หลังจากนั้น เขาก็ได้พบกับสิ่งพิเศษสุดสิ่งใหม่สำหรับเขา คือ ปิงปอง เขาเล่นปิงปองจนเก่ง เล่นจนติดทีมชาติ ได้ไปจีน ได้เป็นพรีเซนเตอร์ไม้ปิงปอง เรื่องนี้ทำให้แม่ของกัมป์ภูมิใจในตัวเขาอย่างมาก เอารูปขนาดเท่าตัวจริงของเขามา ติดโชว์แขกที่มาพักที่โรงแรมของเขาเลยทีเดียว
.
ช่วงหลังกัมป์ปังมาก ออกทีวี หลังจากได้รับเหรียญจากประธานาธิปดี เขาแต่งชุดทหารเต็มยศ ออกเดินเที่ยวต่อในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ถ่ายรูปต่างๆ ที่เขาสนใจ จนกระทั่งไปจ๊ะเอ๋กลุ่มแกนนำบุปผาชน ที่ไม่ต้องการให้สหรัฐส่งทหารเข้าไปในเวียดนาม ซึ่งกลุ่มนี้ได้แต่งตัวเหมือนทหาร และก็เข้าใจผิดว่า กัมป์เป็นพวกเดียวกัน
.
พวกเขาลากกัมป์ขึ้นรถไปที่หน้าเต้นท์ที่หน้าเวทีของผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่หน้าทำเนียบขาว และหน้าอนุเสาวรีย์แห่งทหาร (ที่เป็นเสาหินสี่เหลี่ยมแหลม) และได้ให้กัมป์พูดอะไรก็ได้เกี่ยวกับสงคราม ซึ่งกัมป์ก็ได้พูดถึงความโหดร้ายที่เขาไปเจอมาที่เวียดนาม ซึ่งปรากฏว่า เครื่องขยายเสียงดันมีปัญหา จนคนที่รอฟังหลายหมื่น ไม่รู้ว่ากัมป์พูดอะไร จนตอนสุดท้ายที่กัมป์ ได้พูดถึงว่า ในสงครามนั้น คนที่เขาคิดถึงและอยากเจอมากที่สุดคือ เจนนี่
.
ซึ่งท่อนนี้เสียงได้กลับมาเป็นปกติแล้ว หลังจากที่จบประโยคนี้ลง เจนนี่ซึ่งได้ฟังคำปราศรัยของกัมป์ ก็วิ่งออกมาจากแถวนั้น แล้วตะโกนเรียกชื่อกัมป์ แล้วต่างคนต่างก็วิ่งเข้าไปหากัน และกอดกัน ซึ่งพวกแกนนำที่ได้ฟังคำปราศรัยทั้งหมด และสิ่งที่แสดงออกถึงเจนนี่นั้น ดูน่าประทับใจมาก จนพากันตะโกนออกไมค์ กล่าวชื่นชมกัมป์
.
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น พร้อมใจกับ ปรบมือ โห่ร้อง แสดงความชื่นชม ในตัวเขาเป็นอย่างมาก หลังจากนั้น กัมป์ กับ เจนนี่ ก็ได้พูดคุยกัน ถามถึงสาระทุกข์สุขดิบ ทำตัวจี๋จ๋าติดกันเป็นปาท่องโก๋
.
จนถึงเช้า เจนนี่ก็ได้บอกลากัมป์ เพราะเจนนี่ต้องไปขึ้นรถบัส ไปกับ พวกบุปฝาชนต่อ และแล้วเจนนี่ก็จากกัมป์ไปอีกเหมือนเดิม
.
