18 มิ.ย. 2019 เวลา 00:02 • กีฬา
หนึ่งในวลีคลาสสิคตลอดกาลของโลกลูกหนัง คือประโยคที่ว่า “ไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสร”
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือตัวอย่างที่ชัดเจนดีในเรื่องนี้
กำลังสำคัญอย่าง พอล อินซ์, ยาป สตัม, เดวิด เบ็คแฮม, รอย คีน และ รุด ฟาน นิสเตลรอย ยังต้องโดนโละออก ถ้าหากสโมสรกำลังจะควบคุมไม่ได้
แต่ดูเหมือนทีมปีศาจแดง ยุคหลังการสละบัลลังก์ของป๋าเฟอร์กี้ จะกลายเป็นทีมที่ปล่อยให้ซูเปอร์สตาร์ ขึ้นมามีอำนาจอยู่เหนือสโมสรซะแล้ว
ต้นปี 2014 พวกเขาต้องยอมขึ้นค่าเหนื่อยให้ เวย์น รูนี่ย์ เป็นสถิติใหม่ของสโมสร ถึง 3 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์​ เพื่อกันท่าไม่ให้นักเตะที่กำลังเข้าช่วงขาลง ย้ายไปอยู่กับคู่แข่งในลีก
ซัมเมอร์ 2015 หลุยส์ ฟาน กัล ทำทุกวิถีทาง เพื่อบังคับคนหมดใจอย่าง ดาบิด เด เคอา ให้ยอมต่อสัญญาใหม่
ซึ่งแม้นายด่านสเปนจะอยู่ต่อ และกลายเป็นผู้เล่นที่สำคัญที่สุดของทีม แต่โลกก็ได้เห็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่แทบสู้ใครไม่ได้ ถ้าไม่มี เด เคอา ช่วยเอาไว้
ทีมปีศาจแดงยังเสียค่าโง่ครั้งใหญ่ กับการเอาเงินไปฟาดหัว อเล็กซิส ซานเชซ ที่อยากไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้ย้ายมาอยู่ด้วยแทน จนเกิดปัญหาเรื้อรังในทีมทั้งในและนอกสนาม
และตัวอย่างที่ชัดมากในช่วง 1 ปีมานี้ คือการที่ ปอล ป็อกบา กำลังจะกลายเป็นคนที่มีอิทธิพลที่สุดของสโมสร
จนป่านนี้ ยังไม่มีใครเชื่อว่าที่ ป็อกบา ยอมย้ายออกจาก ยูเวนตุส กลับมา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อปี 2016 เป็นเพราะหัวใจเรียกร้อง
สิ่งที่ดึงดูดเขา น่าจะเป็นผลประโยชน์ก้อนโตร่วมกับเอเยนต์ และภาพลักษณ์การเป็นซูเปอร์สตาร์มากกว่า
หลังจากย้ายกลับมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสทำตัวเป็นเซเล็บมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาทำสำเร็จ เพราะยอดฟอลโลว์อินสตาแกรมของ ป็อกบา สูงกว่าแอคเคาท์ของสโมสรเสียอีก โดยของ ป็อกบา อยู่ที่ 35.2 ล้านคน ส่วนของ แมนฯ ยูไนเต็ด มีเพียง 29.2 ล้านคนเท่านั้น
บางทีด้วยภาพลักษณ์ของ ป็อกบา ที่ยังคงเรียกเงินก้อนโตจากสปอนเซอร์ได้ คือเหตุผลหลักที่ทำให้ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ต้องการทำทุกอย่างให้เขาอยู่กับทีมต่อไป
ขณะที่เหตุผลรองลงมา ก็คือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ไม่รู้จะไปหากองกลางที่ฝีเท้าระดับเขา แถมยังอยู่ในช่วงวัยพีคได้จากไหนอีก ในสถานการณ์ที่สโมสรยังอดลุย แชมเปี้ยนส์ ลีก
