~ หลับตาข้างนึง ~
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นสำนวน แต่ก็เป็นคำพูดใช้กันเยอะจนติดปาก ซึ่งเวลาได้ยินแล้วจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรนะ เห็นด้วยมั้ยครับ?
"หลับตาข้างนึง..แล้วทำมันไปซะ"..อืม ฟังดูแล้วเหมือนกับ ทำ ๆ ไปเถอะปัดให้พ้นตัวไปซะ อย่างไงอย่างงั้น
แต่สำหรับผมเมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้วทำให้นึงถึงสมัยเรียนวิศวะฯ เมื่อครั้งยังละอ่อนอยู่ มีอาจารย์สอนคณิตศาสตร์อยู่ท่านหนึ่ง สอนเก่ง นักศึกษาเข้าใจได้แม้แต่เรื่องยาก ๆ เป็นคนรุ่นใหม่นักพัฒนา ที่สำคัญเป็นขวัญใจของนักศึกษาอีกหลายคนเพราะความน่ารัก
ท่านได้บอกไว้ว่าเวลาที่คิดอะไรไม่ออก ดูหนังสือไม่รู้เรื่อง หรือทำโจทย์เลขแล้วหัวไม่แล่น ควาคิดไม่มา ให้ "ลองหลับตาข้างนึงแล้วมองดูซิ เธอจะเห็นคำตอบที่มีอยู่"
ทีแรกก็งง ๆ แต่ก็ได้ลองเอากลับไปทำดูที่หอเวลาทำงานส่ง เอ่อ..จริงแฮะ ทฤษฏีนี้มันใช้ได้นะ เมื่อมานั่งคิดดูแล้วมันเป็นเพราะว่าเมื่อเวลาเราหลับตาข้างหนึ่งมันจะทำให้สมาธิจากจิตใจของเรารวมตัวไปอยู่ในจุดที่เรามุ่งมั่นสนใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และจะมีพลังความคิดที่จะเรียงร้อยเรื่องราวเพื่อหาคำตอบที่เรายังมองข้ามไปให้กระจ่าง
แล้ววันแห่งการพิสูจน์ทฤษฎีนี้ ระหว่างกลุ่มเพื่อนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในหอกว่าสิบคนก็มาถึง...
บ่ายสี่โมงกว่า ๆ วันหนึ่งของหน้าร้อน ในห้องที่นัดหมายกันไว้ในคลาสนั้น
"นี่พวกเธอ..งานสำหรับครั้งนี้จะมีรายละเอียดตามแผ่นใสในโปรเจคเตอร์นี่นะ...
ทั้งหมดก็จะเป็นตามหน้านี้ บลา ๆๆๆ....ๆ"
"เอาล่ะ เข้าใจตรงกันทั้งหมด แล้วก็ไปทำมานะคะ เขียนให้อ่านออก แสดงวิธีทำทุกข้อ ใส่เล่มให้เรียบร้อยทุกเล่ม และส่งพร้อมกันทุกคนไม่เกิน - เก้าโมงเช้า - วันพรุ่งนี้.."
เสร็จปุ๊บอาจารย์ก็เดินออกไป ทิ้งไว้แต่เสียงสั่งงานแสนหวานจากการพูดคนเดียวให้นักศึกษาได้จดกัน
หลังจากเมาหมัดจากเสียงและจำนวนหน้าที่หลากหลาย ก็ได้มานั่งดูกัน..
ทั้งหมดมันเป็นแคลคูลัสชั้นสูงที่ต้องแสดงวิธีทำทั้งหมดเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 550 ข้อ!!!! โอแม่เจ้า...ไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยจอร์ส!!!
งานนี้ฮากันไม่ออกซิครับ หน้าที่ ที่ได้รับมาแล้วนั่นหมายถึงภาระกิจต้องเสร็จสิ้นตามนั้น
เราทุกคนก็มารวมหัวกันในบ้านหลังใหญ่ที่เพื่อนในกลุ่มเช่าอยู่รวมกัน เพราะมีพื้นที่กว้างเพื่อโม่งานนี้ให้สำเร็จ ทุกคนก็ทำร่วมกันตะโกนคุยกันตลอดให้ได้โซลูชั่น ในฐานะผมที่คอยช่วยเหลือและเป็นคนติวให้ในกลุ่มด้วย ก็เลยต้องปั๊มต้นฉบับแล้วก็ร่อนส่งให้กันไปรอบ ๆ ห้อง...
คราวนี้เวลาที่คิดไม่ออกก็ลองใช้เคล็ดลับที่อาจารย์ให้มาดูซิ...เฮ้ยส่วนมากมันได้นี่หน่า คราวนี้ก็สนุกเลย...ผลคือนั่งปั๊มกันทั้งคืน ใครง่วงก็หลับไปแล้วก็ขึ้นมานั่งทำกันต่อ
สุดท้ายเช้าวันนั้นทุกคนที่เดินไปส่งงานก็แปลงร่างเป็นหมีแพนด้าตาหยีพร้อมรอยยิ้มกันทุกคน แต่ภาระกิจก็สำเร็จเสร็จสิ้นไปตามพันธะสัญญาที่ได้รับ
สิ่งที่อาจารย์ไม่ได้พูด แต่ฝากไว้เป็นแง่คิดของงานนี้ก็คือการ "ทำซ้ำ" ทำมันไปเถอะทฤษฎีน่ะมันก็อยู่แค่ในกระดาษ แต่การทำซ้ำไปซ้ำมามันจะเป็นทักษะที่อยู่ในตัวเราตลอดไป....
สิ่งที่ทำให้รู้จากเหตุการณ์นี้ยังมีอีกว่าเราทำได้มากกว่าที่เราคิดและประเมินไว้ ทุกคนในวันนั้นไม่มีใครเลยที่คิดว่าทำไม่ได้ หรือแม้กระทั่งกร่นบ่น มีแต่ความฮาแล้วก็หาทางทำให้ได้ตามที่ได้รับมา ไม่มีใครกังวลเลยที่จะไม่เสร็จ แค่ตัดสินใจ แล้วก็ทำมันซะ ก็เท่านั้น...
คราวต่อไปหากท่านใดรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมันติดขัด คิดไม่ออก ติดอยู่ที่ปาก มองไม่เห็น ก็ลอง "หลับตาข้างหนึ่ง" กับความหมายดี ๆ ดูนะครับ บางทีปิ๊งแว็บกับความคิดมันอาจจะวิ่งจู๊ดเข้ามาให้เห็นก็ได้
แต่ถ้าหลับตาข้างนึงแล้วยังไม่ปิ๊งแว็บ ก็ให้ลองย้ายจุดสนใจไปทำอย่างอื่นสักพักแล้วค่อยกลับมาแล้วกัน...
และผมก็ได้รู้อีกว่าทำไมถึงต้องหลับตาแค่ข้างเดียว..เพราะถ้าหลับตาพร้อมกันทั้งสองข้างแล้วล่ะก้อ มีหวังรุ่งเช้าคงไม่มี 550 ข้อกองนั้นหอบไปส่งแน่ ๆ
#เล่าไปตามเรื่อง
๒๒ ก.ค. ๒๕๖๒
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
