7 ก.ค. 2019 เวลา 13:30 • ประวัติศาสตร์
อาชญากรสมองเพชร “เปาโล เซอจิโอ” กับภารกิจปล้นธนาคาร ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาใต้....EP.2 (ตอนจบ)
1
ต่อจากตอนที่แล้ว หลังจากที่ เปาโล เซอจิโอ เปิดบริษัทจัดสวน ที่เขาได้จัดตั้งขึ้นแบบปลอมๆเพื่อใช้บังหน้าสำหรับภารกิจปล้นธนาคารกลางของบราซิล
1
ปากอุโมงค์ ที่อยู่ภายในบริษัทจัดสวน ที่เปาโล เซอจิโอ จัดตั้งขึ้นแบบปลอมๆเพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ
สาเหตุที่เขาต้องเปิดบริษัทจัดสวนใกล้ๆกับธนาคาร เปาโล เซอจิโอ รู้ดีว่าการจะขุดอุโมงค์ในเมืองที่ผู้คนพลุกพล่านมีความเสี่ยงที่จะโดนจับได้เสียก่อนที่จะลงมือปล้น
บริษัทจัดสวนแห่งนี้ จะทำให้เขาขนดินที่ขุดออกจากอุโมงค์ด้วยรถบรรทุกได้อย่างสบายใจมากขึ้น เพราะเขาสามารถอ้างได้ว่า เป็นดินที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้าที่จ้างให้บริษัทของเขาไปจัดสวนให้
1
นอกจากนี้การขนย้ายอุปกรณ์ขุดดิน เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ รวมถึงคนงานจำนวนมากที่เข้า-ออก อยู่บ่อยๆ จะไม่เป็นที่สังเกตของผู้คนละแวกนั้น
1
เพราะคนทั่วไปที่อยู่ในละแวกนั้นเข้าใจได้ว่าบริษัทจัดสวนจะต้องมีลักษณะการทำงานแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว นับได้ว่า เปาโล เซอจิโอ ทำการบ้านมาดี และอ่านเกมส์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
เบื้องหลังรั้วบริษัทรับจัดสวนที่จัดตั้งขึ้นมาปลอมๆนี้ สมุนของเซอจิโอ ได้เจาะพื้นดินลงไปลึก 13 ฟุต และขุดเป็นอุโมงค์ขนาดความกว้าง 28 นิ้ว (ประมาณ 70 เซนติเมตร) มุ่งหน้าสู่ธนาคาร ซึ่งด้านบนของอุโมงค์ก็คือถนนหลักเส้นหนึ่งของเมืองนั่นเอง
ภายในอุโมงค์ยาวกว่า 90 หลา มีการทำค้ำยันเป็นระยะ พร้อมกับเดินสายไฟเข้าไปภายในอุโมงค์ มีการติดระบบหมุนเวียนอากาศ รวมถึงติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อลดความร้อน อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆแบบจัดเต็ม
ลูกสมุนของ เซอจิโอ ขุดอุโมงค์ห่างจากธนาคารออกไปเพียงแค่สองช่วงตึกเท่านั้น การขุดดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันวันหยุดยาว เพราะธนาคารจะปิดทำการนั่นเป็นโอกาสดีที่ เซอจิโอ จะลงมือปล้น
และการจะเจาะพื้นห้องนิรภัยธนาคารก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะต้องกังวลกันแล้ว เพราะเซอจิโอ ขนอุปกรณ์ผ่านอุโมงค์มาอย่างครบครัน
ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง เช้าวันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม ปี 2005 ในช่วงสุดสัปดาห์อันเงียบสงบที่ธนาคารปิดทำการ เซอจิโอ และสมุนก็เริ่มลงมือเจาะพื้นห้องนิรภัยธนาคาร
