24 ก.ค. 2019 เวลา 14:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
กรณีศึกษา กลยุทธ์ ‘ตู้บุญเติม’
1
‘ตู้เติมเงิน ..เศษเงิน สิบบาท ยี่สิบบาท ...กลายเป็นธุรกิจพันล้าน หมื่นล้าน ...ได้อย่างไร ?’
ผมว่า ทุกคนคงเคยเห็นตู้บุญเติม สีส้มๆ ...ที่ใครๆ ก็คิดว่า ‘ใครวะ จะไปเติมเงินทีละ 10 บาท 20 บาท’ ..คงได้ไม่เท่าไหร่มั้ง !!
1
ไม่ใช่ !! ...บริษัทนี้กำไรปีละกว่า 500 ล้านบาท แล้วโตทุกปี มูลค่าบริษัทตอนที่เขียนนี่ก็กว่า 6 พันล้านบาท ...เริ่มจาก ‘ตู้บุญเติม’ ที่เรามองว่า ใครจะใช้ ?
ผมได้คุยกับ CEO ของ FSMART พี่ณรงค์ศักดิ์ ..เล่าให้ฟังว่า
‘ตู้ตอนนี้มี 130,000 ตู้ กระจายทั่วประเทศ ...แค่หน้าร้านสะดวกซื้อก็ 2 หมื่นกว่าตู้ ...รู้ไหมคนเติมเงินมือถือในประเทศไทยผ่านตู้นี่ 25 ล้านคน วันละ 2 ล้าน Transaction’
ผมก็ถามว่า ‘ทำไมเขาไม่เติมผ่าน 7-11’ ...พี่ณรงค์ศักดิ์ บอกว่า ร้าน 7-11 เขารับเติม 50 บาทขึ้นไป เพราะ เล็กกว่านั้นมันไม่คุ้มแรงงานคนของเขา เอาเวลาไปขายอย่างอื่นดีกว่า ‘ซาลาเปาเพิ่มไหมคะ ?’
แถมร้าน 7-11 ก็เติม AIS ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ AIS กินลูกค้าอยู่ 60% ส่วน DTAC กับ TRUE ประมาณเจ้าละ 20% อันนี้พูดถึงตลาด เติมเงินแบบ Pre-paid
‘ปีที่แล้ว มือถือทั้ง 3 เจ้า พยายาม เปลี่ยนลูกค้าเติมเงินให้เป็นรายเดือน ...ปรากฏว่า ไม่คุ้ม เพราะ Billing ของคนเหล่านี้ มันน้อยกว่าค่าบริการรายเดือน ..แถมหนี้เสียเพิ่ม ...แทนที่จะได้เงินสด ...ทำให้ปีนี้เริ่มปรับกลับมา’
5
“ยุคนี้ ทุกคนก็ปรับตัว มันก็ดิ้นกันทุกคน หาทางที่ดีที่สุด” ...แต่สุดท้าย พฤติกรรมจริงๆ ของลูกค้าจะเป็นตัวตัดสิน
1
‘วันแรกที่ทำ ตู้บุญเติม รายได้ เกือบทั้งหมด อยู่ที่การเติมเงินมือถือ ...แต่วันนี้ต้องปรับตัว เราเรียกว่า เปลี่ยนตู้เป็น ช่องทางขายสินค้า’
....“เปลี่ยนตู้ เป็นช่องทาง” Box to Channel !!
มองเราเป็น 7-11 ก็ได้ เราจำหน่ายสินค้า เริ่มตั้งแต่ รับชำระค่าบริการ
..วันนี้เราเริ่ม ‘ขายซิม’ ...เราพัฒนาตู้ให้ มีกล้อง ใช้ Verify ตัวตน ที่รัฐบาลบอก ขายซิม ต้องระบุตัวตน ...เราก็เอากล้อง เอาเครื่องสแกนบัตรประชาชน เข้ามาเสริมกับตู้บุญเติม
อนาคต KYC นี่ ทำให้ ธนาคารหรือ พวก e-Wallet ที่ต้องการระบุตัวตนลูกค้าได้หมด ...ต่อยอดได้อีกเยอะ
1
...ขายน้ำ ...ขนม ...รับส่งสินค้า ร่วมกับ ไปรษณีย์ไทย ทำจุดรับสินค้า ซึ่งตรงนี้พวกร้านออนไลน์สนใจร่วมพัฒนา
1
..หรือ อย่าง รถไฟฟ้า ..สิ่งที่จะมาก่อนรถ คือ มอเตอร์ไซค์ ...เราไปศึกษาเทคโนโลยีจากไต้หวัน ว่า ถ้าจะเอาตู้บุญเติม สามารถชาร์จไฟ มันจะทำอย่างไร ....สรุปเขาใช้การ Swap แบตเตอรี่ เปลี่ยนเลยแบบมือถือ
4
รถยนต์และที่ชาร์จ มันก็จะตามมาแต่ไม่เร็ว เพราะ มันไม่ถูกเหมือนมอเตอร์ไซค์
2
...ที่จะต่อยอด ต่อไปคือ ปล่อยกู้ ...
“ผม งง มากว่า ตู้บุญเติม จะปล่อยกู้ยังไง ?”
1
พี่ณรงค์ศักดิ์ บอกว่า Phase แรก ก็ปล่อยกู้ คนที่เป็นเครือข่ายตู้นี่แหละ
คุณคิดดู ตู้เรามี 130,000 ตู้ ...แต่ละตู้ เราก็วางอยู่ในธุรกิจโชว์ห่วย , ร้าน , ตลาด , ที่ชุมชน ..ก็ปล่อยกู้ขั้นแรกให้คนที่เป็นหุ้นส่วนตู้บุญเติมนี่แหละ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ
คนเหล่านี้ดูแลตู้ และ เป็นหุ้นส่วนเราอยู่แล้ว ...ก็แค่เสนอ สินเชื่อแบบง่ายๆ จำนวนไม่เยอะ ...ซึ่งตอนนี้กำลังขออนุญาตจากแบงค์ชาติ ในเรื่องนี้อยู่
ที่เล่ามา เพื่อให้เห็นภาพว่า ขนาดตู้บุญเติม คนมองเป็นธุรกิจง่ายๆ ที่น่าจะโดน Disrupt ง่ายๆ ...แต่จริงๆ เราผันตัวเอง จากแค่ตู้เติมเงิน มาเป็นช่องทางแทน (Channel)
2
“พอวิธีคิดเปลี่ยน โอกาสมันเพิ่มมหาศาลเลย”
1
ซึ่งที่สำคัญที่สุด คือ ‘ต้องรู้จุดแข็งของตัวเอง’
1
จุดแข็งของ FSMART คือ
1. เทคโนโลยี ..เราเขียนโปรแกรมเอง คนไทยทำ ..ตู้ทั้งหมด คุมด้วย Computer ..อะไรเสียเรารู้หมด ..เงินเข้าออกกี่บาท ...ที่ส่วนกลาง มี War Room ทำการ Monitor ตลอด ...เอาขนาด คนมาเขย่าตู้ ยังรู้เลย
5
2. ผันตัวจากตู้เติมเงินเป็นช่องทาง ...วันนี้รายได้จาก คือ ขายสินค้าและบริการ เพิ่มเป็น 30% ...ก็วางไว้ว่าในอนาคต ต้องสูงถึง 50% ...ซึ่งนี่คิดในแง่ของยอดขายรวมโตทั้งหมดนะ
1
3. มองโอกาสใหม่ๆ ตลอด ...อะไรที่สามารถ Partner ได้ ก็หาคนมาร่วม เพราะ ช่วยกันมันเร็ว ทุกคน Win-Win
3
4. การบริหารตู้แบบหุ้นส่วน ...ตรงนี้ต่างจากเจ้าอื่นๆ ที่มักขายตู้ แล้วให้คนผ่อน ..ระยะสั้น เหมือนจะได้เงินเร็ว แต่ปัญหาระยะยาวมันคือการดูแล และ การบริหาร ...ต้องบอกว่า Business Model แบบนี้เราแตกต่าง
1
5. บริษัทแม่ Forth มี R&D เอง ...ทำให้ปรับตัวได้ทุกอย่าง
คิดง่ายๆ ว่า ตู้ FSMART แต่ละ ตู้ ก็เหมือน คอมพิวเตอร์ ที่มีอยู่ 130,000 จุด ทั่วประเทศ ...ถ้าจะทำอะไรก็แค่ปรับปรุง ใส่เทคโนโลยีเพิ่มเข้าไป ก็เกิดธุรกิจใหม่ ต่อยอดได้ตลอดเวลา
...นั่งคุยกันเป็นชั่วโมง รู้สึกว่า เหมือนได้นั่งเรียนในคลาส Start-up ...ไอเดียพุ่งพล่านเลยทีเดียว
แต่เดี๋ยวนะ บทความนี้ ไม่ใช่การแนะนำซื้อขายหุ้น ...แต่อยาก แบ่งปันมุมมอง แนวคิดเอาตัวรอดในโลก Disrupt นั่นเอง
3
ขอบคุณบทความจาก
ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
2
โฆษณา