26 ก.ค. 2019 เวลา 02:00 • ไลฟ์สไตล์
~ เจ้าที่ ~
มันไม่ง่ายนักที่จะฝ่ารถติดออกจากเมืองเพื่อกลับบ้านในแต่ละวัน โดยมีเพื่อนร่วมชะตากรรมบนท้องถนน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลผลิตจากกลไกการตลาดในการโฆษณาเพื่อกระตุ้นต่อมกิเลสให้คายน้ำย่อยออกมาเรียกอาหารจานใหญ่ ประกอบกับเครื่องมือทางการเงินที่ทรงพลัง ซึ่งปัจจุบันทำให้กู้ได้ง่ายเพียงกระพริบตา
กว่าจะถึงบ้านก็หมดแรงข้าวกลางวันที่แข่งกันสูงกับค่าครองชีพที่ถีบตัวเองเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้หิวโซรอจัดต่อมื้อเย็นควบค่ำ
ยิ่งวันนี้จะดึกมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นวันศุกร์แห่งชาติที่ทุกคนต้องออกไปใช้เงินกันให้สมกับที่อัดอั้นกันมาทั้งเดือน
ภรรยาเปิดกุญแจประตูรั้วหน้าบ้าน กำลังก้าวจะก้าวขาข้าม แต่ก็ต้องร้องเสียงหลง
“คุณ!.....”
“อะไร ร้องเสียงดัง ตกใจหมด ยิ่งกลับดึกอยู่วันนี้” ผมติงท่ามกลางความเงียบสงัด
“ดูชิงช้าซิ มันแกว่งเอง...แรงด้วย”
ภาพที่เห็นคือ ชิงช้าที่อยู่ใต้ต้นโมกหน้าบ้าน กำลังแกว่งไปแกว่งมา ในขณะที่ใบไม้ทุกใบนิ่งสงบ ไม่กระดิกแม้แต่นิดเดียว
ชิงช้าที่เป็นพื้นไม้มะค่าลงเชลแล็กสีไม้ น้ำตาลทอง เงาวับ ที่สำคัญมันเป็นไม้ชิ้นเดียวทั้งแผ่น ที่มีหน้าไม้กว้าง และเป็นไม้เก่าเก็บ อายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปี
“ทำอย่างไงดีล่ะ เจ้าที่แน่ๆ เลย” เสียงเบาลง บอกถึงความกลัว
“ก็ไม่ต้องทำอย่างไงหรอก ก็รีบเปิดประตูจะได้เอารถเข้าบ้าน ดึกมากแล้ว” ผมบอก เสียงเข้มเพื่อที่จะไม่ให้ความกลัวเล็ดลอดออกไป
ตั้งแต่นั้นมา เราพยามเดินให้ห่างจากชิงช้าตัวนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเวลากลางคืน
ว่ากันว่า ‘เจ้าที่เจ้าทาง’ นี้มีทุกหนทุกแห่ง เหมือนกับเป็นเรื่องราวที่ได้ถูกบันทึกไว้ให้เป็นข้อมูล โดยมีใครสักคนเป็นผู้ควบคุมมัน ตั้งแต่ พื้นดิน-ป่า-ทะเล-รถยนต์-มอเตอร์ไซด์-ภาพวาด-ฯลฯ รวมถึงในบ้าน
และออกมาแสดงตัวในวันใดวันหนึ่งให้เห็น
นั่นคือเจ้าที่ ที่ไม่มีตัวตนแต่รู้สึกได้
ส่วนเจ้าที่อีกด้านหนึ่ง เป็นสิ่งมีชีวิตที่มักจะสวมรอยเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ และมักแสดงตัวออกมาให้เห็นอยู่ตลอด ทุกกาล ทุกที่
นั่นคือเจ้าที่ ที่มีตัวตน และจับต้องได้
- หรืออาจจะต้องเสียค่าบูชาเจ้าที่ ในกรณีที่ต้องพึ่งพาอิทธิฤทธิ์
สนนราคาก็อยู่ที่ความเข้มข้นของผลลัพธ์ที่ต้องการ
มีบ้านหลังหนึ่งอยู่หัวมุมถนน ใกล้ร้านข้าวต้มรอบดึก ที่เป็นแหล่งฝากท้องของนักดื่มนักเที่ยวยามดึก หรือจะเป็นที่สำหรับนักดื่มที่ไม่ต้องการตะโกนคุยกันแข่งกับเสียงตื้ดๆ ในผับให้แสบคอ แต่ที่สำคัญคุณภาพเมาได้ไม่จำกัดเหมือนกัน
อาแป๊ะเจ้าของบ้านหลังนั้นแกหัวเสียทุกเช้า ที่ต้องคอยเอาสายยางมาฉีดกำแพง ล้างซากและกลิ่นที่ขี้เมาทั้งหลายบรรจงมาฝากไว้ทุกคืน พร้อมกับพ่นคำบ่นออกมาได้ไม่ซ้ำกันแต่ละวัน
นานเข้าแกเลยค้นพบทางสว่างว่า ทุกอย่างมันต้องมีสตอรี่ มันต้องมีเรื่องราว – มันต้องมีเจ้าที่
รุ่งขึ้น แกเลยหาตัวแทนเพื่อให้ตำแหน่งเจ้าที่ โดยการเอาสีสเปรย์ไปพ่นกำแพงด้านนอก ‘ที่หมาเยี่ยว’
-ใช่ แกยกตำแหน่งนี้ให้หมา
เอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่ได้ถูกกับเรื่องแนวนี้เท่าไหร่ แต่ดูเหมือนมันจะมีแรงดึงดูดให้ได้เจออยู่ตลอดตั้งแต่เด็ก เหมือนกับคลื่นวิทยุที่จูนกัน เปิดปุ๊บติดปั๊บ
ยังจำได้ตอนยังเด็ก วันหนึ่งได้รับตังค์ค่าขนมแล้ววิ่งจากแม่ที่กำลังนั่งซักผ้าอยู่ที่ลานหลังบ้าน จังหวะที่จะผ่านประตูจากห้องครัว ก็รู้สึกเหมือนกับวิ่งชนเข้ากับคนแก่คราว อาก๋ง หน้าแหลม เครายาวเท่าฝ่ามือ ใส่เสื้อสีขาวผ้าดิบผ่ากลางกลัดกระดุม มีกระเป๋าที่ชายเสื้อทั้งข้างซ้ายและขวา กางเกงขาก๊วยสีดำมันวาว
เมื่อเงยหน้าก็เห็นแววตาใจดี อมยิ้ม
แต่..ผมวิ่งทะลุผ่านอาก๋งไปได้!