ซึ่งจากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้นั้น ได้ถูกถ่ายทอดสดออกทีวี จนเป็นสาเหตุให้กัมป์ถูกปลดประจำการในตอนหลัง และหลังจากปลดประจำการ ในวันคริสต์มาส กัมป์ ก็ได้พบกับผู้หมวดแดนในร้านเหล้า ซึ่งสภาพผู้หมวดแดน ต้องอยู่ในรถเข็น หมดอาลัยตายอยากในชีวิต และได้ออฟสาวๆ มาฉลองกับกัมป์ สองคน แต่กลับกลายเป็นผู้หมวดแดนถูกสาวๆ 2 คนนั้นดูถูก รวมถึงตัวกัมป์ ที่ถูกหาว่าปัญญาอ่อน จึงทำให้ผู้หมวดแดนโกรธ ไล่ทั้งสองคนออกไป แล้วก็ได้ปรับความเข้าใจกับกัมป์ แล้วกัมป์ก็นึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับบับบ้า ว่าจะทำกิจการเรือตกกุ้งที่ "อลาบาม่า"
.
ผู้หมวดแดนซึ่งไม่สนใจอะไร ก็อยากรู้ว่ากัมป์จะทำได้จริงๆ ตามที่สัญญาไว้หรือเปล่า ก็เลยตกลงใจจะลองสู้กับกัมป์ดูสักครั้ง จึงทำให้ทั้งคู่ย้ายไปสู้ชีวิตที่ อลาบาม่า โดย กัมส์เอาเงินที่ได้จากการเป็นพรีเซนเตอร์ปิงปอง มาใช้เป็นทุนซื้อเรือจับกุ้งเก่าๆ มาลำนึง แล้วผู้หมวดแดนก็บอกให้กัมป์ตั้งชื่อเรืิอว่าอะไรก็ได้ที่เป็นสิริมงคล และชื่อแรกที่กัมป์นึกถึงซึ่งเป็นชื่อที่สวยงามที่สุดก็คือ "เจนนี่"
.
"หนังยังดำเนินไปแบบเรียบง่าย อ้อยอิ่ง"
.
โดยหลังจากทำกิจการเรือตกกุ้งมาพักใหญ่ ทั้งสองคนก็พบแต่ความว่างเปล่า แทบจะจับเงินทองอะไรไม่ได้เลย
.
แต่มีสิ่งนึงที่ทำให้กัมป์ดีใจ ก็คือจดหมายจากเจนนี่ ทำให้เค้ามีกำลังใจสู้ต่อ
.
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์นึง ที่เปลี่ยนชีวิตของการเป็นชาวประมงนักตกกุ้งของกัมป์กับผู้หมวดแดนไปตลอดกาลก็คือ วันนึงมีพายุโหมกระหน่ำเข้าใส่ชายทะเลแถบนั้น ราบเป็นหน้ากลอง เรือตกกุ้งทั้งหลายพังไม่เป็นท่าทั้งหมด ยกเว้น เรือของกัมป์ลำเดียว
.
และหลังจากวันนั้น ไม่มีวันไหนที่กัมป์กับผู้หมวดแดนจะตกกุ้งไม่ได้อีกเลย เขารวยขึ้น จนขยายกิจการเรือเพิ่มขึ้นเป็นสิบๆ ลำ
.
หลังจากนั้น กัมป์ ได้ทำตามสัญญา ที่ให้ไว้กับบับบ้า โดยยกหุ้นส่วนนึงของกิจการเรือตกกุ้ง ที่เป็นบริษัท ให้กับครอบครัวบับบ้า จนทำให้ครอบครัวบับบ้า ไม่ต้องเป็นคนรับใช้อีกต่อไป แต่กลายเป็นคนมีเงิน มีคนคอยรับใช้แทน
.
หลังจากนั้น ก็มีจดหมายด่วนถึง กัมป์ เกี่ยวกับคุณแม่ของเค้า ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคชราและจากไปอย่างสงบ ทำให้กัมป์ต้องทิ้งกิจการเรือตกกุ้ง กลับไปอยู่ที่บ้าน ส่วนผู้หมวดแดน ก็ดูแลกิจการต่อ และแนะนำให้กัมป์นำเงินบางส่วนซื้อหุ้นในบริษัทผลไม้แห่งหนึ่งเอาไว้ ซึ่งต่อมาบริษัทนั้น ก็ได้กลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ค่ายผลไม้แหว่ง)
.
