7 ก.ค. 2019 เวลา 10:00
Learning Visual Diary #9: GEN Z... What, Why and How?
สวัสดีครับทุกท่าน "ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเด็กรุ่นใหม่ถึงคิดแบบนี้" คุณเคยมีคำถามแบบนี้ใหมครับ ถ้ามีก็เป็นไปได้สูงว่าคุณแก่แล้ว 😁 อย่าไปคิดมากครับ ปัญหาความไม่เข้าใจระหว่างวัยเนี้ยเป็นปัญหาระดับ Universal issues เลยครับ เรารู้สึกว่าความเห็นบางอย่างของคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ตรงกับเรา ผมเองบางครั้งก็ไม่เข้าใจน้องๆที่ทำงาน และรู้สึกว่าคงจะมีโอกาสคุยกับลูกไม่รู้เรื่องในอนาคต มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าเราถูก เด็กรุ่นใหม่ผิดที่ใจร้อน คนรุ่นเก่าก็ยึดติดคร่ำครึ แต่มันเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมตัวแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน และนี่คือเรื่องที่เราจะคุยกันวันนี้ครับ
คือมันอย่างนี้ครับ...
ทุกท่านน่าจะคุ้นเคยกับคำเรียกชื่อ Gen ต่างๆอยู่บ้างทั้ง Baby Boomers 👩‍👧‍👧, Gen X หรือ Gen Y วันนี้ผมจะพาท่านมารู้จักกับสมาชิกคนล่าสุดในครอบครัวคือ GEN Z เนื้อหาในวันนี้ผมขออ้างอิงจาก บทความจาก Mckinsey เรื่อง ‘True Gen’: Generation Z and its implications for companies ลองตามมาดูครับ
ทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับ Gen Z เหตุผลง่ายสุดๆเลย ตอนนี้ข้อมูลจาก UN บอกเราว่าปี 2016 Gen Z คิดมีจำนวนประชากรคิดเป็น 26.1% เฉพาะประเทศไทยคิดเป็น 17.7% ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลย📈ตอนนี้เป็นยุคเปลี่ยนผ่านของ Baby Boomer ที่กำลังออกจากระบบ และ Gen Z ที่กำลังเข้ามาแทนที่นะครับ ประชากรส่วนใหญ่ของไทยจริงๆก็ยังอยู่ใน Gen X และ Y แต่แน่นอนว่าบทบาทของ Z ก็ต้องเพิ่มขึ้นในด้านสังคม เศรษฐกิจและความคิด มุมมองที่เราจะคุยกันวันนี้ ก็จะเน้นการทำความเข้าใจ Gen Z หรือ Gen True ว่าที่แท้ True แล้วเป็นอย่างไรครับ
เริ่มจากทำความเข้าใจก่อนครับ ความต่างของ Gen Y และ Z ในความเห็นผมจะเข้าใจความต่างได้ก็ต้องเข้าใจที่มาครับ หรือ ชาติกำเนิดครับ...
