8 ก.ค. 2019 เวลา 11:18 • บันเทิง
ปฐมลิขิต...เรื่องเล่าผู้ชนะสิบทิศ มีทั้งหมด ๕๐ ตอน...ช่วงนี้มีเวลา ผมจะลงให้จันทร์ถึงศุกร์เลยนะครับ
บุเรงนองแห่งตองอู เปิดฉากเข้าใส่หงสาวดีแบบเต็มรูปแบบ...จะดุเด็ดแค่ไหน...เชิญเสพ
ผู้ชนะสิบทิศ ๔๐...
คราวนี้ก็มาว่าเรื่องรบกันต่อ...
บุเรงนองยกทัพที่ผสมๆกันระหว่างทหารแปรกับตองอู...ใช้เวลาเดินทางห้าวัน ทัพหน้าก็ถึงแดนหงสาวดี...
พอรู้ว่าทัพตองอูยกมาประชิด เสียงโคนสุคญี...ขุนพลรุ่นลายครามของหงสาวดี ขานี้แกจะออกแนวขี้คุยหน่อย...ก็เปิดพรีเซนเตชั่น เสนอพระเจ้าหงสาวดี...คุยลั่นห้องประชุม
เราจะตั้งรับยังโง้น จะตีตองอูกลับยังงี้ จะซ้อนแผนยังงั้น...สรุป เราชนะตองอูชัวร์ๆพระเจ้าข้า...แล้วดีไม่ดี บุเรงนองจะเป็นผีเฝ้าทุ่งหงสาวดีเลยทีเดียว...
พวกหงสาก็คุยเอง เออเอง ดีใจกันเอง...พระเจ้าสการะวุตพีก็ฝันหวานถึงชัยชนะ...แต่ว่า ถ้าจะเอาให้ชัวร์ๆ ไปขอทัพอังวะของโสหันพวามาช่วยแซนวิชซะหน่อย...มันจะอุ่นใจขึ้น
สอพินยาอาสาเลย เพราะไม่อยากอยู่สู้หน้าบุเรงนองอยู่แล้ว...เรื่องอังวะ ข้าฯไปเจรจาให้เองนะท่านพี่...
ส่วนบุเรงนองที่นำทัพหน้ามาถึง ตั้งค่ายคูเรียบร้อยแล้ว...ก็ยังไม่กล้าเปิดเกมบุกเต็มตัว เพราะยังไม่คุ้นภูมิประเทศ และรอกำลังมาสมทบให้เต็มสตีมก่อน...ระหว่างนี้ก็รำทวนโชว์จับคู่กับท่านเสียงโคนแห่งหงสาวดี...พอไม่ให้เส้นสายมันยึด...
พอรบแก้บนกันมาได้ยี่สิบกว่าวัน กองกำลังใหญ่ของตองอูนำโดยจาเลงกะโบก็ยกมาสมทบ...บุเรงนองก็เตรียมเข้าโจมตีเต็มรูปแบบ...
ถึงตรงนี้ หงสาวดีมีความเข้าใจผิดในกลศึกของตองอูหลายข้อด้วยกัน...จนนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ฉิบหายในบั้นปลาย...
ข้อแรก...สอพินยากลับมาจากอังวะ แจ้งว่าอังวะจะไม่ยกทัพมาหงสาวดีเพื่อรบกระหนาบตองอูให้...แต่ทัพอังวะจะยกไปยึดตองอูเองเลย เพราะเชื่อว่าที่บ้านตองอูไม่มีใครเฝ้า...ยึดได้แล้วค่อยมาช่วยทางหงสา...
ซึ่งตรงนี้ก็ไปเข้าแผนที่บุเรงนองวางไว้ตั้งแต่แรก...
ต่อเนื่องมาในข้อที่สอง...ทัพที่จาเลงกะโบยกมา...หงสาวดีก็ไปเข้าใจผิดไปว่าเป็นตะเบงชะเวตี้ยกมาเอง ก็เลยยิ่งเชื่อมั่นว่า...ตองอูไม่มีตัวนายเจ๋งๆคุมอยู่...ยังงี้อังวะต้องยึดได้แน่ๆ...
ด้วยความเข้าใจผิดนี้...ท่านเสียงโคน ขุนพลตกยุค...ก็เลยฝันหวานถึงชัยชนะ สั่งเปิดคลังเลี้ยงฉลองชัยชนะล่วงหน้าเลย...เมากันให้เต็มที่เลยพี่น้อง...
พอเมาได้ที่ ท่านเสียงโคนก็เริ่มคุยโอ่...ด้วยการสรรเสริญบุเรงนองก่อน...
ไอ้หนุ่มคนนี้แม่งพรั่งพร้อมว่ะ ทั้งแผนการศึก ทั้งการจับอาวุธเข้ารบในสนามรบ...ดูซิ มันมากรายทวนกับกูอยู่ยี่สิบกว่าวัน แม่งเล่นไม่ใส่เกราะป้องกันตัวเลยสักชิ้น...โคตรเท่เลยว่ะ
แล้วด้วยสถานภาพของบุเรงนอง...เป็นลูกเขยพระเจ้าแปร พระเจ้าแปรเองก็แก่แล้วลูกชายก็ไม่มี...พระเจ้าแปรองค์ต่อไปจะเป็นใครเสีย...ถ้าไม่ใช่บุเรงนอง...