สุดท้าย หนังก็ตัดกลับมา ตรงจุดแรกที่ กัมป์ นั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ และผู้ชายคนนึง ที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นมาแบบขำๆ ปนประชดว่า นี่เขานั้นนั่งอยู่ข้างมหาเศรษฐี เจ้าของบริษัทเรือตกกุ้งชื่อดังเลยเหรอ โม้หรือเปล่า และชายคนนั้นก็ลุกไป ผู้หญิงที่อยู่ถัดไปก็เลยขยับมาคุยด้วยต่อ กัมป์ ก็เลยบอกไม่เชื่อเหรอ และ กัมป์ก็เปิดกระเป๋า และหยิบนิตยสารฟอร์บ ที่มีรูป กัมป์กับผู้หมวดแดนให้ดู จนผู้หญิงคนนั้นถึงกับตกใจ ว่าตัวจริงเหรอ และนั่งฟังกัมป์เล่าเรื่องต่อไปอย่างมีอรรถรส
.
และหลังจากกลับมาอยู่บ้าน ด้วยความเหงาจับใจ คิดถึงแต่เจนนี่ วันหนึ่งสิ่งที่กัมป์ไม่นึกไม่ฝันก็มาถึง เพราะเจนนี่ได้กลับมาหาเค้า มาอยู่บ้านด้วยกัน คุยกัน ทำทุกอย่างด้วยกัน ซึ่งกัมป์ก็รู้สึกรักเจนนี่ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน ซึ่งในขณะที่เจนนี่อยู่บ้านกัมป์ ก็ได้พักคนละห้องกันตลอด แต่ เจนนี่ ก็มีหนุ่มๆ แอบมาหาบ้าง ซึ่งกัมป์เองก็รู้
.
จนกระทั่งวันหนึ่ง ทั้งคู่ได้เปิดอกคุยกัน โดยกัมป์เริ่มพูดกับเจนนี่ว่า " ถึงแม้ว่าเค้าจะเป็นคน
โง่ แต่เค้าก็รู้ว่าความรักคืออะไร"
.
และหลังจากนั้น เจนนี่กับกัมป์ ก็ได้มีอะไรกัน แต่หลังจากนั้น เจนนี่ ก็ได้หายออกจากบ้านไปอีก ทิ้งไว้เพียงจดหมายหนึ่งฉบับถึงกัมป์ พร้อมทั้งขอโทษ ที่ตัวเองไม่ได้ดีแบบที่กัมป์คิด และอยากให้กัมป์ เจอกับคนที่เหมาะสม และแล้วเจนนี่ก็จากไปจากชีวิตของกัมป์อีกครั้งนึง
.
หลังจากอยู่บ้านจนเหงา ไม่มีอะไรทำ อยู่ๆ วันนึงกัมป์ ก็เกิดอยากวิ่ง เค้าจึงได้วิ่งออกจากบ้านไปจนสุดเขตเมือง พอสุดเขตเมืองแล้วก็คิดว่าทำไม ไม่ลองวิ่งไปจนสุดเขตรัฐบ้าง แล้วเขาก็ได้วิ่งไปเรื่อยๆ เช้าจรดเย็น หิวก็กิน กินเสร็จก็วิ่ง มืดที่ไหนก็นอนที่นั้น กัมป์วิ่งไป จนสุดเขตเมือง จากเมืองนึงไปอีกเมืองนึง ไปอีกรัฐนึง เรื่อยๆ จนสุดฝั่งทวีปอเมริกา จากแปซิฟิก ไปฝั่งแอตแลนติก แล้วกลับมาอีก จนมีรายการทีวี มาถ่ายทำ ถามว่า ทำไมเขาถึงวิ่ง เพื่ออะไร อยากเรียกร้องสิ่งใดให้กับผู้คนหรือเปล่า มีแรงจูงใจอะไร ซึ่งสิ่งที่เขา ตอบก็คือ เขาแค่อยากจะวิ่ง ก็เลยวิ่ง แค่นั้น ไม่ได้มีความหมายอื่นๆ
.
เขาวิ่งไปเรื่อยๆ จากวิ่งคนเดียว ก็เริ่มมีคนวิ่งตามเขา จาก 1 คน เป็น 2 เป็น 3 เป็น 10 กลายเป็นร้อย
.
ทุกคนวิ่งตามเค้า ถึงขนาดมีผู้ชายคนนึงซึ่งกำลังท้อแท้ในชีวิต เนื่องจากกิจการขายเสื้อยืดที่เค้าลงทุนกำลังจะเจ๊ง เพราะขายไม่ออก เลยต้องการไอเดียหรือข้อความเด็ดๆ จากกัมป์ เพื่อเอาไปสกรีนขายในเสื้อยืด
.
ระหว่างนั้น มีรถบรรทุกวิ่งผ่านมา เหยียบขี้โคลน จนกระเด็นใส่ เละทั้งตัวทั้งหน้ากัมป์ ผู้ชายคนนั้นเลย ยื่นเสื้อยืดให้เค้าเช็ดที่หน้า และกัมป์ก็คืนเสื้อยืดให้เค้าไป และพูดออกมาว่า "ชีวิตคนเราก็แบบนี้แหละ"
.
ซึ่งโคลนบนเสื้อยืดที่กัมป์เช็ดออกมาเป็นลายหน้าตลกๆ และหลังจากนั้น กัมป์ก็ได้ข่าวว่า ชายคนนั้นกลายเป็นมหาเศรษฐี จากการขายเสื้อยืด รวมทั้ง คำพูดของกัมป์ ก็กลายเป็นคำยอดฮิตติดท้ายรถบรรทุกไปเสียแล้ว
.
หลังจากกัมป์ ออกวิ่งมาร่วม 3 หรือ 4 ปี วันนึงกัมป์ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ และเค้าก็หยุดวิ่ง และหันหลังกลับไปมอง เห็นคนที่วิ่งตามเค้าหยุดวิ่ง และ เค้าก็เอ่ยปาก บอกผู้ที่วิ่งตามมาว่า เค้าจะกลับบ้าน
.
บ้านที่เค้าไม่ได้กลับมานานแสนนาน และเมื่อกลับไปถึงบ้าน เขาก็ได้พบกับจดหมายจากเจนนี่ ซึ่งรอคอยเขาอยู่ ในจดหมายอยากให้กัมป์ไปหา
.
หนังตัดกลับมาที่เดิม ที่เก้าอี้ ที่กัมป์ นั่งเล่าเรื่อง และก็บอกว่า เค้ากำลังรอรถสายนึงอยู่ จะไปหาเจนนี่ ตามที่อยู่ตามนี้ ซึ่งพอผู้หญิงคนนั้น เห็นก็บอกว่า มันอยู่ห่างแค่ 2-3 บล๊อกเอง เดินไปก็ถึง จากนั้นกัมป์เลยขอตัว รีบเก็บของลงกระเป๋าและ ขอตัววิ่งออกไปในทันที
.
หลังจากถึงห้องของเจนนี่ กัมป์ก็เคาะประตู มีเด็กผู้ชายคนนึงตัวเล็กๆ เดินมาเปิดประตูให้ กัมป์ เข้าไป แล้วเด็กคนนั้น ก็กลับเข้าไปนั่งดูทีวีต่อ
.
