Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ภาษาและวัฒนธรรมจีน
•
ติดตาม
17 ก.ค. 2019 เวลา 16:15 • ประวัติศาสตร์
ชนเผ่ามองโกล : อนารยชนเผ่าแรกที่พิชิตแผ่นดินจีนได้
นับตั้งแต่อดีต แผ่นดินจีนทำสงครามกับอนารยชนหลายเผ่า โดยเฉพาะชนเผ่าทางเหนือที่ถูกมองเป็นภัยคุกคามร้ายแรงของแผ่นดินจีน ตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว จนถึงราชวงศ์ฉิน จึงมีบัญชาให้สร้างกำแพงยาวต่อกัน จนกลายเป็นปราการขนาดใหญ่หรือที่เราเรียกว่า กำแพงเมืองจีน แต่ว่าปราการขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นนี้ก็ไม่อาจยับยั้งความป่าเถื่อนของชนเผ่าเหล่านี้ได้
แต่วันนี้เราจะมาเล่าถึงอนารยชนเผ่าแรกที่พิชิตแผ่นดินจีนทั้งหมดได้สำเร็จ นั่นคือ เผ่ามองโกล ชนเผ่านักรบบนหลังม้าที่เกรียงไกรในช่วงปลายศตวรรคที่ 12
เตมูชิน นักรบผู้ยิ่งใหญ่ได้รวบรวมอนารยชนเผ่าต่างๆในดินแดนเหนือไว้ด้วยกัน และก่อตั้งเป็นอาณาจักรมองโกล ในปีค.ศ.1206 จากนั้นจึงสถาปนาตนเองเป็นผู้นำสูงสุดและเปลี่ยนชื่อเป็น เจงกีสข่าน
เจงกีสข่าน
ในเวลานั้น จีนอยู่ในยุคราชวงศ์ซ่ง ซึ่งก่อนหน้านั้นถูกชนเผ่าหนี่เจินยึดดินแดนตอนเหนือไปและตั้งราชวงศ์
จินขึ้น ส่วนเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์ซ่งได้อพยพลงใต้ไปตั้งเมืองหลวงใหม่ที่หลินอัน และสถาปนาขึ้นมาใหม่เป็นราชวงศ์ซ่งใต้
หลังจากที่เจงกีสข่านเสียชีวิต โอรสของเขามีชื่อว่า จอมข่านโอกาได ขึ้นปกครองแทนและได้ทำสงครามกับราชวงศ์จินหรือเผ่าหนี่เจิน
1
เขาได้วางแผนจะเดินทัพผ่านชายแดนซ่งใต้ จึงส่งราชทูตไปติดต่อกับราชวงศ์ และได้ทำข้อตกลงกัน โดยเผ่ามองโกลจะมอบดินแดนของอาณาจักรราชวงศ์
จินที่อยู่ทางใต้ของแม่น้ำเหลืองให้ราชวงศ์ซ่งเป็นสิ่งตอบแทน
1
ด้วยความช่วยเหลือจากราชวงศ์ซ่งทำให้กองทัพชนเผ่ามองโกลสามารถทำลายราชวงศ์จินลงได้สำเร็จ จากนั้นกองทัพซ่งจึงยกทัพเข้าสู่เมืองไคฟง เมืองหลวงเดิมของราชวงศ์ซ่ง แต่กลับถูกกองทัพมองโกลเข้ายึดเมืองเอาไว้ก่อนที่กองทัพซ่งจะไปถึง
1
เมื่อทราบว่าเผ่ามองโกลเปลี่ยนจากมิตรเป็นศัตรู ฝ่ายราชวงศ์ซ่งจึงระดมพลเข้าต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ด้วยการที่ทหารมองโกลไม่คุ้นเคยกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศของดินแดนตอนใต้ ทำให้ทั้งคนและม้าล้มป่วยลงเป็นอันมาก จนต้องล่าถอยกลับไป
สงครามเต็มรูปแบบของมองโกลและราชวงศ์ซ่ง เริ่มขึ้นใน ค.ศ.1235 ซึ่งในการรบกับราชวงศ์ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ยืดเยื้อและรุนแรงที่สุดเท่าที่เผ่ามองโกลเคยเผชิญมา
โดยในช่วงแรก เผ่ามองโกลได้วางแผนยกทัพเข้ามณฑลเสฉวนซึ่งถือเป็นก้าวแรกในการพิชิตดินแดนทางใต้