แล้วที่ตองอูล่ะ...ไอ้หนุ่มคนนี้ก็ใหญ่โตเบ้อเริ่มเทิ่ม เป็นถึงพี่เขยพระเจ้าตองอู ส่วนตะคะญีนั้นเป็นขุนพลก็จริง แต่เรื่องการบังคับบัญชาทหาร ก็อยู่ในมือบุเรงนองทั้งน้านนน...แล้วพูดก็พูดเถอะนะ...ถ้าไม่นับความเป็นกษัตริย์...ระหว่างบุเรงนองกับตะเบงชะเวตี้...คิดว่าทหารรักนับถือใครมากกว่ากัน...ข้าฯเองเป็นศัตรูกับบุเรงนอง ก็ยังอดนิยมชมชอบมันไม่ได้เลย...
แล้วท่านเสียงโคนขี้โม้ก็สรุปหักมุมแบบคนฟังหลังหักกันเป็นแถบ...
...แต่น่าเสียดายว่ะ...ไอ้หนุ่มอนาคตไกลอย่างบุเรงนอง ต้องมาทิ้งชีวิตไว้ที่หงสาวดีคราวนี้...ด้วยน้ำมือของข้าฯ...
...โหยยยย...จุดพลุสิคร้าบบบ ท่านเสียงโคนคุยซะขนาดนี้แล้ว...
สอพินยากับไขลูนั่งฟังเสียงโคนสรรเสริญบุเรงนองขนาดนี้...ก็ถึงกับขี้หูเต้น...
เสนอท่านเสียงโคนว่า...กำจัดบุเรงนองไม่ยากเลย พรุ่งนี้ท่านก็ท้าบุเรงนองออกรบเหมือนเดิม...มันชอบไม่ใส่เกราะมาใช่มั้ย เดี๋ยวข้าจะลอบเอาธนูยิงมันเลย...ไม่รอดแน่...
เสียงโคนพิโรธ ให้กล้วยทันที...กูรบของกูมาดีๆแมนๆมีศักดิ์ศรี มึงจะมาใช้แผนลอบกัดเชี่ยๆอีกแล้วเหรอ...นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ฝ่ายเดียวกัน กูจะท้ามึงขึ้นม้าประลองทวนกันซักยกซิ ว่าไอ้พวกชอบลอบกัดน่ะเก่งซักแค่ไหน...
แต่ถึงจะโดนด่าขนาดนี้...สองเตลงชั่วก็ไม่มีสำนึก...มึงไม่ท้ากูท้าเองก็ได้...ก็ปลอมจดหมายของท่านเสียงโคน ไปท้าบุเรงนองให้ออกมารำทวนกันเหมือนเคย...บุเรงนองก็ตกลง พรุ่งนี้เจอกัน...
แต่พอวันรุ่งขึ้นที่สองทัพมาเจอกัน...บุเรงนองมองไปไม่เห็นเสียงโคนยืนม้าคอยรบเหมือนเคย มองไปมองมา...อ้าว ไอ้เชี่ยไขลูแม่งคุมออกมานี่หว่า...
ถึงจะโกรธที่เห็นหน้าคนฆ่าอาจารย์ แต่ก็มีสติพอสำเหนียกว่า จดหมายท้ารบลงชื่อเสียงโคน แต่กลับเป็นไขลูมารบแทน...มันน่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล...ตนเองก็ไม่ได้ห่มเกราะมาซะด้วย...ยิ่งต้องระวังตัวหนัก จากการลอบยิงด้วยธนู...
ไขลูก็เริ่มตามสันดาน...ส่งทหารเข้ามาถามบุเรงนองเลย...เฮ้ย ศพมังสินธูเผาเมื่อไหร่วะ จะส่งนักโทษชาวหงสาวดีมาบวชหน้าไฟให้ซักคน...
น่าสงสารไอ้ทหารที่ถูกส่งเข้ามาพูดจัง...เพราะพอพูดเสร็จ ก็ตัวขาดสองท่อนด้วยดาบบุเรงนอง...แล้วนายทัพที่ไม่ได้ห่มเกราะ ก็ออกคำสั่งให้กองม้า ลุยพลธนูหงสาให้เหี้ยน...
ไขลูเห็นสถานการณ์กลับกลาย บุเรงนองรู้ทันสั่งลุย จนพลธนูที่จะลอบยิงแทบจะไม่เหลือใช้งานซักกี่คน...
ปิดฉากการรบวันนั้น...แม้บุเรงนองจะโดนไปหลายแผล เนื่องด้วยประมาทไม่ใส่ถุง...เอ้อ ไม่ใช่...ไม่ใส่เกราะเข้ารบ...แต่ก็ไม่มีแผลฉกรรจ์มากนัก...
แต่ทัพหงสาวดีนี่สิ เสียเปรียบถึงกับต้องถอยแนวร่นเข้าไปตั้งรับอยู่ในเมือง...งวดต่อไปของการรบ หงสาวดีก็จะมีแต่กำแพงเมืองเป็นด่านสุดท้าย...และจะต้านทัพตองอูได้นานแค่ไหน...
ปัจฉิมลิขิต...เรื่องเล่า "ผู้ชนะสิบทิศ" ผมทำออกมาจำหน่ายเป็น pdf file แล้ว
เป็น extended version มีเนื้อหาเพิ่มขึ้นจากที่อ่านนี้ประมาณ 30-40%
สนใจติดต่อได้ที่ moncheep3@gmail.com
โฆษณา