กัมป์ได้พบกับเจนนี่ ซึ่งเจนนี่กำลังอยู่ในชุดสาวเสิร์ฟ เตรียมไปทำงาน เมื่อได้พบกัน ทั้งคู่ก็ได้กอดกัน และเจนนี่ก็เปิดรูปต่างๆ ของกัมป์ ที่เก็บไว้ในหนังสือ ที่ตัดมาจากนิตยสารบ้าง หนังสือพิมพ์ต่างๆ บ้างให้กัมป์ดู พร้อมทั้งบอกว่า เธอคอยติดตามดูกัมป์อยู่ตลอด แต่ไม่รู้จะติดต่อกัมป์ยังไง เลยได้แต่ส่งจดหมายไปที่บ้าน จนกระทั่งกัมป์มาในวันนี้
.
และ กัมป์ ก็ถามถึงเด็กผู้ชายที่ดูทีวีอยู่ว่าชื่ออะไร เจนนี่ก็บอกว่าชื่อ กัมป์ ตั้งชื่อตามพ่อของเด็ก พอได้ยินดังนั้น กัมป์ก็เลยถามว่า ลูกผมเหรอพร้อมทั้งดีใจ(ทั้งน้ำตา) แล้วก็ถามอีกว่า เค้า ฉลาดไหม (ถามด้วยสีหน้ากังวลว่า กลัวจะเป็นแบบตัวเอง) ซึ่งเจนนี่บอกว่า เค้าฉลาดมาก และก็บอกให้กัมป์ไปนั่งคุยกับลูกตามประสาพ่อลูก ส่วนเจนนี่ก็ขอตัวออกไปทำงาน พร้อมทั้งบอกลูกว่าอยู่กับน้าผู้ชายคนนี้นะ ซึ่ง กัมป์จูเนึยร์ตอบว่า ครับแม่ และกัมป์ ก็ค่อยๆ ขยับมานั่งลงข้างๆ ลูกชายของตัวเอง พร้อมทั้งค่อยๆ คุยและดูทีวีไปด้วย
.
หลังจากนั้น เจนนี่ และลูกก็ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเดิมของกัมป์ และทั้งคู่ก็ได้ตัดสินใจแต่งงานกัน โดยมีการจัดพิธีแต่งงานที่บ้านกัมป์ (ซึ่งตอนนี้ ไม่ได้ทำเป็นโรงแรมแล้วตั้งแต่แม่เสีย) โดยมีแขกมาร่วมงานมากมาย รวมทั้งผู้หมวดแดนที่เดินมาพร้อมกับแฟนสาว (โดยที่กัมป์ถึงกับตกใจและดีใจที่ผู้หมวดแดนกลับมาเดินได้ โดยผู้หมวดแดนก็ได้โชว์ ขาเทียมให้ดู) พร้อมทั้งอวยพรให้ทั้งคู่ พบแต่ความสุข และหลังจากนั้น ทั้งคู่ รวมทั้ง กัมป์จูเนียร์ ก็อยู่ด้วยกันไม่เคยห่าง แต่แล้วเวลาผ่านไป เจนนี่ ก็เริ่มป่วย ด้วยโรคจากไวรัสชนิดนึง ซึ่งรักษาไม่หาย ซึ่งหลังจากนั้นกัมป์ก็คอยเฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง จนกระทั่งวาระสุดท้ายของเจนนี่ เขาได้นำเจนนี่ ไปฝังไว้ข้างๆ แม่ของเขา ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่เป็นความทรงจำตั้งแต่เด็กๆที่ทั้งสองเคยเล่นและปีนด้วยกัน
.
บทส่งท้าย ตัดมาที่ กัมป์ จูเนียร์ เดินไปขึ้นรถ เพื่อจะไปโรงเรียนวันแรก พร้อมกับคนขับรถคนเดิม คนที่เคยรับกัมป์ขึ้นรถ เขาแนะนำตัวว่า ผมชื่อ ฟอร์เรสท์ ฟอร์เรสท์ กัมป์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