จากเสฉวน แต่ถ้าหากจะเข้าสู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำฉางเจียง อันเป็นที่ตั้งของเมืองหลินอัน เมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งใต้นั้นต้องผ่านเมืองเซียงหยางและฟ่านเจิงซึ่งเป็นหน้าด่านสำคัญ ซึ่งหากยึดสองเมืองนี้ได้ ก็จะเป็นการเปิดเส้นทางทางน้ำสู่เมืองหลินอัน
แต่ว่าทั้งสองเมืองมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง เพราะว่าทั้งสองเมืองตั้งอยู่คู่กันคนละฝั่งของแม่น้ำฮั่นสุ่ย ซึ่งหากเมืองหนึ่งถูกโจมตี อีกเมืองก็สามารถไปช่วยได้ทัน
ประกอบกับเวลาดังกล่าว เผ่ามองโกลยังติดพันการศึกในยุโรป จึงไม่อาจทุ่มเทกำลังมาพิชิตเมืองทั้งสองได้ จนทำให้ต้องยุติการศึกลงชั่วคราวในปี ค.ศ.1248
1
ต่อมาปี ค.ศ. 1251 หลังจากที่มองเกข่านโอรสของโตลุย พระอนุชาจอมข่านโอกาไดขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้ส่งกองทัพเข้ารุกรานตะวันออกกลางและจัดกองทัพอีกกองเข้าตีราชวงศ์ซ่ง
โดยครั้งนี้มองเกข่านทรงมีบัญชาให้ องค์ชายกุบไล พระอนุชาของพระองค์นำทัพเข้ายึดแคว้นต้าหลี่ เพื่อใช้เป็นที่มั่นสำหรับเข้าตีเมืองหลวงราชวงศ์ซ่ง
3
กองทัพมองโกลพิชิตต้าหลี่ได้ใน ค.ศ. 1253 แต่ก็เกิดสงครามต่อเนื่องกับเวียดนามจนล่วงถึง ค.ศ.1254
จึงเสร็จสิ้นการศึก จากนั้นเผ่ามองโกลจึงสะสมเสบียงและไพร่พลเพื่อเตรียมรุกรานราชวงศ์ซ่ง
1
ปีค.ศ. 1257 มองเกข่านได้นำทัพมองโกลเข้าสู่แผ่นดินจีนตอนใต้และมาถึงเสฉวนใน ปี ค.ศ.1258 แต่ว่าการเดินทัพครั้งนี้เป็นการเดินทัพที่ยาวนานบนเส้นทางทุรกันดาร ประกอบกับทหารมองโกลส่วนใหญ่เป็นคนทางเหนือไม่คุ้นกับสภาพอากาศทางใต้ ทำให้ไพร่พลล้มป่วยลงจนเหลือกำลังพลไม่มาก และยังต้องเผชิญการต่อต้านจากดินแดนต่างๆตลอดเส้นทาง ทำให้เคลื่อนทัพได้ช้า
3
จนถึงปีค.ศ. 1259 กองทัพมองโกลก็มาถึงเมือง
เซียงหยาง แต่ระหว่างเข้าโจมตีเมือง มองเกข่านก็สวรรคต( โดยบางตำรากล่าวว่า เสียชีวิตเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะนำทัพเข้าตีเมือง แต่บางตำราบอกว่า
จอมข่านเสียชีวิตเพราะโรคติดต่อ) การสวรรคตของจอมข่านมองเก ทำให้เกิดความวุ่นวาย
1
เมื่อองค์ชายกุบไลจะขึ้นครองราชย์เป็นกุบไลข่าน
องค์ชายอาริคโบเก พระอนุชาของพระองค์ได้รวบรวมกองทัพเป็นกบฎเข้าต่อต้าน จนสุดท้ายจึงเกิดเป็นสงครามกลางเมือง ส่งผลให้การโจมตีราชวงศ์ซ่งต้องเว้นระยะไป
เมื่อกุบไลข่านปราบฝ่ายตรงข้ามได้ในปีค.ศ.1264 พระองค์จึงวางแผนพิชิตราชวงศ์ซ่งอีกครั้ง โดยในศึกครั้งนี้ จักรวรรดิมองโกลได้ระดมกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์จากดินแดนต่างๆ ในปกครองมาอย่างเต็มที่
1
ปีค.ศ. 1268 หลังยึดหัวเมืองต่างๆในเสฉวนได้แล้ว จอมพลบายัน แม่ทัพคู่ใจของกุบไลข่านได้นำทัพมองโกลตีเมืองเซียงหยางและฟ่านเจิงอีกครั้ง
1
