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งตอบได้ยากมากว่าของบริษัทไหนดีกว่าบริษัทไหน ส่วนใหญ่ Vendor จะเลือก Software ที่ตัวเองถนัดมานำเสนอขาย (ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จะอยู่อินเดีย)
3.Feature หลักๆ ทำอะไรได้บ้าง เช่น การเปิดอีเมล์, การ Log in เข้าระบบต่างๆ, การคำนวณง่ายๆ, การทำ IF, THEN ที่ไม่ซับซ้อนมาก, การ Move File หรือ Folder, การ Copy หรือ Paste, การเปรียบเทียบข้อมูลใน Excel, สามารถอ่าน OCR ได้ (ภาษาไทยทำได้แต่ยังยากอยู่) แต่ละผลิตภัณฑ์จะมีวิธีการเขียนโปรแกรมต่างกัน
4.สิ่งที่ Vendor นำเสนอขายผลิตภัณฑ์ว่า User สามารถเขียนโปรแกรมได้ โดยใช้การอัด VDO วิธีการทำงานได้ แต่ในความเป็นจริง ค่อนข้างยาก คนเขียนจะต้องรู้เรื่อง Programing พอสมควรเลย
5.สามารถแบ่งประเภทของ RPA ได้ 2 ประเภท คือ
5.1 Unattended เป็น Software ที่ไม่จำเป็นต้องมีคนมาคั่นกลางระหว่างกระบวนการ สามารถให้โปรแกรมทำได้ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ
5.2 Attended เป็น Software ที่ทำคู่กับคนทำงาน ซึ่งบางกระบวนการอาจจะต้องใช้คนทำงานตัดสินใจ
อ้างอิงรูปมาจาก: https://hackernoon.com/the-difference-between-robotic-process-automation-and-artificial-intelligence-2bc3bc938d03
6.ข้อดีของการทำ RPA ที่เห็นๆ น่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งสามารถ Free up คนในงานตำแหน่งนั้น ไปทำงานที่มี Value มากขึ้นได้ และคนที่ทำงานในตำแหน่งนั้นจะต้องทำการ Reskill ตัวเอง (เรียนรู้งานอื่น) ส่วนใหญ่องค์กรก็จะคิดว่า เมื่อคนลาออกหรือเกษียณอายุ ไม่จำเป็นที่ต้องจ้างคนมาทดแทนอัตราที่ว่าง แค่ปรับคนที่สามารถทดแทนด้วย RPA ไปทำ
7.การเลือก Use Case ที่จะมาทำ RPA ควรจะเลือก Case ที่กระบวนการทำงานซ้ำๆกัน มีการตัดสินใจที่น้อย มีกฎการทำงานที่ชัดเจน มีจำนวนมากหรือมีความเสี่ยงสูง (ต้องการความถูกต้องสูง) และ เป็นกระบวนการที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว
8.ขั้นตอนการทำ RPA มีอยู่ 5 ขั้นตอน (แต่ละบริษัทอาจจะไม่เหมือนกัน)
8.1 Knowledge: ให้ความรู้เกี่ยวกับ RPA เพื่อที่จะได้เลือก Use case ที่ถูก
8.2 Discovery: ค้นหากระบวนการที่ทำ RPA ให้ได้ โดยเอา Feature หลักๆมา Match กับกระบวนการทำงาน และประเมินเวลาในการทำงาน (สามารถใช้ FTEs) เข้ามาช่วยได้
8.3 Design: ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดีขึ้นก่อนที่จะทำ RPA ไม่เช่นนั้น RPA ก็จะทำตามที่คุณสอน (ซึ่งบางกระบวนการก็ไม่จำเป็นที่ต้องทำ)
8.4 Automation: เริ่มพัฒนา RPA ก่อนหน้านี้อาจจะหา Vendor ก่อนที่จะพัฒนาจริง อาจจะให้ Vendor ทำ POC (Prove of Concept) ว่าเหมาะกับ Use case เราไหม
8.5 Adapt: มีการ Monitor การทำงานของ RPA ว่าเป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ไหม อาจจะต้องมีการปรับจูน ปัญหาที่เจอ ส่วนใหญ่ทำงานช้ากว่าคนทำงาน แต่บางทีเราอาจจะใส่ Criteria มากกว่าคนทำงานก็ได้ เพราะเห็นว่า RPA ทำ
9.ข้อแนะนำการใช้ RPA ไม่มีผลิตภัณฑ์ไหนที่ดีที่สุด แต่ละผลิตภัณฑ์มีข้อดีและข้อเสียต่างกัน แค่เลือกอันที่เหมาะกับองค์กรของเรามากที่สุด แต่ถ้าองค์กรที่ใหญ่อาจจะเลือก 2 ผลิตภัณฑ์ก็ได้ จะได้นำมาเปรียบเทียบกัน สุดท้าย การ POC เป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะซื้อผลิตภัณฑ์จริง องค์กรจะได้รู้ว่า สามารถทำ Use case ของเราได้จริง
ท่านใดมีอะไรอยากสอบถามหรืออยากแชร์สามารถแชร์ได้เลยนะครับ ผมตอบในสิ่งที่ตอบได้ครับ
อ้างอิงรูปมาจาก: https://ayehu.com/tips-for-managing-your-robotic-process-automation-control-room/
โฆษณา