Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นิทานการกิน
•
ติดตาม
10 ก.ค. 2019 เวลา 00:35 • ไลฟ์สไตล์
"ผมคงเคยทำบาปทำกรรมไว้กับควายมาก่อน" เสียงของชายตรงหน้าผมบ่นด้วยรอยยิ้ม
ผมมากิน "ข้าวหมูทอด" ที่นี่ครั้งแรกน่าจะราวๆ 6-7 ปีที่แล้ว สมัยนั้นก็มีคนมายืนรอจำนวนนึง แต่ไม่มากเหมือนสมัยที่กดโทรศัพท์ไม่กี่ครั้งก็เรียกคนให้มายืนร้อนรอแทนเราได้เหมือนสมัยนี้
ล่าสุดนี้ ผมใช้เวลาต่อแถวยืนรอไป 45 นาที ถ้วนๆ พอดี
เวลามีคนถามว่าทำไมต้องอดทนรอนานขนาดนั้น กับอีแค่ข้าวหมูทอดจานเดียว?
มันอร่อยเลิศระดับไหน?
ผมก็มักจะตอบว่าให้อธิบายเฉยๆ อาจจะไม่เข้าใจก็ได้นะ
ท่ามกลางความอบอ้าว เสียงของเจ้าของร้านก็ลอยมา
"ผมอาจจะเคยเป็นชาวนามาก่อน เป็นชาวนาที่ใช้แต่ควายไถนา"
"ว่างั้นไหมพี่?" แกเงยหน้าจากกระทะขึ้นมาถามผม และคนที่อยู่ใกล้ๆ กัน
"ควายนะพี่ เราใช้มันไถนาทุกวัน ทุกวัน เหนื่อยแค่ไหนเราก็ไม่ยอมให้มันหยุด พอมันหยุดเราก็ตี ก็เฆี่ยนมัน ให้มันทำต่อ..."
แกหยุดพูดไปพักนึงเหมือนทิ้งช่วงให้ได้คิด ก่อนจะคีบหมูลงกระทะเพิ่ม
"ควายทำงานไถนา เหนื่อยแทบตาย แต่ข้าวนี่ ควายไม่มีโอกาสได้กิน"
แกหัวเราะเหมือนเรื่องราวที่เล่ามันสดชื่นเสียเหลือเกิน
แต่คิดว่าทุกคนสัมผัสได้ว่าแกมีความสุข
ผมได้เข้าไปใกล้กระทะมากขึ้นจากคิวที่ขยับไปเรื่อยๆ
กระทะแรกหมดไป กระทะที่สองหมดตาม แต่ก็ยังไม่ถึงคิวผม
ระหว่างนั้น ผมลองแอบจับเวลา ถึงได้รู้ว่าทุกกระทะที่ผ่านมา แกจะใช้เวลาทอดหมู ใกล้เคียง 10 นาทีทุกกระทะ
นั่นหมายความว่า ทุกคนจะได้กินหมูที่ทอดมาได้ที่เหมือนๆ กัน
ก่อนถึงคิวผม มีหมูที่ทอดจากกระทะก่อนหน้าเหลืออีกนิดหน่อย แต่ไม่พอจะเป็นหนึ่งจาน
แกตะโกนเรียกพี่เมสเซนเจอร์คนนึง ที่นั่งอยู่ข้างหน้าแก
"พี่ ยื่นจานมา" แล้วพลางหั่นหมูนั่นใส่ไปให้
"กินข้าวเปล่าๆ น่าสงสารตาย กินให้หมดนะพี่ อย่าทำบาปกับชาวนากับควาย จะได้ไม่เป็นเหมือนผม"
ทุกคนแอบหัวเราะกันเบาๆ ส่วนพี่เมสเซนเจอร์คนนั้น น่าจะอร่อยในน้ำใจของแกมาก
ถึงคิวผมแล้ว
ผมสั่งข้าวหมูทอดจานพิเศษ พร้อมไข่ต้มยางมะตูมอีก 1 ฟอง แล้วก็ไม่ลืมตักเศษแป้งทอดใส่มาในจานด้วย
วันนี้ผมถือเป็นวันโชคดีของผม ที่มาทัน "พริกน้ำปลาในตำนาน"