เมื่อหันกลับมาช่วงเสี้ยววินาที ก็ไม่มีใครอีกนอกจากตัวเองที่อยู่ในห้องนั้น
หมา -มักจะมีสัญชาตญาณและการรับรู้ที่เร็วกว่าคน เวลาเจอกับพลังงานบางอย่าง
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมเลือกมีเจ้าตูบเป็นสมาชิกของครอบครัว
เหมือนเรื่องเล่าขานจากคนรุ่นก่อน เวลาสร้างบ้านจะสร้างเป็นไม้ ซึ่งเมื่อเวลานานไปพื้นไม้จะหดตัวและเกิดร่อง เวลาตกดึกนั่งล้อมวงคุยกันต้องพยายามนั่งตามยาวของไม้ บนกระดานแผ่นเดียว ไม่อย่างนั้นจะมีอะไรบางอย่างเหมือนเข็มแหลมทิ่มขึ้นมาจากร่องให้รู้สึกเจ็บจนสะดุ้ง
ของเก่าส่วนมากก็จะมีตำนานทุกอย่าง คู่รักที่อยู่ร่วมกันมานานก็มีเรื่องราวที่ให้จดจำไว้เล่าขาน
ตำนานมักสร้างได้จากการสร้างขึ้นมา ส่วนผมเลือกที่จะสร้างตำนานจากความสุขที่ควรจะมี
ผมมักจะปรับตัวได้กับหลากหลายสภาวะ
ผมเลยไม่ทำตัวให้ไม่มีปัญหากับภรรยา อะไรที่อยากได้แต่ไม่ได้รับความเห็นชอบ ก็ปล่อยมันไปซะ
ผมเรียนรู้ที่จะเคารพ ‘เจ้าที่’
-เลือกที่จะอยู่เป็น เพื่อให้เป็นอย่างที่อยู่
และวันนี้เราก็กลับบ้านกันดึกอีกวัน จากการฝ่ารถติดที่หนักมาก เนื่องจากวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดยาวแห่งสิ้นปี และคร่อมวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้คนเริ่มเดินทางกลับต่างจังหวัด เพื่อไปฉลองปีใหม่กับคนที่รัก
ในซอยทางเข้าบ้านเริ่มเงียบ อากาศเริ่มเย็น
ภรรยาเปิดกุญแจประตูรั้วหน้าบ้าน ยังไม่ทันก้าวข้าม แต่ก็ต้องร้องเสียงดังกว่าเดิม
“คุณ!.....”
“ดูชิงช้าซิ มันแกว่งเองอีกแล้ว....ยิ่งเร็วและแรงขึ้นด้วย”
“เจ้าที่..คงมาบอกว่าไม่อยากให้ใครไปทับไลน์ท่านมั้ง” ผมตอบเชื่องช้าเสียงหนักแน่น
ผมคงต้องรู้สึกวาบท้องน้อยอีกครั้ง ถ้าไม่ทันเหลือบไปเห็นเจ้าตูบที่เพิ่งกระโดดลงจากชิงช้า แล้ววิ่งหลบไปนั่งทำหน้าปั้นเจ๋ออยู่หลังบ้าน ก่อนที่ภรรยาจะตามมาเปิดประตู
‘เป็นอย่างไงล่ะ กลัวล่ะซิ....หึๆๆ’ ผมพูดเสียงดังอย่างกระหยิ่ม แต่คิดในใจ
ผมแอบยิ้มมุมปากขวาในชัยชนะที่รู้สึกว่าได้เป็นเจ้าที่ที่แท้จริง
#เล่าไปตามเรื่อง
๒๖ ก.ค. ๒๕๖๒
โฆษณา