26 ก.ค. 2019 เวลา 11:55 • ไลฟ์สไตล์
พฤติกรรมของมนุษย์เงินเดือน มีลักษณะอย่างหนึ่งคือ ภาวนาให้ตนเองมีรายเพิ่มขึ้น จะได้สุขสบายมีเงินเหลือเก็บบ้าง
แต่เรากลับค้นพบความจริงอยู่อย่างนึงว่า เงินเดือนเพิ่มขึ้นมาแล้ว แต่ทำไมรู้สึกเหมือนไม่เหลือเพิ่มเลย
ทั้งที่จริงแล้ว ถ้าเราเปรียบงบคนคนหนึ่งกับบริษัทๆหนึ่ง
รายได้ที่เพิ่มขึ้นมา เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เท่าเดิม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ bottom line (เงินเหลือเก็บ) ควรจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
บริษัทที่ค่าใช้จ่ายเดือนละ 20,000ล้าน ถ้ารายได้ 25,000ล้าน จะเหลือ 5,000ล้าน
ถ้าวันนึงบริษัทมีรายได้เพิ่ม20% เป็น 30,000ล้าน ในขณะค่าใช้จ่ายเท่าเดิม กำไรจะเพิ่มขึ้น 100% เท่าตัว ทันที
แต่ถ้าเป็นคนล่ะ?
รายจ่ายเดือนละ 20,000 เงินเดือน 25,000 เหลือเก็บ( bottom line ) 5,000
ถ้าวันนึงเงินเดือนเพิ่ม 20% (ขึ้นมา30,000) คุณคิดว่าเขาจะเหลือเงินเก็บเพิ่ม 100%เท่าตัวมั้ย? 😆
มนุษย์มีความ emotional มากกว่านั้น
คุณจะเข้าใจสัจจะธรรมนี้ก็ต่อเมื่อเจอเรื่องนี้ด้วยตัวเอง "เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น รายจ่ายจะเพิ่มขึ้นตามมาเอง"
ต่อให้รายได้คุณเพิ่มขึ้นมโหฬาร เป็น 4 เท่าตัวเลย
มันจะมี Lag time อยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่คุณจะรู้สึกว่าเงินมันเหลือเพิ่มขึ้นจริงๆ
ช่วงที่เงินเดือนกระโดดเพิ่ม แรกๆค่าใช้จ่ายยังคงเท่าเดิมอยู่ แต่พอผ่านไปสักพักมันจะเริ่มตามมาเอง
ช่วงแรกคุณที่ยังคงใช้ชีวิตตามเดิมอยู่
รถยังใช้คันเก่า , หอไม่ต้องเช่า ,ยังอยู่บ้านกับพ่อแม่ ไม่รู้สึกว่าเดือดร้อนอะไร
แต่พอผ่านไปสักพักนึง จิตใต้สำนึกจะเคยชินกับรายได้อันใหม่ที่เข้ามาประจำแน่นอนทุกเดือน
ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน นี่คือ กับดักชิ้นใหญ่
ต่อให้เงินเดือนสูงมากแค่ไหน 300,000 หรือ 500,000
คุณจะเริ่มรู้สึก secure ว่าเราจะมีกระแสเงินสดเท่านี้เข้าบัญชีทุกเดือน
เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ?
ความรู้สึกว่า "เราก็จ่ายได้นี่หว่า" จะเริ่มโผล่ขึ้นในหัว
จากเดิมเราเคยมองรถยนต์คันเป็นล้าน มองบ้านโตๆ บอกตัวเองใช้คันเก่าก็ดีอยู่ อยู่หอก็ดีอยู่ อาศัยบ้านญาติก็ดีอยู่แล้ว
แต่ลองเงินเดือนขึ้น 3-4 เท่า เอ้ย "เราก็จ่ายได้นี่หว่า"
รถคันเดิมจะดูเก่ากว่าปกติ หอพักจะดูแคบไปทันที 🤣
ผมอยากให้บทความนี้เกิดประโยชน์แก่เพื่อนๆ
ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้ซื้อรถหรือซื้อบ้าน หรือซื้อความสุขให้กับตัวเองในยามที่เรามีฐานะการเงินดีขึ้น
แต่ผมประสบมากับตัวเอง หากเราต้องการจะเก็บเงินให้ได้มากขึ้น เราควรจะใช้ Gap ตรงช่วงแรก ที่เงินเดือนเพิ่งปรับขึ้นใหม่ๆ พยายามเก็บจากช่วงนั้นให้ได้มากที่สุด
เก็บเงินช่วงนี้ให้ได้มากที่สุด !!!
เพราะหลังจากนั้นไปสักพัก คุณภาพชีวิตของคุณ จะเริ่มมีมาตรฐานสูงขึ้น บ้านคุณต้องหลังใหญ่ขึ้น ลูกคุณจะเรียนโรงเรียน ที่มีราคาแพงขึ้น สถานที่ท่องเที่ยวของคุณจะไกลขึ้น อาหารที่คุณกิน จะมีบรรยากาศหรูหรามากขึ้น ของที่คุณใช้จะเริ่มมีคุณภาพมากขึ้น
เพื่อนที่คุณคบ มีผลต่อภาวะการใช้จ่ายของคุณมาก เพราะถ้าคุณอยู่ในหมู่กลุ่มคนที่มีรายได้สูง คุณจะรู้สึกว่ามาตรฐานระดับคุณภาพชีวิต ของคุณคือเรื่องปกติ ไม่ได้สูงอะไร
ค่าใช้จ่ายเมื่อมันเพิ่มขึ้นแล้ว มันเอาลงได้ยากมาก มันมีแนวโน้มที่จะสูงอย่างนั้นตลอดไปหรือเพิ่มมากกว่านั้น สุดท้ายแล้วมาตรฐานการใช้เงินของมนุษย์เงินเดือน สูงๆ ก็จะค้างอยู่ที่ระดับสูงไปเรื่อยๆ
ฉะนั้นคุณไม่ต้องไปอิจฉาใครๆที่เงินเดือน เหลือกินเหลือใช้
จริงๆแล้วเขากำลังอาจจะเป็นทุกข์ที่ต้องหาเงินไปจ่ายค่าเทอมลูกเทอมละ 300,000 ซึ่งเป็นความทุกข์ในระดับเดียวกับคุณที่ต้องหาเงินไปจ่ายเทอมละ 30,000
ในทางกลับกันถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการ ที่รายได้ เยอะ แต่รู้สึกว่าไม่แน่นอน รายจ่ายของคุณอาจจะไม่เพิ่มมากเท่ากับมนุษย์เงินเดือนที่เงินเดือนสูง
สาเหตุคือเรื่องของ psychology พวกเขารู้สึก unsecured ไม่กล้าที่จะใช้เงิน เยอะๆทุกเดือน
ขอบคุณที่ติดตาม GMH Blockdit
โฆษณา