1 ก.ค. 2019 เวลา 01:00 • ไลฟ์สไตล์
กาแฟเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
เมื่อสิ่งที่คุณต้องเสพทุกวัน ดื่มด่ำกับมันทุกวันขาดมันไม่ได้ กลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย...คุณจะทำอย่างไร?
ใจเย็นๆครับ ไม่ใช่วันนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อโบราณนานมาแล้ว เท่าที่มีการบันทึกมาเคยมีการทำให้กาแฟเป็นของต้องห้ามอยู่ห้าครั้งด้วยกัน
อะไร...ยังไง เรามาดูกัน
ค.ศ. 1511
เจ้านครเมกกะมีความเชื่อว่ากาแฟเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความกระด้างกระเดื่องต่อการปกครอง มันกระตุ้นความก้าวร้าวและสัญดารดิบของผู้คน และมีผลทำให้คนๆนั้นมีพฤติกรรมรุนแรงได้ จึงสั่งห้ามการบริโภคกาแฟอย่างสิ้นเชิง
แต่สุดท้ายเมื่อสุลต่านแห่งไคโรขึ้นครองเมืองแทน ก็ได้ยกเลิกกฎหมายข้อนั้นไป
คริสต์ศตวรรษที่ 16 (ไม่ทราบปีแน่ชัด)
คณะบาทหลวงของนครวาติกันประกาศว่า กาแฟเป็นเครื่องดื่มของปีศาจ เพราะความเชื่อที่ว่าการกาแฟคือเครื่องดื่มของคนมุสลิม และนำเข้ามาให้คนยุโรปรู้จัก
แต่ช้าก่อน...
เมื่อองค์พระสันตะปาปาคลีแมนที่แปดมีโอกาสได้ทรงทดลองดื่มแล้วพบว่ามันอร่อยมาก จึงสั่งยกเลิกข้อห้ามดังกล่าว และเพราะเห็นว่าการดื่มกาแฟก็น่าจะช่วยลดการบริโภคเครื่องดื่มมึนเมาอื่นๆให้น้อยลงด้วย หลังจากนั้นกาแฟจึงเป็นเครื่องดื่มที่แพร่หลายอย่างรวดเร็วในยุโรป
มีเรื่องเล่าขานว่า องค์พระสันตะปาปาได้ทำพิธีบัพติศมา (Baptize) รับกาแฟเข้าไว้ในศาสนาคริสต์เป็นที่เรียบร้อยด้วย
ค.ศ. 1623
เมื่อสุลต่านมูรัดที่สี่ขึ้นครองอานาจักรอ็อตโตมันในปี 1623 ใหม่ๆ พระองค์มักจะแฝงตัวเข้าไปในฝูงชน เดินตรวจตลาด ดูตามชุมชนและเงี่ยหูฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีใครนินทาพระองค์หรือไม่ และเมื่อได้ยิน(ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่เรื่องแนวลบ)จึงสั่งปิดคาเฟ่ทุกสาขาเพื่อไม่ให้มีการชุมนุมกัน พวกบุหรี่ เหล้า กาแฟก็เลยโดนลูกหลงไปด้วย โทษสูงสุดของการแอบดื่มกาแฟคือประหารชีวิต (0_0)
แต่ช้าก่อน...(อีกละ)
สุลต่านมูรัดที่สี่ไม่ใช่คนอายุยืน เมื่อสุลต่านองค์ถัดมาครองบัลลังก์ก็ทรงสั่งยกเลิกข้อห้ามดังกล่าวทั้งหมด กลิ่นกาแฟก็มาหอมตลบอบอวลทั่วเมืองอีกครั้งหนึ่ง (เช่นเดียวกับกลิ่นบุหรี่...เฮ้อ)
ค.ศ. 1746
กษัตริย์กุสตาฟที่สี่ทรงแห่งสวีเดนทรงดำริว่า ประชาชนใจปกครองของพระองค์บริโภคกาแฟกันมากเกินควร ดื่มกันไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย และอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงทรงสั่งห้ามเสีย แต่ก็มีการลักลอบดื่มกาแฟกันอยู่เนืองๆ (เนอะ! จะมาห้ามกันง่ายๆได้อย่างไร)
ในช่วงเวลาการแบนกาแฟ พระองค์ได้จัดให้มีการพิสูจน์ให้คนเห็นว่ากาแฟไม่ดีต่อสุขภาพจริงๆ โดยนำนักโทษประหารฝาแฝดมาคู่หนึ่ง แล้วลดโทษให้เป็นจำคุกตลอดชีวิต
แฝดคนแรกจะได้รับกาแฟไว้ดื่มทุกวันๆละสามหม้อ(อิจฉา) ส่วนอีกแฝดจะได้น้ำชาไปจิบสามหม้อเช่นกัน พระองค์จัดให้มีแพทย์หลวงสองคนคอยติดตามดูอาการและรายงานต่อพระองค์ทุกวัน
กษัตริย์กุสตาฟที่สี่ถูกลอบปลงพระชนม์ในปี 1792, แพทย์หลวงสองคนตายไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว, แฝดที่ดื่มชายังมีอายุอยู่จน 83 ปี แต่ขออภัยด้วยครับ ไม่มีรายงานอายุขัยของแฝดที่ดื่มกาแฟสามหม้อต่อวัน
ค.ศ. 1781
พระเจ้าเฟรดเดอร์ริคมหาราชแห่งปรัสเซียมีความรู้สึกว่ากาแฟคือเครื่องดื่มที่มีชาติตระกูล เป็นเครื่องดื่มชั้นสูง ไม่เหมาะกับคนจน แต่ผู้คนของพระองค์ต่างชมชอบกาแฟกันถ้วนหน้า มีการนำเข้ามากเสียจนปรัสเซียต้องเสียดุลการค้าเพราะไม่สามารถปลูกกาแฟได้เอง จึงทรงสั่งให้แบนหัวเหว่ย เอ้ย...ขอโทษครับ จึงทรงสั่งให้ห้ามการนำเข้ากาแฟทั้งหมด และสนับสนุนให้ประชาชนดื่มเบียร์ที่สามารถผลิตได้ในประเทศแทน
แต่ก็อยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อคนปรัสเซียออกมาประท้วงและบอกว่า พวกเขาไม่สามารถดื่มเบียร์ไปพร้อมกับอาหารเช้าได้จริงๆ
เจอกันวันถัดไปครับ
โฆษณา