อันเดร์​ เอร์เรร่า ตัดสินใจอำลาทีมไปแล้ว, เนมานย่า มาติช กำลังจะหมดสภาพ ส่วน เฟร็ด ยังปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีกไม่ได้
เด็กปั้นอย่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ก็ยังไม่พร้อมกับการเป็นตัวหลักถาวร แม้กระทั่งโอกาสลงตัวจริงให้ทีมชาติสกอตแลนด์ ก็ยังไม่สม่ำเสมอ
เมื่อเทียบกับ ป็อกบา ที่มีส่วนร่วมกับประตูถึง 22 ลูกในพรีเมียร์ลีกซีซั่นที่ผ่านมา (ยิง 13 แอสซิสต์ 9) สร้างโอกาสมากที่สุดในทีม (55 ครั้ง) และดูน่าจะเป็นคนที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูงที่สุด ยังไงก็ต้องยอมรับว่า ดาวเตะจอมเปลี่ยนทรงผม คือผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีมชุดนี้
ในวันที่ ป็อกบา มั่นใจและท็อปฟอร์ม เขาคือมิดฟิลด์ระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วง 12 นัดแรกรวมทุกรายการ ภายใต้การคุมทีมของ โซลชาร์ เขาซัดไป 9 เม็ด แอสซิสต์ไปอีก 6
แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากเขาอยู่ในช่วงขาดสมาธิและความมุ่งมั่น นี่คือหนึ่งในจุดอ่อนที่สุดของทีม...
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมของ โซลชาร์ เปลี่ยนจากฮันนีมูนเป็นฝันร้าย คือการหลุดจากเป้าหมายสำคัญ นั่นคือรักษาพื้นที่ท็อปโฟร์ และมีแชมป์ติดมือสักถ้วย
ตั้งแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียอันดับ 4 ด้วยการบุกแพ้ อาร์เซน่อล 0-2 ตามด้วยตกรอบ เอฟเอ คัพ ด้วยน้ำมือ วูล์ฟแฮมป์ตัน เมื่อกลางเดือนมีนาคม ผีแดงก็เล่นกันอย่างสะเปะสะปะ อย่างกับว่าต้องการให้ฤดูกาลรีบๆ จบเร็วๆ
15 เกมหลังสุด นับรวมทุกถ้วยที่ ป็อกบา ลงสนามให้ผีแดง เขาทำแอสซิสต์ไม่ได้สักลูก
ขณะที่ 2 ประตูที่ยิงได้ ล้วนเป็นการซัดจุดโทษล้วนๆ ในเกมเฉือนชนะ เวสต์แฮม 2-1 เมื่อวันสงกรานต์
แฟนบอลยังดูออก ว่ากองกลางวัย 26 เริ่มนับถอยหลังถึงการหาต้นสังกัดใหม่ แต่ โซลชาร์ ยังคงเข็นลงเล่นเต็มเกมทุกนัด ถ้าไม่มีปัญหาเจ็บหรือแบน
ในวันปิดฤดูกาล ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้คาบ้านต่อทีมตกชั้นอย่าง คาร์ดิฟฟ์ แบบขายขี้หน้า 0-2 แฟนบอลใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พยายามตะโกนด่านักเตะ และเรียกร้องให้กุนซือหน้าทารกขายจอมขยันอัพไอจีคนนี้ออกไปซะ
ซึ่ง ป็อกบา เอง ก็ดูท่าทางไม่แคร์เท่าไร ในเมื่อตัวเขาอยากจะชิ่งทีมจริงๆ อยู่แล้ว
ระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่โตเกียว เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาพูดกับสื่ออย่างชัดเจนว่าอยากย้าย
“สำหรับผมแล้ว คุณก็รู้ว่าผมอยู่ที่นี่มา 3 ปีในแมนเชสเตอร์ มันยอดเยี่ยม มีช่วงเวลาทั้งดีและร้าย เหมือนกับทุกคน เหมือนกับสถานที่อื่น”
 