ที่เรียกแบบนั้นเพราะว่า ส่วนใหญ่เวลาผมเห็นเค้าเทน้ำปลานี้ลงถ้วย พอถึงคิวเรามันก็จะกลายเป็นตำนานไปซะแล้ว นี่ก็แอบเสียใจมากที่ถ่ายภาพมาเบลอ
แต่ลองนึกตามดูนะครับ
คุณพึ่งจะอยู่กลางสภาพร้อนอบอ้าวมาเมื่อครู่ ยืนรอแบบนี้ไม่ว่านานแค่ไหน มันจะเกิดความรู้สึกอ่อนเพลียบ้าง
แล้วคุณก็มาเจอพริกน้ำปลาที่มีรสหวานนิดๆ เปรี้ยวด้วยมะนาว แล้วมีหอมแดงซอยรสเผ็ดเย็นลอยอยู่ในนั้น
อธิบายแบบนี้คงจะเข้าใจทันทีว่าไอ้น้ำปลานี้ มันจะขายดีขนาดไหน
ผมผ่าไข่เป็นสองซีก โรยน้ำปลาพริกที่ว่าลงไป เอาแจ่วน้ำมะขามราดไปทางหมูทอด ระหว่างราดก็มือไม้สั่นไปหมด ไม่ว่าจะเพราะอยากกินรึเพราะหิวจนจะเป็นลมไม่รู้
ข้าวธรรมดา ไม่ใช่ข้าวหอมอะไร แต่เมื่อหุงมาร้อนๆ นุ่มๆ กินเข้ากับหมูทอดที่คนทอดตั้งใจทอดอย่างตั้งใจ ตักเข้าไปผสมปนเปกันในปาก
มันลงตัวอะไรอย่างนี้
กินหมูทอดไปสักสองสามคำ หันมากินไข่แดงเยิ้มๆ ของไข่ยางมะตูม เคล้ากับพริกน้ำปลา พี่ที่มาด้วยถึงกับถามผมว่า ผมยิ้มอะไร
ผมยิ้มเพราะผมเข้าใจ
ว่าผมมายืนรอข้าวหมูทอดเพียงจานเดียวทำไม ความเข้าใจที่อธิบายให้ใครฟังได้ยาก
และมันอร่อยมากกว่าตอนที่ผมเคยสั่งผ่านแอพไปกินที่ออฟฟิศมากมาย
ทั้งที่ออฟฟิศซึ่งเปิดแอร์เย็นฉ่ำ และมีโต๊ะกินข้าวสบายๆ แต่ที่นี่มีเพียงเก้าอี้ตัวเล็กๆ ตัวนึง พร้อมผนังที่แปะโดยรอบด้วยล๊อตเตอรี่ที่ไม่ถูกรางวัล
สิ่งที่ประกอบรวมกันให้ข้าวหมูทอดจานนี้อร่อย อาจจะไม่ใช่เพียงฝีมือการปรุงอาหารของเจ้าของร้านเพียงอย่างเดียว
น้ำปลาพริกกับน้ำจิ้มที่ทำรสชาดไว้ช่วยกระตุ้นน้ำลาย หลังจากที่สภาพย่ำแย่จากอากาศร้อน
เรื่องราวของชีวิตที่แกเล่าให้ทุกคนฟังไปรอไป ด้วยความอารมณ์ดี
สุดท้าย "ความหิว" จากเวลาการรอที่เหมาะสม จะช่วยปรุงข้าวหมูทอดจานนี้ ให้เป็นอาหารที่คุ้มค่ากับการที่คุณรอคอย
"ความหิวเป็นเครื่องปรุงอาหารที่ดีที่สุดในโลก" (Miguel de Cervantes 1547-1616)
ผมกินเสร็จแล้วเอาจานไปเก็บ ได้ยินเสียงพี่เจ้าของร้านพูดกับคนที่พึ่งถึงคิวได้ข้าวหมูทอด
"กินให้มีแรง แล้วเอาแรงไปทำงานต่อนะพี่ ทนร้อนมานานแล้ว"
ผมร้อนจนหลังเปียกเหงื่อ
แต่ผมยิ้ม และมีความสุขจริงๆ
ใครอยากตามไปกิน เสิร์ชว่า "หมูทอดเมสเซนเจอร์" ก็จะเจอเอง
7 บันทึก
101
22
18
7
101
22
18
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย