25 ก.ค. 2019 เวลา 12:50 • ธุรกิจ
-โอกาสและการแข่งขันในตลาดจากชิพกับเดลและมิกกี้ เมาส์-
ยังคงหลอกหลอนและแพร่ระบาดไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ต กับคลิปฟุตเทจชิพกับเดลพายเรือขายถั่ว ซึ่งเป็นฉากหนึ่งจากการ์ตูนมิกกี้ เมาส์ ที่นำเสนอเหตุการณ์ในตลาดน้ำแบบไทย
หลงเข้าไปดูสองรอบว่าทำไมคนถึงนิยมกัน กลับมองเห็นสิ่งอื่นแทน
จึงมาชวนถกถึงสิ่งอื่นที่ว่านั้นในกระทู้นี้เสียเลย
ผมเห็นอะไร?
...กลไกตลาดและการบริหารจัดการในตลาดน้ำที่ตัวการ์ตูนดิสนีย์ไปปรากฎอยู่ เอาเข้าจริงผมว่ามีบางส่วนที่สะท้อนข้อเท็จจริงของ ตลาด(การซื้อ-ขาย)ของบ้านเราอยู่ไม่น้อยทีเดียว
ก่อนอื่นใด ขอชื่นชมทีมงานดิสนีย์เก็บข้อมูลของตลาดน้ำได้เกือบครบถ้วน ซึ่งการนำมาใช้ในการ์ตูนนี่เอง ที่ทำให้ผมเล็งเห็น สาร ที่ต้องการสื่อ
ผมจะเล่าและนำเสนอสารตามเหตุการณ์ที่ปรากฏในเรื่อง โดยขอเริ่มจากฉากที่มินนี่ เมาส์ หนูเพศเมียกำลังแจวเรือขายข้าวผัดมาจับจองพื้นที่ นางเล็งเห็นตำแหน่งว่างพอดี จึงคิดนำเรือเข้าเทียบ เผอิญว่ามิกกี้ เมาส์ ที่อาศัยเรือเครื่องยนต์ใบพัด กลับตัดหน้าปาดเข้าเทียบแทน จนก่อให้เกิดความโกลาหลในตลาดน้ำของพระ-นางคู่นี้
ถ้าสังเกตก่อนหน้าที่สองหนูคู่ขวัญจะมาถึงจุดเกิดเหตุ บนคลองจะคลาคล่ำไปด้วยเรือค้าขายแน่นขนัด ปริมาณของผู้ค้าย่อมต้องมากตาม นั่นเพราะคลองแห่งนี้คือทำเลทองอย่างแท้จริง ดังนั้นผู้ค้าถึงได้มากระจุกตัวเพื่อรอผู้จับจ่ายแต่เนิ่นๆ
เช่นนั้น,ทั้งมิกกี้และวินนี่ต่างก็เป็นผู้ค้าที่บริหารเวลาผิดพลาด!
ตลาดเปิดแล้วแต่ผู้ค้าเพิ่งมาถึง นับว่าเสียโอกาสอย่างมากในการบรรลุยอดขาย ไหนยังต้องเสียลูกค้าให้คู่แข่ง(ในกรณีที่ผู้ค้าในคลองขายข้าวผัดหรือสับปะรดเหมือนกัน)
เปรียบเทียบได้กับตลาดอีกประเภทอย่างห้างสรรพสินค้า จะมีระเบียบสำหรับพนักงานขายว่าต้องถึงพื้นที่ขายของตนก่อนห้างเปิดบริการ มิฉะนั้นจะถูกปรับไม่คะแนนก็หักเงินเดือนโดยตรงในวันที่มาช้ากว่ากำหนด
การขายที่พร้อมทุกกระบวนการ ย่อมได้เปรียบกว่าการขายแบบเช้าชามเย็นชาม ยิ่งเป็นทำเลทองด้วยแล้วผู้ค้าจะต้องเตรียมรอรับลูกค้าก่อนล่วงหน้าเสมอ จึงจะคุ้มในการแย่งชิงให้ได้มาทำเลทองอันเสมือนขุมทรัพย์ของผู้ค้า
เมื่อพูดถึงทำเลทอง(ในการ์ตูนแปะป้ายด้วยเลข 999 ซึ่งเป็นเลขมงคลตามคติไทย)ที่สองหนูแย่งชิงกัน ก็เกิดคำถามขึ้นอีก ...เหตุใดไม่มีการระบุไปเลยว่าผู้ค้ารายไหนได้พื้นที่ตรงไหนบนคลองเพื่อขายของ แบบตลาดนัดอื่นๆ ทำกัน
เข้าใจไปเองว่า ทางผู้ผลิตต้องการสะท้อนตลาดน้ำแบบโบราณให้เหมือนมากที่สุด ซึ่งเมื่อก่อนนั้นจะใช้วิธีง่ายๆ คือ ใครมาก่อนมีสิทธิ์ก่อน เฉกเช่นการเข้าแถวต่อคิวที่ใช้มาจนปัจจุบัน
ข้อดีของการใช้สิทธิ์ประเภทนี้คือ ทุกคนมีอำนาจในการเข้าถึงสิทธิ์เท่าเทียมกัน ทำให้อำนาจกระจายไปตามปัจเจกในแนวราบ ทำให้ผู้ใช้สิทธิ์ได้ไปพัฒนาตนเองในการเข้าถึงสิทธิ์นั้นๆ อย่างเช่นมิกกี้ เมาส์ใช้เรือติดเครื่องยนต์ปาดหน้าแซงเข้าเทียบเรือได้ก่อนมินนี่ เมาส์
หรือแม้แต่การปลูกฝังให้คนตื่นเช้าของคนประกอบสัมมาชีพในสมัยก่อน ที่มักลุกขึ้นมาเตรียมการหลายอย่าง ทั้งเตรียมตนเองด้วยการหุงข้าว ทำกับข้าว หรือเตรียมเพื่อรอรับธุรกิจในแต่ละวันอย่างการที่ต้องทำของสดๆ ไปขาย นอกจากจะเป็นวิถีชาวบ้านแล้ว ยังสามารถมองให้เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับรับมือธุรกิจในชีวิตประจำวันได้อีกโสตหนึ่งด้วย
'กาลเวลาไม่เคยรอใคร' การประกอบธุรกิจก็เช่นกัน คำกล่าวนี้คงไปด้วยกันได้ไม่เคอะเขินนัก
ในขณะที่มิกกี้กับมินนี่มัวแต่ขัดแย้งกันเพื่อชิงพื้นที่ทำเลทองนั้น เพราะต่างฝ่ายต่างย้ำว่าไม่คิดจะเปลี่ยนทำเลไปที่อื่น เห็นกับความคุ้มค่าในการเสียเวลาเพื่อทุ่มเถียงทะเลาะเบาะแว้งให้ได้มาตรงตำแหน่ง 999 ในพลันเพลงหลอนหูก็ลอยมาพร้อมกระรอกสองตัว
เมื่อตลาดไร้การบริหารจัดการว่าด้วยระเบียบข้อกำหนดของผู้ค้า ชิพกับเดลสองพี่น้องกระรอกก็พายเรือขายถั่วเข้ามายังพื้นที่ 999 สบายใจเฉิบ ตามด้วยจัดแจงขายสินค้าหลักของตนแบบถล่มทลายในคราเดียว ดลให้สองหนูคู่ขวัญมองตาปริบๆ อยู่รอบนอก
ในโลกของการค้า ถ้าปล่อยโอกาสให้หลุดจากมือไปแล้วไซร้ คู่แข่งหรือผู้ค้ารายอื่นย่อมเสียบแทนโอกาสนั้นๆ อย่างไม่ปราณีปราศรัย ไม่แม้แต่จะนึกเห็นใจ ต่อให้ชิพกับเดลและมิกกี้กับมินนี่พักอาศัยอยู่บนคลองเดียวกัน เป็นเพื่อนบ้านกันในยามมีงานบุญ แต่เมื่อถึงวินาทีผลประโยชน์ มันมีความจำเป็นอยู่เองที่ต้องสลายความสัมพันธ์ลงชั่วคราว
หากมองว่าการใช้สอยพื้นที่ในละแวกร่วมกันของตัวการ์ตูน ไม่ว่าจะอยู่ร่วมคลองเดียวกัน ทำมาหากินบนคลองเดียวกัน อันนี้แหล่ะครับ ...ความเป็นไทย
แต่การที่ชิพกับเดลเห็นพื้นที่ว่างบนคลองในตลาดน้ำ โดยนำเรือขายถั่วเข้าเสียบไม่สนใดๆ ทั้งสิ้น อันนี้ก็สะท้อนภาวะของ... ความเป็นจริง!
มันไม่เหมือนกับการหาโต๊ะและเก้าอี้ในโซนอาหาร (food court) ซึ่งจะมีคนถือจานมาถามว่า "เก้าอี้ตัวนี้ว่างไหมคะ?" ที่เป็นมารยาทนำก่อนใช้สอย ชิพกับเดลจึงไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ มาถึงก็เสียบเรือเข้าที่ เช่นเดียวกับมินนี่ในตอนต้นเรื่องที่ไม่ได้ถามผู้ค้าด้านข้างเหมือนกัน
เมื่อการแย่งชิงพื้นที่ทำเลทองดำเนินไปอย่างร้อนระอุของทั้งสองฝ่าย ก่อนจะมาจูบปากบรรจบกันเพราะข้าวผัดกับสับปะรด สินค้าของคู่กรณีกระทำการ สังวาส กันจนเกิดสินค้าชิ้นใหม่โดยบังเอิญ
ขอนอกเรื่องหน่อย ลักษณะของพระ-นางที่ต้องมีปากเสียงกันในต้นเรื่อง แล้วค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ในฉากที่เป็นส่วนประกอบของโครงเรื่องหลัก(ในที่นี้หมายถึงตลาดน้ำ) ต้องบอกว่านี่มันละครหลังข่าวชัดๆ(มีความเป็นไทยด้วยเช่นกัน)
ครั้นค้นพบข้าวผัดสับปะรดเสร็จสรรพ มิกกี้และมินนี่ตกลงปลงใจรวบสินค้าของตนเป็นหนึ่ง ผนึกกำลังขายสินค้าชิ้นใหม่ในตลาดน้ำแต่เพียงสองคน
จริงๆ ข้าวผัดสับปะรดมีขายอยู่ก่อนแล้ว ทางดิสนีย์เพียงหยิบมันมาเสนอเพื่อชูความเป็นไทยผ่านตัวละครของตนเท่านั้น ทีนี้น่าสนใจว่า การถือกำเนิดของสินค้าใหม่(ข้าวผัดสับปะรด) ควรแปะป้ายมันว่าอย่างไรดี? ระหว่าง.....
New Item หรือ New Release
กระนั้นความสำคัญและผมมองว่าเป็นแก่นสำหรับคนค้าขายสินค้า(product)ก็คือ คุณภาพของสินค้าที่ขาย
ทำนองเดียวกับท่อนร้องของชิพกับเดล 'ถั่วเด็ดสดๆ' การเด็ดถั่วสดๆ แล้วนำมาขายคือคุณภาพสินค้า ที่นอกจากจะนำมาร้องอวดอ้างสรรพคุณ ป่าวร้องเรียกร้องให้ลูกค้ามาอุดหนุนแล้ว การรักษาคุณภาพของสินค้าก็สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด คุณภาพสินค้าสามารถใช้เป็นตัวชี้วัดเกณฑ์ความสำเร็จไม่แพ้องค์ประกอบอื่น
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าลูกค้าซื้อถั่วไปเคี้ยวแล้วพ่นออกมาก่อนอุทาน "เฮ้ย นี่มันถั่วค้างคืนนี่หว่า!"
ชิพกับเดลได้เสียลูกค้าไปแล้วหนึ่งราย ซึ่งไม่รู้ว่าจะเสียไปตลอดกาลหรือไม่?
การรักษาคุณภาพสินค้าอาจเท่ากับการรักษาลูกค้าเอาไว้ได้อีกทางหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการ
ข้าวผัดสับปะรดก็ดุจเดียวกัน เมื่อมีสินค้าใหม่วางขายในตลาด ซ้ำยังทำให้ลูกค้าประทับใจในคุณภาพสินค้า มิกกี้กับมินนี่อาจทะลุถึงขั้น ผูกขาดแต่เพียงเจ้าเดียว ได้เลยในตลาดน้ำแห่งนี้ ผมขอเรียกง่ายๆ ว่า การผูกขาดด้วยความสามารถของผู้ผลิต
ซึ่งแตกต่างกับการผูกขาดด้วยกลไกอื่นๆ เช่น มาตรการกีดกันสินค้าคู่แข่งอย่างแท็กซี่ที่มีต่อแกร๊ป
วิธีการที่ผมใช้อธิบายเพื่อนๆ(ขี้โม้นั่นแหล่ะ)ถึงการผูกขาดด้วยความสามารถของผู้ผลิต ผมจะยกตัวอย่างวงดนตรี Queen ที่มีเฟรดดี้ เมอคิวรี่ร้องนำอยู่เสมอว่า ถ้านึกถึงดนตรีแนวโอเปร่า ร็อค จะนึกถึงใคร เพื่อนสิบคนมันประสานเสียงตอบโดยพร้อมกันว่า Queen
ทั้งที่วงที่เล่นดนตรีแนวโอเปร่า ร็อค มีอยู่หลายวงในโลก แต่ Queen คือชื่อแรกและแทบเป็นชื่อเดียวเมื่อนึกถึง
ในทำนองเดียวกันกับข้าวผัดสับปะรด การได้ขายสินค้าใหม่ที่ไม่ซ้ำกับคู่ค้ารายอื่น และได้รับการยอมรับถึงคุณภาพสินค้าจนขายดิบขายดี ข้าวผัดสับปะรดในคลองสายนี้ก็มีแต่มิกกี้กับมินนี่เท่านั้น เพราะทั้งสองผูกขาดด้วยความสามารถในการรักษาหรือเพิ่มคุณภาพสินค้าของตนนั่นเอง
ยังมีสิ่งที่ไม่อาจมองข้าม การมีข้าวผัดสับปะรดเป็นสินค้าใหม่โดยผู้ค้ารายเดิมยังทำให้เห็นอีกสองประการ
ประการแรก การร่วมทุนกันระหว่างมิกกี้กับมินนี่เป็นการลดความเสี่ยงในทำนองสองหัวดีกว่าหัวเดียวกระเทียมลีบ ได้ช่วยกันคิด ได้ทำให้รู้ว่าสินค้าของตนมีข้อดีที่ตัวเองมองไม่เห็น ลดความขัดแย้งแทนที่จะแข่งขันกัน กลายเป็นร่วมมือกัน
ประการต่อมา เมื่ออยู่ในตลาดจะต้องมีสินค้าใหม่มานำเสนอลูกค้าทุกครั้งที่มีโอกาส(หรือบังคับตายตัวเป็นเวลาที่แน่นอนตามปฏิทินยังได้)ให้สม่ำเสมอ ดูอย่างแบรนด์ผลิตภัณฑ์กีฬาโลโก้สามขีดกับเครื่องหมายถูกที่ขยันออกรุ่นใหม่ๆ มาให้ลูกค้าสอยแทบจะถี่เป็นรายเดือนยังว่าได้ รถยนต์ที่ว่าแพงต้องมีตัวใหม่มาทำให้รถที่บ้านดูเก่าไปโดยปริยาย เพราะเมื่อคิดจะยึดตำแหน่งในตลาดเพื่อขายของ การหยุดนิ่งหรือพึงพอใจกับสิ่งเดิมๆ นั้น นั่นอาจจะกลายเป็นศรที่ย้อนมาทิ่มแทงตนเองได้ในสักวันหนึ่ง
การแข่งขันของโลกการค้านับวันยิ่งรุนแรง ต้องคิด คิด และคิดจนหัวระทมก่อนล้มตัวนอนหลังละครจบอยู่เสมอ
ถ้าพบว่าตัวเองเพิ่งพายเรือมาตลาดเมื่อตะกี้ ก็เตรียมเสียโอกาสและพื้นที่ให้แก่ชิพกับเดลได้เลย
โฆษณา