ธนาคาร Banco Central และสภาพแวดล้อมโดยรอบ
พวกเขามั่นใจว่าเสียงอึกกะทึกจะไม่ทำให้สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณเส้นสายภายในของเซอจิโอ ที่ทำให้ระบบเตือนภัยเงียบไปดื้อๆเหมือนตั้งใจปิด แน่นอนว่ามันเป็นฝีมือคนในของธนาคารที่คอยเป็นสายให้เซอจิโอที่มาตามนัดนั่นเอง
1
เมื่อทุกอย่างราบรื่นขนาดนี้ เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อมา การเจาะพื้นห้องนิรภัยก็สำเร็จ เซอจิโอ และสมุน ลงมือรวบรวมธนบัตรไร้ตำหนิลงกระเป๋า มูลค่ามหาศาลราวๆ 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,400 ล้านบาท ตามค่าเงิน ณ ตอนนั้น)
แต่กระนั้นปริมาณธนบัตรก็นำมาซึ่งปัญหาใหม่ พวกเขาจะต้องขนธนบัตรหนัก 3.5 ตัน ผ่านอุโมงขนาดความกว้างเพียง 28 นิ้ว
ด้วยความฉลาดของทีมวิศวกรที่อ่านเกมส์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ก็เลยเตรียมระบบรอกเอาไว้ ซึ่งมันสามารถลากดึงธนบัตรได้เป็นตันๆจากธนาคารลงสู่อุโมงค์ใต้ดินความยาว 90 หลา จากนั้นลำเลียงขึ้นรถบรรทุก แล้วขับหนีออกนอกเมืองไปเลย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ เปาโล เซอจิโอ และลูกสมุน ขึ้นชื่อว่าได้ทำการปล้นแบงค์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์บราซิล และอเมริกาใต้ได้สำเร็จ สมาชิกทั้ง 36 คน แบ่งเงินกัน และแยกย้ายกันหนี้
ให้หลังจากนั้นภายในปีเดียวทางการบราซิลตามจับคนร้ายได้ 26 คน จากการพยายามฟอกเงิน และขนเงินออกจากบราซิล แต่กระนั้นเงินที่ยังขาดหายไปอีกกว่า 60 ล้านดอลลาร์ก็ไม่เคยได้กลับคืนมา
ส่วนหัวหน้าทีมที่ผู้สมรู้ร่วมคิดรู้จักในนาม เปาโล เซอจิโอ ก็หายตัวไปตลอดกาล แม้เวลาจะผ่านมานานนับสิบปีแล้ว ทางการเองก็ยอมรับว่าโอกาศที่จะตามตัวเขาได้นั้นค่อนข้างริบหรี่
นั่นทำให้ อาชญากรสมองเพชรนามว่า เปาโล เซอจิโอ ยังกลายเป็นตำนานแห่งการปล้นแบงค์ครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาใต้ไปอีกนาน
ไม่แน่ว่าชื่อหัวหน้าทีมที่ผู้สมรู้ร่วมคิดรู้จักในนาม เปาโล เซอจิโอ อาจเป็นเพียงชื่อปลอมๆที่เขาตั้งขึ้นเพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะเท่านั้น จึงทำให้การสาวไปถึงตัวเขานั่นทำได้ยาก เพราะเขาอำพรางข้อมูลส่วนตัวได้แยบยล แทบไม่ทิ้งหลักฐานสำคัญอะไรไว้เลย
ตอนนี้เขาอาจจะหลบหนีไปชุปตัวอยู่ประเทศไหนสักแห่ง พร้อมกับชื่อใหม่ เพราะเงินที่เขาได้ไปนั้น มันเพียงพอที่จะทำให้เขาปลีกวิเวกหลบหนีจากคดี และอยู่อย่างสุขสบายไปได้ทั้งชาติ
อ้างอิงโดย :
เรียบเรียงโดย : Inspire Story
ถ้าหากเรื่องราวนี้ ช่วยสร้างแรงบัลดาลใจ หรือ สร้างความน่าสนใจให้กับท่านผู้อ่าน สามารถกดแชร์ และติดตาม Inspire Story เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะครับ
โฆษณา