รุ่นพ่อของ Gen Y คือ Baby Boomer ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่มี Digital มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแต่ต้น (ตอนหลัง Gen Y สอน Baby Boomer อีกทีครับ 😊)​ Baby Boomer มีความเชื่อเรื่องการทำงานหนักจะประสบความสำเร็จ Gen Y จึงเกิดมาบนชีวิตที่ดี พ่อแม่สร้าง wealth💲 จากงานหนักมาแล้ว เมื่อโตขึ้น Gen Y ก็มีแนวโน้มการศึกษาดีกว่า เข้าถึงข่าวสารข้อมูลได้มากกว่าผ่าน Internet ทำให้เกิดโลกในมโนขึ้นมาครับ 💭ว่ายุคพ่อแม่ยังสามารถสร้างตัวได้ แล้วตัว Gen Y ที่มีการศึกษาสูงกว่ามีมุมมองกว้างกว่าก็น่าจะทำได้ดีกว่านี่นา แต่ความจริงคือ ยุคที่อยู่ของ Gen Y คือยุคเศรษฐกิจตกต่ำครับ📉ผิดกับ Baby Boomer ที่อยู่ในยุคฟื้นตัวหลังสงคราม ทั้งหมดนี้ก็ทำให้ Gen Y ถูกเรียกว่า Gen ME เพราะเน้น focus ตัวเองเป็นหลัก
ขณะที่ Gen Z เป็นลูกของ Gen X ครับ สิ่งแวดล้อม​ในวัยเด็กของ Gen Z จึงต่างไป Gen X ไม่ได้มี wealth เท่า Baby Boomer เขาเกิดในยุคที่ต้องแย่งชิงทรัพยากร​กันมากกว่า เป็นยุคทุนนิยม💱โดยแท้ ทำให้ Gen Z จะเห็นโลกที่ใกล้เคียงกับความจริงมากกว่า Gen Z มีความกลมเกลื่อน​กับ digital 📱มากๆ รับรู้เรื่องและมุมมองที่แตกต่างมากมาย ทำให้ Z มีแนวโน้มที่จะพยายามหาสิ่งที่ตนเองเป็นแต่ก็มีมุมมองที่เปิดกว้างกว่า (เพราะเห็นโลกที่ใกล้ความจริงเลยไม่ค่อยมโน)​ ที่เขียนมาเนี้ยเป็นความเห็นของผมนะครับ อาจจะถูกหรือผิด คราวนี้ลองดูว่า McKinsey สรุปลักษณะของ Gen Z ยังไง
1. Undefined ID: Expressing individual truth ☝️
สิ่งที่ Gen Z ไม่ต้องการเลยคือ ความเป็น stereotype เพราะ Gen Z เชื่อว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน เขาจึงไม่ต้องการให้ใครมาตัดสินว่าควรเป็นอย่างไรมีความเชื่ออะไร ทำให้ชุดความเชื่อบางอย่างที่คนยุคก่อนมองว่าแปลกแต่ Gen Z ยอมรับได้ เช่น 60% ของ Gen Z ยอมรับการที่คู่สมรสเพศเดียวกันสามารถรับลูกบุญธรรม​มาเลี้ยงดูได้👨‍👨‍👦 (ข้อมูลวิจัยในบราซิล)​ ขณะที่ Gen อื่นยังมี %การยอมรับต่ำกว่ามาก
2. ‘Communaholic’: Connecting to different truths
จุดเด่นของ Gen Z ต่อมา คือการรวมเอาเรื่องต่างๆจากหลายๆแหล่งมาไว้ด้วยกัน เพราะความเป็น digital natives คนใน gen นี้ให้ความสำคัญกับความสำคัญแบบ on และ off line เท่าๆกัน 66% ของ Gen Z เชื่อว่าการรวมตัวทางสังคมเกิดจากความเชื่อและความสนใจที่ตรงกัน ไม่ใช่ความเหมือนกันจาดสัญชาติหรือภูมิหลัง Gen Z มองไม่ความต่างระหว่างความสัมพันธ์​แบบ On หรือ Off line ทำให้การเปิดรับความเห็น วิธีคิด เปิดกว้างขึ้นมาก
3. ‘Dialoguer’: Understanding different truths
ข้อนี้บอกว่า Gen Z มีแนวโน้มที่จะปะทะน้อยกว่า และสามารถรับฟังความเห็นต่างได้ คือ เมื่อมีความเห็นต่าง Gen Zอาจจะไม่ได้คล้อยตามแต่ก็ไม่ได้ตัดสินว่าความต่างมันผิด ตามงานวิจัยบอกว่า 57% ของ Gen X และ Y มองว่า ต้องการเปลี่ยนระบบถ้ามองว่าไม่ work แต่ Gen Z มองว่าควรเปลี่ยนแค่ 49% ส่วนที่เหลือยังยอมรับความต่างได้ถ้ามันไม่แย่ขนาดนั้น
4. ‘Realistic’: Unveiling the truth behind all things
