20 มิ.ย. 2019 เวลา 13:09 • ปรัชญา
ในวันที่กรุงเทพฯ "หนาว" จับใจ
คงจะมีคนบอกว่า "บ้าหรือเปล่า" ถ้าผมจะเล่าว่าอยู่ดีๆ จะมีคนเมืองกรุงลุกขึ้นมาใส่เสื้อกันหนาว ใส่ผ้าพันคอ เดินกันตามท้องถนนในเวลากลางวัน
2
วันหนึ่งเมื่อราวปี 2542 จำไม่ได้แน่นอนว่าช่วงเดือนอะไร ตอนนั้นยังเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพเมืองฟ้าอมร ซึ่งปกติตอนกลางวันร้อนกว่านรกแต่ในช่วงนั้น จู่ๆ อากาศเย็นคลืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เด็กต่างจังหวัดอย่างพวกเราที่ต้องอาศัยอยู่หอพักของมหาวิทยาลัย แรกๆ ก็รู้สึกเย็นๆ กว่าปกติของอากาศกรุงเทพ (ซึ่งปกติร้อนตับแตก) เวลาอาบน้ำกันก็รีบวิ่งเข้าห้อง รีบใส่เสื้อผ้า แต่พอผ่านไปสักสองสามวันอากาศยังเย็นลงเรื่อยๆ คนอาบน้ำกันไวขึ้นชนิดวิ่งผ่านน้ำ บ้างก็ไม่อาบน้ำก็มี
ตอนเช้าของกรุงเทพมีหมอกลง มีไอน้ำพ่นออกมาจากลมหายใจได้
เฮ้ย! มันผิดปกติแล้วแบบนี้ ดีที่เราเป็นเด็กน้อยจากพื้นที่สูงจากทางเหนือ เราจึงพอต้านทานอากาศแบบนี้ได้บ้าง
แต่หันไปหาน้อง roommate ซึ่งเป็นเด็กชายร่างใหญ่ กำเนิดมาจากแดนใต้เมืองสงขลา (ซึ่งอากาศไม่เคยหนาวเลยทั้งปีทั้งชาติ)
ปกติหลังอาบน้ำเสร็จคุณน้องจะทาแป้งปิ๊กลี่ฮีทตรางู ปะพรมไปทั่วตัวและเผื่อมาให้พี่มันที่นอนอยู่เตียงข้างๆ ด้วยในทุกๆ วัน แต่ตอนนี้กระป๋องแป้งวางนิ่งไม่ขยับมาหลายวัน เจ้าของแป้งขณะนี้นอนขดตัวใต้ผ้าแพรผื่นน้อย ซึ่งปกติน้องเอาไว้ห่มขาก็แค่นั้น ไม่ได้หวังไออุ่นจากมันเท่าไหร่
แต่ตอนนี้เจ้าผ้าแพรบางเฉียบ มันคือที่พึ่งสุดท้ายของเด็กใต้คนหนึ่งที่ต้องมาประสบภัยหนาวในกรุงเทพ อ่อ ลืมถุงเท้ากีฬาเอาไว้เตะบอลอีกคู่ ที่เป็นเครื่องกันหนาวอีกชิ้นที่เค้าพอจะมีในยามนั้น
"พี่ครับ...ผมหนาว...หนาว..."
เจ้าน้องนอนครางตัวสั่นอยู่อย่างนั้นทั้งคืน ซึ่งเราก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะพี่มันอีกสองชีวิตร่วมห้องก็มีผ้าผืนไม่หนานักกันแค่คนละผืน
1
พี่ทั้งสองตกลงกันว่าจะยอมเสียสละเตารีดไอน้ำเพื่อการนี้ เราเสียบปลั๊กและเติมน้ำให้มันเดือดปุ๊ดๆ และพ่นไอน้ำอุ่นๆ ภายในห้อง เพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ เจ้าน้องคนใต้ของเราจึงพอคลายความหนาวเย็นลงไปได้บ้าง
1
เสียงอาบน้ำของห้องน้ำรวมหน้าห้อง เบาบางลงไปมาก บางคนทนไม่ไหวแอบไปกดน้ำใส่ถังจากเครื่องต้มน้ำอุ่นที่เอาไว้ชงกาแฟกับต้มมาม่าหน้าบันไดเพื่อเอาไปผสมน้ำอาบ จนเครื่องต้มพังไปหลายเครื่อง
อากาศยังหนาวเย็นอยู่อย่างนั้นอีกหลายวัน เราต้องขนเสื้อผ้าแขนยาวในตู้ออกมาใส่กันคนละสองชั้นสามชั้น ความหนาวครั้งนี้มันเกินความคาดเดาของพวกเราจริงๆ
แต่ด้วยความที่ thermoreceptor เป็นตัวรับความรู้สึกใต้ผิวหนังที่ปรับตัวได้ไวที่สุด เราจึงพอผ่านเหตุการณ์ความหนาวเย็นสุดขั้วในประเทศไทยมาได้
พอผ่านช่วงเวลาดังกล่าวมา เรากลับบ้านก็ไปขนเสื้อหนาวมาเก็บเอาไว้ แต่มันก็แทบจะไม่เคยถูกหยิบออกมาใส่อีกเลยจนเราเรียนจบ ธรรมชาติช่างกลั่นแกล้งเราเหลือเกิน
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ทุกเวลา คาดเดาไม่ได้ การปรับตัว และใช้ของที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ อาจทำให้เราพ้นวิกฤติมาได้ แล้วเรื่องราวเลวร้ายจะผ่านไปในไม่ช้า แค่อดทนและรอคอย
ปีนั้นนับเป็นปีที่หนาวเย็นที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ บางอำเภอในหัวเมืองใหญ่ๆ ของไทย บางที่อุณหภูมิลดลงไปแตะ 1-2 องศา คงไม่ต้องบอกว่าหนาวขนาดไหน ซึ่งช่วงนั้นกรุงเทพลดลงไปถึง 12 องศา นี่มันดอยอินท์ฯ ชัดๆ
นับเป็นประสบการณ์แปลกที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตหนึ่ง ทั้งหนาว ทั้งฮา ทั้งอบอุ่น และยังหวังลึกๆว่าซักวันจะมีหิมะตกเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ขอซักวันเดียวก็พอ ที่แน่ๆ ขอหิมะตกช่วงเมษาซะให้เข็ด เพราะสมัยนี้มันร้อนเกินทนซะจริงๆ
แด่ความทรงจำอันหนาวเหน็บของชายในวัยเคยหนุ่ม....^_^

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา