11 ก.ค. 2019 เวลา 14:16 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
IoT ฉบับเข้าใจง่าย และเทรนด์ของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงด้วย IoT
IoT หรือ Internet of Things คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ส่งข้อมูลหรือเชื่อมต่อกันผ่านตัวกลางอย่างอินเตอร์เน็ต แนวความคิดของ IoT นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เกิดมาจาก Kevin Ashton บิดาแห่ง Internet of Things ตั้งแต่ปี 1999 Kevin ให้โลกรู้จักกับคำว่า Internet of Things ครั้งแรกในการบรรยายนึงที่มหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT โดยการที่อุปกรณ์ในอุปกรณ์นึงจะสื่อสารกันได้ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่เรียกว่า RFID (Radio frequency identification ) หรือการตรวจจับเซ็นเซอร์เป็นตัวกำหนดค่า ในขณะที่ internet เข้ามามีส่วนร่วมเป็นเหมือนการพูดคุยสื่อสารกันระหว่างอุปกรณ์นั้นๆ IoT มีชื่อเรียกนึงว่า M2M หรือ Machine to Machine
3
IoT เป็นเรื่องใกล้ตัวเราแค่ไหน?
แน่นอนว่าทุกวันนี้ เทคโนโลยีมีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างมือถือ กลายเป็นสิ่งทุกคนให้ความสนใจ เรียกว่าแทบจะขาดกันไม่ได้ IoT เป็นตัวเชื่อมระหว่างอุปกรณ์นึงไปสู่อุปกรณ์นึงและทำให้มีเรามีชีวิตประจำวันที่ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น เราสามารถออกคำสั่งผ่านมือถือให้เปิดหรือปิดระบบไฟ ระบบปรับอากาศในบ้านได้ เป็นต้น อุปกรณ์มากมายถูกผลิตขึ้นภายใต้คอนเซปนี้ ก่อให้เกิดเป็นระบบ Smart ไม่ว่าจะเป็น Smart Home, Smart Phone, Smart Device ฯลฯ
IoT ทำอะไรได้บ้าง?
1. สังเกตการณ์ (Monitor) จากที่กล่าวไปข้างต้น อุปกรณ์ใดอุปกรณ์จะสามารถทำงานบน IoT ต้องประกอบด้วย 2 สิ่ง คือเซนเซอร์และอินเตอร์เน็ต โดยที่เซ็นเซอร์ที่ทำหน้ากำหนดค่า ดูสภาพแวดล้อม สถานะการใช้งานและคอยสังเกตการณ์เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง
2. ควบคุม (Control) Software ที่ติดตั้งในอุปกรณ์หรืออยู่ในระบบ Cloud เมื่อได้รับคำสั่ง ก็ทำการควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานของอุปกรณ์นั้นให้เป็นตามคำสั่งที่ได้ หรือปรับให้เหมาะกับประสบการณ์เฉพาะของแต่ละคน (Personalization of User Experience)
3. เพิ่มประสิทธิภาพ (Optimize) นอกจากความสามารถในการสังเกตุการณ์และควบคุม IoT ยังมีส่วนในการปรับเปลี่ยนขั้นตอนการทำหรือ algorithm เพิ่มหรือลด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด รวมถึงเก็บข้อมูลและทำนายการใช้งานในอนาคตได้อีกด้วย
4. ทำงานได้อัตโนมัติ (Autonomy) จากความสามารถทั้งสามข้อข้างต้น ทำให้อุปกรณ์ในระบบ IoT นั้นสามารถทำงานด้วยตัวเองได้อย่างมีอิสระ วิเคราะห์การใช้งาน ปรับเปลี่ยนแก้ไขเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด ประสานกับอุปกรณ์อื่น และคาดการณ์การใช้งานในอนาคต
ทำไม IoT ถึงเปลี่ยนแปลงเทรนด์ของทั้งโลกได้?
IoT ถูกนำมาปรับใช้ในแทบทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็น กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าง ที่เราสามารถเปิดปิด ออกคำสั่งอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน ธุรกิจร้านอาหารที่มี Smart Parking ระบบแจ้งสถานะและจองที่จอดรถยนต์ Self-Ordering tablet ระบบสั่งอาหารด้วยตนเอง ธุรกิจรถยนต์อย่างเช่น รถยนต์ไร้คนขับ ธุรกิจทางการแพทย์อย่างระบบติดตามดูแลผู้ป่วย เป็นต้น ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจของโลกต่างหันมาสนใจในการปรับใช้ระบบ IoT เพื่อพัฒนาอุปกรณ์หรือบริการของตัวเองเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Amazon (AWS IoT)/ Google (Could IoT/ Google Home) ต่างลงมาแข่นขันกันทั้งในภาคอุตสาหกรรม เชิงพาณิชย์ หรือสมาร์ทโฮม อย่างล่าสุด Amazon ได้เข้าซื้อกิจการ Eero ผู้ผลิต Mesh Router สำหรับใช้ภายในบ้าน โดย Amazon บอกว่า Eero จะช่วยเสริมให้ลูกค้าของ Amazon สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ Smart Home ได้มากขึ้น
ทำไม Amazon ถึงทำอย่างนั้น? เพราะเขาเชื่อว่าระบบ IoT กำลังจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ คุณอาจเคยได้ยินเรื่องของ Alexa สุดยอด Voice A.I. ที่สร้างขึ้นโดย Amazon แล้ว Voice A.I. มาเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง เพราะ Alexa เป็นเหมือนสื่อกลางตัวแทนในการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ เช่น Amazon Echo เราสามารถบอกให้ Alexa หาเพลงและเล่นเพลงที่เราต้องการฟังได้ นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ Alexa ในการพูดคุยสั่งอุปกรณ์ Hardware อื่นๆ ได้ อย่างเช่น คุณบอกให้ Alexa ปิดสวิตซ์ของปลั๊กไฟใน Amazon Smart Plug หรือหากคุณมี Ring Video Doorbell คุณสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่มี Alexa เพื่อให้ Alexa บอกคุณว่ามีคนกำลังรอคุณอยู่ที่หน้าบ้าน
การใช้คำเสียงถือเป็นสัญชาติญาณของมนุษย์ ลองจิตนาการว่าถ้าหากวันนึงเราสามารถสั่งให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของเราทำงาน ด้วยการออกคำสั่งผ่านเสียง พฤติกรรมและชีวิตของเราจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน ในอนาคตอันใกล้โทรศัทพ์มือถืออาจถูก Disrupt เพราะอย่าลืมว่าการใช้งานด้วยการพิมพ์หรือการกดไม่ใช่พื้นฐานสัญชาติญาณของมนุษย์ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมบริษัทใหญ่ๆ ทั้งหลายถึงลงมาแข่งกันกันในตลาดนี้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของระบบ brand royalty อย่างเช่น ถ้าคุณมี Alexa คุณก็มีแนวโน้มที่ซื้อของที่สามารถใช้งานร่วมกับ Alexa ไม่ย้ายหรือข้ามไปใช้ผลิตภัณฑ์ของคนอื่น เพราะถ้าใครก็ตามที่สามารถเชื่อมต่อสิ่งต่างๆ เข้ากัน พวกเขาก็มีอำนาจต่อรองกับ partner หรือแม้กระทั่งผู้บริโภคนั่นเอง
1
รูปภาพประกอบจาก:
โฆษณา