“หลังจากทุกอย่างที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นฤดูกาลส่วนตัวของผมที่ดีที่สุด ผมคิดว่ามันคือเวลาที่ดีสำหรับผม ที่จะไปหาความท้าทายใหม่ที่อื่น”
 
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ป็อกบา มีแนวโน้มจะชิ่งหนี เพราะย้อนไปหลังจบฟุตบอลโลก 2018 เขาได้รับความสนใจจาก บาร์เซโลน่า แถมเอเยนต์อย่าง ไรโอล่า ยังติดต่อกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้ลองซื้อตัวไปอีก
สุดท้าย สโมสรปฏิเสธโอกาสที่จะขายกองกลางแชมป์โลกทุกกรณี และรั้งนักเตะให้อยู่กับทีมต่อได้
จนกระทั่งฤดูกาลผ่านไปไม่นาน ก็เกิดมหากาพย์ขัดแย้งกับ โชเซ่ มูรินโญ่...
 
แม้ผลงานของ มูรินโญ่ ในช่วงก่อนคริสต์มาสจะแย่เกินทน แต่ต้นตอของฟอร์มโหลยโท่ยที่แท้จริง คือสปิริตในทีมที่เสียไป
และ ป็อกบา ก็คือตัวปัญหาใหญ่ในห้องแต่งตัว
 
ณ​ เวลานั้น มีหลายคนออกมาบอกว่า บางที ป็อกบา คือคนที่สมควรต้องไปจากทีมไปก่อน มูรินโญ่ ด้วยซ้ำ
 
สุดท้าย พอสโมสรตัดสินใจไล่กุนซือโปรตุกีสออก ดาวเตะฝรั่งเศสก็เหมือนเสือติดปีก และโชว์ฟอร์มอย่างกับเป็นคนละคนในช่วงที่ โซลชาร์ เข้ามาแทนใหม่ๆ
 
แต่หลังจาก โซลชาร์ ได้ตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ป็อกบา คงรู้สึกว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ที่ทำให้กุนซือผู้เคยพา คาร์ดิฟฟ์ ตกชั้น มีผลงานที่มหัศจรรย์กว่าโค้ชที่เคยเป็นแชมป์ยุโรป
 
สุดท้าย เมื่อกลับมาลงสนามอีกครั้ง หลังพ้นโทษแบนจากเกมยุโรปกับ เปแอสเช เขาก็โชว์ฟอร์มย่ำแย่ต่อเนื่อง จนกระทั่งจบฤดูกาล
และจนป่านนี้ ก็ยังไม่มีความชัดเจน ว่า ปอล ป็อกบา จะเล่นให้สโมสรใด ในฤดูกาล 2019-20?
ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเริ่มต้นกลับมาซ้อมช่วงปรีซีซั่น ก่อนเดินทางไปทัวร์ออสเตรเลียและทวีปเอเชีย
 
ซึ่งมันคงไม่ดีแน่ ถ้าช่วงเวลาที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ควรได้เตรียมทีมเต็มที่สำหรับฤดูกาลใหม่ ยังเต็มไปด้วยความสงสัยว่าซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของทีม จะอยู่ต่อหรือเปล่า
 
ความล้มเหลวของทีมปีศาจแดงเมื่อฤดูกาลที่แล้ว สาเหตุหลักก็มาจากความคลุมเครือตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นนี่แหละ ที่ทำให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ทำงานยาก
 
โซลชาร์ จะไม่มีทางพา แมนฯ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ดีแน่ ถ้าแผนการสร้างทีมของเขายังไม่ชัดเจน ว่าจะมี ป็อกบา เป็นส่วนหนึ่งในนั้นไหม
 
ถ้าสโมสรยืนกรานว่าจะรั้งไว้ ก็ต้องแน่ใจว่านักเตะจะเป็นมืออาชีพมากพอตลอดทั้งฤดูกาล เหมือนอย่างที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยทำให้เห็นในปีสุดท้ายก่อนไป เรอัล มาดริด
 
แต่ถ้านักเตะหมดใจ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรั้งไว้ต่อ
 
เพราะไม่อย่างนั้น ผลงานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะต้องขึ้นอยู่กับฟอร์มในสนามของ ปอล ป็อกบา อยู่เรื่อยไป
 
ซึ่งเราก็เห็นกันชัดเจนแล้ว ว่า “เอาแน่เอานอนไม่ได้”
 
...ม้าโฉด
โฆษณา