Gen Z เป็น Digital Native​ 📱 เขาต้องการหาข้อมูลเพื่อให้แน่ใจว่าเขารู้เรื่องรอบๆตัวและสามารถควบคุมได้ ซึ่งอาจเป็นผลจากสิ่งแวดล้อม​ที่ทำให้ Gen Z มองความจริงมากกว่าโลกแบบฝันๆ อย่างที่คุยก่อนหน้านี้ Gen Z อยู่ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ดีมาก เห็นรุ่นพ่อแม่ (Gen X) ทำงานแข่งขันสูง ทำให้ Gen Z มองว่าอยากได้ความมั่นคงมากกว่า ขณะที่ Gen Y อยากเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ แต่ Gen Z อาจมองหางานบริษัทที่มั่นคงกว่า
คำถามสุดท้ายที่เราจะหาคำตอบกันคือ แล้ว Brand ควรทำอะไรเพื่อ match กับ Gen Z
1. Consumption re-signified: From possession to access เรื่องนี้สำคัญและน่าสนใจ Gen Z ไม่ได้ให้ value กับความเป็นเจ้าของมากนัก แต่ต้องการเข้าถึงสินค้าและบริการ ทำให้เขามองว่าสินค้ากับบริการเป็นสิ่งที่ใกล้กันมาก มองว่าการได้ใช้สินค้าคือบริการที่ได้รับ เป็นต้น Brand ก็อาจจะต้องพิจารณาการพัฒนาสินค้าให้กลายเป็น platform เช่น บริษัทผลิตรถยนต์อาจมองว่าผลิตรถเพื่อขาย บริษัทก็จะได้ income หนึ่งครั้ง แต่ถ้าทำรถเพื่อทำ car sharing 🚙อาจจะได้รายได้เป็นพันๆครั้ง🚙🚗 เป็นต้น
2. Consumption as an expression of individual identity ตามงานวิจัย บอกว่ามากกว่า 40% ยอมจ่ายมากขึ้นเพื่อการทำ Customize❤️ สินค้าหรือบริการ แต่ก็มีความย้อนแย้งครับ คือ Gen Z กลับไม่ชอบสินค้าที่มีการ classified ไว้ก่อน เช่น เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิง เพราะ Gen Z รู้สึกว่าตัวตนของเขาถูก label 🏷 อีกประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับหัวข้อนี้ คือการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งก็ย้อนแย่งอีกแล้วครับ Gen Z อยากได้ personalize แต่ก็ไม่อยากเปิดเผยข้อมูล มีเพียง 10-15% เท่านั้นที่ยินยอมเปิดเผยข้อมูล
กุญแจสำคัญของการทำ personalize คือการใช้ data analytics ควบคู่กับ Omnichannel เพื่อจากข้อมูลทุก touch points เพื่อให้เข้าใจ insights ของลูกค้ามากขึ้นในมิติที่ต่างจากเดิม
3. Consumption achored ethics อีกหนึ่งแนวโน้มการบริโภคของ Gen Z คือเรื่อง ethic ซึ่งสิ่งที่สำคัญของเรื่อง ethic โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลข่าวสารมีความโปร่งใสและตรวจสอบง่าย ทำให้ Brand ไม่สามารถคิดถึงเฉพาะบริษัทตัวเองได้ แต่ต้องรวมถึง Supply Chain ด้วย
เขียนมายาวมากๆ สรุปว่า Gen Z มีความเข้าใจและไม่แปลกแยกจาก tech เลย การเข้าถึงข้อมูลทำได้ง่าย แต่ข้อมูลก็มากเกินไปอยู่ดี Gen Z อยู่ในโลกความจริงมากกว่า ว่าไปแล้วแนวโน้มเหล่านี้ก็อาจจะไม่เหมือนเดิมในอนาคต เหมือนที่ Google และ Nieslen พยายามนิยามกลุ่มใหม่คือ Gen C คือเป็นใครก็ได้ในทุก Gen ที่ไม่รู้แปลกแยกกับ tech และในอนาคตเราก็ควเจอกับ Gen ใหม่ๆอีกมากนะครับ (Gen ล่าสุดจริงๆ คือ Alpha)
ย้ำอีกทีว่า เนื้อหาวันนี้เป็นเนื้อหาที่มาจาก paper ของ Mckinsey ที่ทำการศึกษาไว้ใน Brazil 🇧🇷 อาจจะมีบางอย่างใช่หรือไม่ใช่นะครับ เมื่อมาพิจารณากับบริบทของบ้านเรา
Happy Learning
ขอบคุณครับ
ชัชฤทธิ์
โฆษณา