โดยเผ่ามองโกลใช้กองเรือโจมตีกองเรือขนเสบียงของทั้งสองเมือง พร้อมทั้งสร้างป้อมปราการสำหรับล้อมเมือง ซึ่งกว่าที่เผ่ามองโกลจะสามารถตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงของอีกฝ่ายได้ ก็ต้องใช้เวลาถึง4ปี แต่ถึงอย่างไรแนวป้องกันที่แข็งแกร่งของทั้งสองเมืองก็ทำให้กองทัพมองโกลยังไม่อาจเอาชนะได้
3
จนถึงปี ค.ศ.1273 กุบไลข่านได้ส่งกำลังเสริมมาพร้อมอาวุธใหม่ นั่นคือ เครื่องเหวี่ยงหินขนาดยักษ์ หรือ counterweight Trebuchet ที่สามารถยิงก้อนหินได้ไกลถึง 500 เมตร และยิงหินที่หนัก 300 กิโลกรัมได้ ในขณะที่เครื่องยิงหินแบบเดิมนั้น ยิงได้ไม่เกิน 100 เมตร และยิงหินน้ำหนักไม่เกิน 50 กิโลกรัม
4
กองทัพมองโกลที่นำโดยนายพลอาจู แม่ทัพหน้าของจอมพลบายันได้เปิดฉากโจมตีเมืองฟ่านเจิงด้วยเครื่องเหวี่ยงหินยักษ์ จนทำลายกำแพงลงได้สำเร็จและส่งกองทัพเข้าสังหารหมู่ประชาชนหมดทั้งเมืองอย่างโหดเหี้ยม โดยที่เมืองเซียงหยางไม่อาจส่งกำลังมาช่วยได้ เนื่องจากถูกป้อมปราการของเผ่ามองโกลสกัดไว้
1
หลังจากเมืองฟ่านเจิงแตก ผู้รักษาเมืองเซียงหยางได้ส่งสาส์นขอความช่วยเหลือจากราชวงศ์ซ่ง แต่ว่ากลับถูกราชวงศ์ปฏิเสธ โดยอ้างว่าต้องถนอมกำลังหลักไว้รักษาเมืองหลวง
ซึ่งเมื่อถูกปฏิเสธแม่ทัพผู้รักษาเมืองเซียงหยางจึงยอมจำนนต่อกองทัพมองโกลเพื่อรักษาชีวิตชาวเมืองไว้
จากนั้น กองทัพมองโกลก็รุกรานเข้าสู่เมืองหลินอัน เมืองหลวงของราชวงศ์ซ่ง
ปี ค.ศ. 1276 กองทัพมองโกลที่นำโดยจอมพลบายันก็ยกทัพมาถึงเมืองหลินอัน เมื่อไม่มีทางสู้ จักรพรรดิซ่งกงตี้และพระชนนีจึงยอมจำนน
2
แต่ว่ายังมีขุนนางจำนวนหนึ่งที่ต่อต้านเผ่ามองโกล นำโดยเหวินเทียนเสียง ลู่ซิ่วฟู่ และ จางซื่อเจี๋ย ได้นำพระอนุชา2พระองค์ของจักรพรรดิ คือ องค์ชายจ้าวซื่อ และ องค์ชายจ้าวปิ่ง หนีออกจากเมืองหลวง โดยให้องค์ชายจ้าวซื่อขึ้นเป็นจักรพรรดิซ่งตวนจง แต่ว่าพระองค์ได้สิ้นพระชนม์ระหว่างเสด็จลี้ภัยไปยังกว่างตง เหล่าขุนนางจึงให้องค์ชายจ้าวปิ่งขึ้นเป็นจักรพรรดิซ่งม่อจงที่เกาะลันเตา
ไม่นานกองทัพมองโกลก็ตามมาถึง เหวินเทียงเสียงได้นำทัพเข้าต้านอย่างดุเดือด แต่ก็พ่ายแพ้และถูกจับเป็นเชลยก่อนถูกประหารชีวิตในภายหลัง ส่วนกองกำลัง
ราชวงศ์ซ่งได้ใช้กองเรือหลบหนีลงใต้
กุบไลข่านจึงบัญชาให้แม่ทัพเรือจางหงฟ่าน ซึ่งเป็นแม่ทัพชาวจีนที่มาสวามิภักดิ์นำกองเรือติดตามกองเรือราชวงศ์ซ่ง โดยทัพเรือมองโกลได้เข้าโจมตีกองเรือ
ราชวงศ์ซ่งที่อ่าวหยาเหมิน ถึงแม้ฝ่ายราชวงศ์ซ่งจะมีกำลังมากกว่าสองแสน ขณะที่จางหงฟ่านมีทหารเพียงสองหมื่น แต่ว่าการวางแผนรบที่ผิดพลาดจึงทำให้ฝ่าย
ราชวงศ์ซ่งต้องแพ้กองทัพเผ่ามองโกล
ลู่ซิ่วฟู่อุ้มจักรพรรดิน้อยกระโดดลงทะเลฆ่าตัวตาย ส่วนจางซื่อเจี๋ยนำเรือรบไม่กี่ลำหนีออกทะเลหลวงและหายสาบสูญไป เป็นอันปิดฉากราชวงศ์ซ่งโดยชนเผ่ามองโกลได้ยึดครองแผ่นดินจีนทั้งหมดอย่างสมบูรณ์
27 บันทึก
97
21
27
97
21
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย